บทที่ 2 หวังดี (?)

1364 Words
ปึง ! สิ้นเสียงอคินณ์ก็เดินกระแทกเท้าออกไป ทำให้ทั้งห้องอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง “ฉันขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาเจออะไรแย่ ๆ แบบนี้ หนูฝันอย่าถือสาพี่เขาเลยนะ” “อ่า...ค่ะ” เหมือนฝันตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้อธิป เหมือนฝันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว แม้เธอจะรู้สาเหตุการเสียชีวิตของบิดาแต่ก็ไม่ได้พาลนึกโกรธเคืองอธิปไปด้วย เพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพ่อนั้นเหมือนฝันและแม่ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น... “ทานข้าวกันต่อเถอะ” บรรยากาศในห้องอาหารผ่อนคลายลงมากเมื่อไร้คนเจ้าอารมณ์ ก่อนที่บทสนทนาจะถูกเปลี่ยนไปพร้อมกับอธิปที่หันมาถามเรื่องการเรียนของเธอเป็นระยะ “ถ้าจะสอบเข้ามหา’ลัยรัฐตอนนี้ก็คงไม่ทัน ถ้าอย่างนั้นให้หนูฝันเข้าเรียนที่มหา’ลัยเอกชนดีไหม” เหมือนฝันอายุยี่สิบปี ถ้าเพื่อนรุ่นเดียวกันคงเรียนมหาวิทยาลัยปีสองกันแล้ว แต่เพราะเธอมัวแต่ทำงานเลี้ยงตัวเองไปแต่ละวันจึงไม่มีโอกาสได้คิดเรื่องพวกนั้น “แต่ค่าเทอมมัน-” “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ทวีทรัพย์สกุลเป็นผู้สนับสนุนทุนการศึกษารายใหญ่ของมหาวิทยาลัย แค่การจะฝากเด็กเข้าเรียนสักคนไม่ใช่เรื่องยากอะไร” “แต่หนูไม่อยากทำแบบนั้น” เหมือนฝันที่ใช้ความพยายามของตัวเองมาทั้งชีวิต ไม่คุ้นชินกับเส้นสายและการได้อะไรมาง่าย ๆ เหมือนที่กำลังเป็นอยู่ “อย่างนั้นฉันจะติดต่อไปให้ทางมหาวิทยาลัยเปิดสอบรอบพิเศษ และหนูฝันก็สมัครและไปสอบเข้าตามระเบียบของมหาวิทยาลัยดีไหม แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าใช้เส้นสายหรอกนะ” “แต่ว่า-” “รับไว้เถอะ ลุงว่าเดือนก็คงคิดเหมือนกัน” เหมือนฝันย้อนคิดไปเมื่อสองปีที่แล้วที่มารดาถามว่าอยากเรียนมหาวิทยาลัยอะไร แต่เหมือนฝันก็ปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าหลังจากที่เธอและแม่ถูกญาติฝั่งบิดาไล่ออกจากบ้านฐานะทางการเงินย่ำแย่แค่ไหน สู้เธอเอาเวลาพวกนั้นมาช่วยแม่ทำงานดีกว่า แต่เวลาความสุขของเหมือนฝันช่างแสนสั้น เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือนมารดาก็จากกันไปเสียก่อน และเธอใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตลอดสองปี “ถ้าอย่างนั้นหนูจะตั้งใจสอบเข้าไม่ให้คุณลุงผิดหวังค่ะ” เมื่อโอกาสแสนสำคัญมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เหมือนฝันก็จะขอคว้าเอาไว้ด้วยความเต็มใจ... และความตั้งใจของเธอก็ไม่สูญเปล่า เมื่อหน้าจอแล็บท็อปปรากฏรายชื่อเหมือนฝันว่าผ่านการสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา และยังเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่ราคาค่าเทอมเฉียดแสนที่เธอไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะมีโอกาสเข้าเรียนมาก่อน “ลุงดีใจด้วยนะ” “คิก ๆ ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณลุงหนูคงไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนที่นี่แน่” ที่เหมือนฝันไม่ได้พูดเพราะอยากเอาใจ แต่มันคือความจริงทั้งหมด เพราะนอกจากการจัดสอบรอบพิเศษ อธิปก็ยังใจดีหาติวเตอร์มาสอน อีกทั้งยังออกค่าใช่จ่ายในการซื้อหนังสือและแล็บท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดให้ใช้ในการเตรียมตัวสอบอีกด้วย “อื้ม จากนี้ก็ตั้งใจเรียนแล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะ” “หนูขอบคุณมากนะคะ” เหมือนฝันส่งยิ้มกว้างให้ชายวัยกลางคน “คุณลุงไม่เหงาหรอกค่ะเพราะมีเอกสารเป็นเพื่อนตั้งเยอะ คิก ๆ” เหมือนฝันหยอกล้อเพราะเดือนหนึ่งที่อยู่ที่นี่ ทำให้เธอสนิทกับอธิปกว่าแต่ก่อนมา ก่อนที่ห้องรับแขกจะมีหัวเราะ แต่เหมือนเสียงแห่งความสุขพวกนั้นจะไม่เข้าหูคนมาใหม่ “มีความสุขกันจังเลยนะครับ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงข้างเหมือนฝันอย่างถือวิสาสะ นัยน์ตาคมเหลือบมองหน้าจอแล็บท็อปปรากฏรายชื่อผู้ที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” “เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าแกกลับมาที่นี่ทำไม” “ก็นี่มันบ้านผม จะเข้าออกตอนไหนคงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม” “ค่ะ” เป็นเหมือนฝันที่ตอบรับเพราะนัยน์ตาคู่นั้นมันมองมาที่เธออย่างประชดประชัน “เห็นไหม เมียใหม่พ่อยังไม่ว่าอะไรเลย” “อคินณ์แกนี่มัน จริง ๆ เลย เฮ้อ” อธิปถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อลูกชายคนเดียวเอาแต่กระแนะกระแหนกันอยู่ได้ และสีหน้าแบบนั้นของบิดามันทำให้อคินณ์พอใจเหลือเกิน เพราะสิ่งที่เขาจะทำต่อไปมันจะยิ่งสร้างความเหนื่อยอกเหนื่อยใจมากกว่านี้อีกน่ะสิ “มาแล้วก็อย่าสร้างความเดือดร้อนแล้วกัน” อธิปพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปเพราะมีประชุมออนไลน์ที่รออยู่ ทั้งห้องกว้างจึงเหลือเพียงเหมือนฝันและร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกัน เหมือนฝันทำตัวไม่ถูก เพราะตั้งแต่วันที่อคินณ์สาดอารมณ์และวาจาร้ายกาจใส่ เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย และหลังจากวันนั้นเหมือนฝันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด มือเรียวค่อย ๆ พับหน้าจอแล็บท็อปบนตักและหวังจะออกไปจากความอึดอัด แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปเสียงเข้มก็เอ่ยรั้งกันไว้ก่อน “เดี๋ยว” “คะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” สองแขนกอดแล็บท็อปแนบอกเมื่อร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้ “อยู่ที่นี่มีความสุขไหม” “คะ ? ค่ะ” “อื้ม” เหมือนฝันพยักหน้าให้อคินณ์อย่างสุภาพไปทีหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนที่คุณลุงจัดเตรียมไว้ให้ โดยมีร่างสูงใหญ่มองตามไม่ห่าง ความสุขงั้นเหรอ เธอคงมีมันได้อีกไม่นานหรอก... บนโต๊ะอาหารเช้านี้ต่างจากทุกวันเพราะมีลูกชายเพียงคนเดียวของทวีทรัพย์สกุลนั่งตระหง่านร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน “วันนี้หนูฝันจะไปซื้อชุดนักศึกษาใช่ไหม เดี๋ยวลุงบอกเจ้าเติมไว้” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง หนูดูจากในเน็ตแล้วเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง” เหมือนฝันปฏิเสธอย่างเกรงใจ วันนี้เธอจะออกไปซื้อชุดนักศึกษาและอุปกรณ์การเรียนเพื่อเตรียมที่จะเปิดเทอมในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าด้วยตัวเอง และเธอก็หาข้อมูลมาแล้วว่าจากบ้านหลังนี้ต้องเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดอย่างไร และแม้จะไม่คุ้นเคยเส้นทางแต่เหมือนฝันคิดว่าระยะทางไม่ไกลนี้เธอน่าจะจัดการได้ “ถ้าอย่างนั้นให้ผมพาไปดีไหม” อคินณ์ที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากอย่างใจดี จะว่าไปตั้งแต่ที่เขากลับมาบ้านวันนั้นก็เหมือนชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยปากเสียใส่เธอ และนั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเหมือนฝันก็ตั้งใจจะต่างคนต่างอยู่กับชายหนุ่มอยู่แล้ว “จริงสิ แกก็เรียนมหา’ลัยเดียวกันน่าจะรู้จักร้านพวกนี้” อธิปเองก็อยากให้ทั้งสองสนิทสนมกันไว้ และที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่ได้สร้างปัญหาหรือสร้างความเดือดร้อนแล้วด้วย แม้จะยังไม่แน่ใจในการกระทำของอคินณ์แต่เขาก็ไม่อยากตั้งแง่กับลูกชายมากเกินไป และเขาก็เป็นห่วงเหมือนฝันที่เพิ่งเคยเข้ามาในเมืองหลวงให้ออกไปซื้อของคนเดียว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง” “ทำไม เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ” “เอ่อ...คือ” “ไปกับพี่เขาสะดวกกว่านะ ลุงจะได้ไม่ต้องห่วงกลัวหนูหลงด้วย” เมื่อไร้ทางเลือกเหมือนฝันจึงได้เป็นพยักหน้ายินยอมออกไปซื้อของกับชายหนุ่ม “ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนหน่อยนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD