ปึง !
สิ้นเสียงอคินณ์ก็เดินกระแทกเท้าออกไป ทำให้ทั้งห้องอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาเจออะไรแย่ ๆ แบบนี้ หนูฝันอย่าถือสาพี่เขาเลยนะ”
“อ่า...ค่ะ” เหมือนฝันตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้อธิป
เหมือนฝันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว แม้เธอจะรู้สาเหตุการเสียชีวิตของบิดาแต่ก็ไม่ได้พาลนึกโกรธเคืองอธิปไปด้วย เพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพ่อนั้นเหมือนฝันและแม่ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น...
“ทานข้าวกันต่อเถอะ”
บรรยากาศในห้องอาหารผ่อนคลายลงมากเมื่อไร้คนเจ้าอารมณ์ ก่อนที่บทสนทนาจะถูกเปลี่ยนไปพร้อมกับอธิปที่หันมาถามเรื่องการเรียนของเธอเป็นระยะ
“ถ้าจะสอบเข้ามหา’ลัยรัฐตอนนี้ก็คงไม่ทัน ถ้าอย่างนั้นให้หนูฝันเข้าเรียนที่มหา’ลัยเอกชนดีไหม”
เหมือนฝันอายุยี่สิบปี ถ้าเพื่อนรุ่นเดียวกันคงเรียนมหาวิทยาลัยปีสองกันแล้ว แต่เพราะเธอมัวแต่ทำงานเลี้ยงตัวเองไปแต่ละวันจึงไม่มีโอกาสได้คิดเรื่องพวกนั้น
“แต่ค่าเทอมมัน-”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ทวีทรัพย์สกุลเป็นผู้สนับสนุนทุนการศึกษารายใหญ่ของมหาวิทยาลัย แค่การจะฝากเด็กเข้าเรียนสักคนไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“แต่หนูไม่อยากทำแบบนั้น” เหมือนฝันที่ใช้ความพยายามของตัวเองมาทั้งชีวิต ไม่คุ้นชินกับเส้นสายและการได้อะไรมาง่าย ๆ เหมือนที่กำลังเป็นอยู่
“อย่างนั้นฉันจะติดต่อไปให้ทางมหาวิทยาลัยเปิดสอบรอบพิเศษ และหนูฝันก็สมัครและไปสอบเข้าตามระเบียบของมหาวิทยาลัยดีไหม แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าใช้เส้นสายหรอกนะ”
“แต่ว่า-”
“รับไว้เถอะ ลุงว่าเดือนก็คงคิดเหมือนกัน” เหมือนฝันย้อนคิดไปเมื่อสองปีที่แล้วที่มารดาถามว่าอยากเรียนมหาวิทยาลัยอะไร แต่เหมือนฝันก็ปฏิเสธเพราะรู้ดีว่าหลังจากที่เธอและแม่ถูกญาติฝั่งบิดาไล่ออกจากบ้านฐานะทางการเงินย่ำแย่แค่ไหน
สู้เธอเอาเวลาพวกนั้นมาช่วยแม่ทำงานดีกว่า แต่เวลาความสุขของเหมือนฝันช่างแสนสั้น เพราะหลังจากนั้นไม่กี่เดือนมารดาก็จากกันไปเสียก่อน และเธอใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตลอดสองปี
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะตั้งใจสอบเข้าไม่ให้คุณลุงผิดหวังค่ะ”
เมื่อโอกาสแสนสำคัญมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เหมือนฝันก็จะขอคว้าเอาไว้ด้วยความเต็มใจ...
และความตั้งใจของเธอก็ไม่สูญเปล่า เมื่อหน้าจอแล็บท็อปปรากฏรายชื่อเหมือนฝันว่าผ่านการสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา และยังเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่ราคาค่าเทอมเฉียดแสนที่เธอไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะมีโอกาสเข้าเรียนมาก่อน
“ลุงดีใจด้วยนะ”
“คิก ๆ ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณลุงหนูคงไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนที่นี่แน่”
ที่เหมือนฝันไม่ได้พูดเพราะอยากเอาใจ แต่มันคือความจริงทั้งหมด เพราะนอกจากการจัดสอบรอบพิเศษ อธิปก็ยังใจดีหาติวเตอร์มาสอน อีกทั้งยังออกค่าใช่จ่ายในการซื้อหนังสือและแล็บท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดให้ใช้ในการเตรียมตัวสอบอีกด้วย
“อื้ม จากนี้ก็ตั้งใจเรียนแล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะ”
“หนูขอบคุณมากนะคะ” เหมือนฝันส่งยิ้มกว้างให้ชายวัยกลางคน
“คุณลุงไม่เหงาหรอกค่ะเพราะมีเอกสารเป็นเพื่อนตั้งเยอะ คิก ๆ” เหมือนฝันหยอกล้อเพราะเดือนหนึ่งที่อยู่ที่นี่ ทำให้เธอสนิทกับอธิปกว่าแต่ก่อนมา ก่อนที่ห้องรับแขกจะมีหัวเราะ แต่เหมือนเสียงแห่งความสุขพวกนั้นจะไม่เข้าหูคนมาใหม่
“มีความสุขกันจังเลยนะครับ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงข้างเหมือนฝันอย่างถือวิสาสะ นัยน์ตาคมเหลือบมองหน้าจอแล็บท็อปปรากฏรายชื่อผู้ที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
“เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าแกกลับมาที่นี่ทำไม”
“ก็นี่มันบ้านผม จะเข้าออกตอนไหนคงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม”
“ค่ะ” เป็นเหมือนฝันที่ตอบรับเพราะนัยน์ตาคู่นั้นมันมองมาที่เธออย่างประชดประชัน
“เห็นไหม เมียใหม่พ่อยังไม่ว่าอะไรเลย”
“อคินณ์แกนี่มัน จริง ๆ เลย เฮ้อ” อธิปถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อลูกชายคนเดียวเอาแต่กระแนะกระแหนกันอยู่ได้ และสีหน้าแบบนั้นของบิดามันทำให้อคินณ์พอใจเหลือเกิน
เพราะสิ่งที่เขาจะทำต่อไปมันจะยิ่งสร้างความเหนื่อยอกเหนื่อยใจมากกว่านี้อีกน่ะสิ
“มาแล้วก็อย่าสร้างความเดือดร้อนแล้วกัน” อธิปพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปเพราะมีประชุมออนไลน์ที่รออยู่ ทั้งห้องกว้างจึงเหลือเพียงเหมือนฝันและร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกัน
เหมือนฝันทำตัวไม่ถูก เพราะตั้งแต่วันที่อคินณ์สาดอารมณ์และวาจาร้ายกาจใส่ เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย และหลังจากวันนั้นเหมือนฝันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด
มือเรียวค่อย ๆ พับหน้าจอแล็บท็อปบนตักและหวังจะออกไปจากความอึดอัด แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปเสียงเข้มก็เอ่ยรั้งกันไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“คะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” สองแขนกอดแล็บท็อปแนบอกเมื่อร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้
“อยู่ที่นี่มีความสุขไหม”
“คะ ? ค่ะ”
“อื้ม”
เหมือนฝันพยักหน้าให้อคินณ์อย่างสุภาพไปทีหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนที่คุณลุงจัดเตรียมไว้ให้ โดยมีร่างสูงใหญ่มองตามไม่ห่าง
ความสุขงั้นเหรอ เธอคงมีมันได้อีกไม่นานหรอก...
บนโต๊ะอาหารเช้านี้ต่างจากทุกวันเพราะมีลูกชายเพียงคนเดียวของทวีทรัพย์สกุลนั่งตระหง่านร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
“วันนี้หนูฝันจะไปซื้อชุดนักศึกษาใช่ไหม เดี๋ยวลุงบอกเจ้าเติมไว้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง หนูดูจากในเน็ตแล้วเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง” เหมือนฝันปฏิเสธอย่างเกรงใจ
วันนี้เธอจะออกไปซื้อชุดนักศึกษาและอุปกรณ์การเรียนเพื่อเตรียมที่จะเปิดเทอมในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าด้วยตัวเอง และเธอก็หาข้อมูลมาแล้วว่าจากบ้านหลังนี้ต้องเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดอย่างไร และแม้จะไม่คุ้นเคยเส้นทางแต่เหมือนฝันคิดว่าระยะทางไม่ไกลนี้เธอน่าจะจัดการได้
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมพาไปดีไหม” อคินณ์ที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากอย่างใจดี จะว่าไปตั้งแต่ที่เขากลับมาบ้านวันนั้นก็เหมือนชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยปากเสียใส่เธอ และนั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเหมือนฝันก็ตั้งใจจะต่างคนต่างอยู่กับชายหนุ่มอยู่แล้ว
“จริงสิ แกก็เรียนมหา’ลัยเดียวกันน่าจะรู้จักร้านพวกนี้” อธิปเองก็อยากให้ทั้งสองสนิทสนมกันไว้ และที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่ได้สร้างปัญหาหรือสร้างความเดือดร้อนแล้วด้วย แม้จะยังไม่แน่ใจในการกระทำของอคินณ์แต่เขาก็ไม่อยากตั้งแง่กับลูกชายมากเกินไป และเขาก็เป็นห่วงเหมือนฝันที่เพิ่งเคยเข้ามาในเมืองหลวงให้ออกไปซื้อของคนเดียว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง”
“ทำไม เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ”
“เอ่อ...คือ”
“ไปกับพี่เขาสะดวกกว่านะ ลุงจะได้ไม่ต้องห่วงกลัวหนูหลงด้วย”
เมื่อไร้ทางเลือกเหมือนฝันจึงได้เป็นพยักหน้ายินยอมออกไปซื้อของกับชายหนุ่ม
“ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนหน่อยนะคะ”