Chapter 5 ข้าเป็นหญิงเลว
“ตะ...แต่ข้ากลัว”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกลั้นสะอื้น ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไป เร็วเสียจนนางไม่อาจตั้งตัวตั้งสติ แค่เพียงได้สบตาคมคู่นี้ของเขา ร่างกายของนางก็โอนอ่อนราวกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของเขาเสมอมา
“อย่าได้กลัวไปเลย ไม่มีสิ่งใดที่เถ้าแก่เนี้ยต้องเป็นกังวล เรื่องในวันนี้จะเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้น”
มือหนาลูบศีรษะของหญิงสาวอย่างปลอบประโลม พลางก้มลงจุมพิตแผ่วเบาลงไปที่ศีรษะด้วยความรู้สึกหวงแหน
จู่ๆ เขาก็หวงนาง หวาดหวั่นว่าเถ้าแก่จางจะริเปลี่ยนใจหันมาหลับนอนกับนาง หากเป็นเช่นนั้นเขาคงคลั่งจนคว้าดาบออกไปบั่นคอมันอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งหวง! ทั้งหึง! แม้ว่ายังไม่ได้เป็นเจ้าของ ยังไม่ได้ครอบครองนางเลยด้วยซ้ำไป ไม่สมกับเป็นเขาเลยสักนิดเดียว!
ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด พลางควบม้ากลับไปที่โรงเลี้ยงม้า ก่อนจะสลัดความหึงหวงทิ้งไปแล้วก้มลงหอมแก้มอิ่มของหญิงสาวฟอดใหญ่
“คืนนี้ออกมาหาข้าที่คอกม้านะ...ได้โปรด”
คำชักชวนที่ราวดั่งเวทมนตร์สะกดให้นางทำตาม แค่เขาทอดน้ำเสียงอ่อนเอื้อนเอ่ยคำว่า ‘ได้โปรด’ หัวใจของนางก็หวิวไหวจนอ่อนยวบไปทั้งสรรพางค์กาย
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่ในใจนั้นเต้นระส่ำอยากจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาในค่ำคืนที่กำลังมาเยือนเสียเหลือเกิน
แค่คิดว่านางจะได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา กอดก่ายกันและกันโดยไร้อาภรณ์แม้เพียงผืนเดียว เพียงแค่คิดนางก็รู้สึกร้อนรุ่มดั่งว่ามีเปลวไฟลามเลียไปทั่วทั้งร่าง
“ข้าจะรอจนกว่าเถ้าแก่เนี้ยจะมาหาข้า ข้าจะรอ...”
เซียนหยวนพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่ม้าจะควบเหยาะกลับมายังโรงเลี้ยง เขากระโดดลงจากหลังม้า จังหวะที่ช่วยประคองนางลงจากหลังม้า สาวใช้ก็มายืนรอผู้เป็นนายด้วยใบหน้าแฉล้ม
“เถ้าแก่เนี้ยเรียนขี่ม้าเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้างสนุกหรือไม่”
เมื่อเห็นสาวใช้ นางก็ได้ตระหนักว่าความวาบหวามรัญจวนใจเมื่อครู่นั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้
“มาเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยประคองท่านเอง”
“อืม”
หญิงสาวเพียงพยักหน้าแล้วส่งมือให้สาวใช้ช่วยประคอง รู้สึกแข้งขาอ่อนแรง ใบหน้าเริ่มซีดขาวด้วยความวิตกกังวลที่แล่นปราดจนทำให้หัวใจเต้นช้าลงคล้ายจะหยุดเต้นเสียให้ได้
เมื่ออี้เสียเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายเช่นนั้นก็รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เจ้านายสาวมาเรียนขี่ม้ากับเซียนหยวนตามลำพัง เพราะใครต่างก็รู้กันดีว่าชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้เป็นคนดุ พูดจาขวานผ่าซาก อีกทั้งยังไม่ชอบสุงสิงพูดคุยกับหญิงสาวคนใด เหล่าสาวใช้จึงพากันนินทา ว่าเขาอาจเป็นชายตัดท้อแบ่งแขนเสื้อเฉกเช่นเถ้าแก่จางก็เป็นได้
แล้วดูเอาเถอะเถ้าแก่เนี้ยหน้าซีดถึงเพียงนี้ คงจะทั้งโดนดุ โดนต่อว่า จนทำให้ไม่มีความสุขในการเรียนขี่ม้าเป็นแน่
“ข้าต้องขออภัยที่วันนี้ไม่ได้ดูแลเถ้าแก่เนี้ยให้ดี เป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะคุณหนู”
“ก็เจ้าต้องนำยากลับไปให้บิดานี่นา”
หวงย่าหลิงฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้สาวใช้คนสนิทต้องรู้สึกลำบากใจ เมื่อเช้าสีหน้าของสาวใช้ไม่สู้ดี เล่าว่าน้องชายมาแจ้งข่าวว่าบิดาล้มป่วยด้วยโรคเดิม สาวใช้จึงอยากจะขอนำยาไปให้บิดาและขอเยี่ยมเยียนถามไถ่อาการเพื่อให้คนป่วยมีกำลังใจ ซึ่งนางก็เข้าใจและอนุญาตโดยไม่ซักถามให้มากความ แล้วเดินทางมาที่โรงเลี้ยงม้าเพียงลำพัง ใครเล่าจะคิดว่านางจะได้พบกับ...
เซียนหยวน ชายผู้มากล้นไปด้วยเสน่ห์แห่งชาย ผิวกายที่คมเข้มเต็มไปด้วยมัดกล้ามน่าหลงใหล เสียงทุ้มนุ่มติดจะแหบพร่านิดๆ และกลิ่นกายผสานไปกับกลิ่นเหงื่อที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงราวกับจะโลดแล่นออกมา
อีกทั้งเขายังทำ...เช่นนั้นกับนาง
โดยที่นางไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน...
ที่ร้ายที่สุดคือนางหลงใหลสัมผัสจากเขา อยากให้เขาทำเช่นนั้นกับนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื้อตัวของนางสั่นระริกเมื่อตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดแข็งแกร่ง ยิ่งเมื่อเขา ‘จูบ’ นางก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่ากำลังล่องลอยไปบนปุยเมฆที่แสนนุ่มละมุน
‘ให้ตายเถอะ! นี่ข้ากำลังหลงใหลในตัวเซียนหยวนงั้นหรือ ไม่! ไม่จริง!’
คิ้วของหวงย่าหลิงขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง สาวใช้เห็นดังนั้นก็ยิ่งร้อนใจจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เช่นนั้นข้าจะรีบเตรียมน้ำร้อนให้เถ้าแก่เนี้ยอาบนะเจ้าคะ จะปรุงน้ำหอมลงไป แล้วก็ใส่กลีบเหมยกุ้ยลงไปด้วย กลิ่นหอมๆ จะได้ติดกายคุณหนูช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า”
“อืม...ได้สิ”
หวงย่าหลิงเพียงพยักหน้าอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อหมุนตัวกลับไปมองทางด้านหลังกลับพบว่าเซียนหยวนยังคงยืนอยู่ที่เดิม อีกทั้งเขายังขยับปากช้าๆ โดยไม่ออกเสียง พอให้นางอ่านปากว่า
‘ข้าชอบกลิ่นเหมยกุ้ย’
ใบหน้าของนางแดงก่ำรีบหลุบเปลือกตาลงต่ำแล้วผินหน้าหนี ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งออกไปจากโรงเลี้ยงม้าทันที
‘ให้ตายเถอะ! เจ้าคนบ้า!’
เปลือกตาปิดสนิทเผยให้เห็นแพขนตาเรียงยาว หวงย่าหลิงดึงผ้าห่มแพรขึ้นมาห่มจนถึงอก ข่มตาให้หลับด้วยความยากลำบาก กัดริมฝีปากล่างจนเกือบจะห้อเลือด หวังเหลือเกินว่าตนจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้โดยไม่คิดถึงชายเลี้ยงม้าคนนั้น ‘เซียนหยวน’ ชายที่ทำให้หัวใจด้านชาของนางกลับมาเต้นอีกครั้ง เป็นการเต้นที่ไม่เหมือนเดิมเพราะมันเต้นโครมครามราวกับจะกระโจนออกมานอกอกเสียให้ได้
‘ข้าไม่อยากเป็นหญิงเลวแพศยา’
นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพลิกกายนอนคู้ตัว ทว่าอ้อมกอดและกลิ่นกายของเขายังคงอวลอุ่นราวกับเขากำลังกอดนางเอาไว้ หัวใจของนางเพรียกหาเขา แม้ว่าสมองจะพยายามพร่ำสั่งว่ามันไม่ถูกต้อง
นางไม่ควรนอกใจนอกกายสามี ไม่ควรเลย...
ต่อให้เขาไม่รัก ไม่เทิดทูน ไม่ยกย่อง แต่การเป็นภรรยาที่ดีคือต้องอดทน ซื่อสัตย์ เพียรทำความดีเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นคุณค่า