Chapter 6 คอกม้าซ่านสวรรค์
พลันหยาดน้ำใสก็ไหลออกมาจากหางตาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หลายครั้งที่นางเห็นเถ้าแก่จางผู้เป็นสามีเสพสมอยู่กับอนุภรรยาซึ่งเป็นผู้ชายอย่างไม่อายฟ้าดิน ร่วมรักกันทีละหลายคน เปลือยเปล่ากอดรัดสมสู่ นางเห็นมาตลอดแต่แล้วนางทำอะไรได้เล่า
นอกจากเมินหน้าหนีแล้วเดินจากไป
ชีวิตที่น่าอัปยศนี้นางต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ และพยายามชาชินกับสิ่งที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายนางจะอดทนให้ถึงที่สุด
จวบจนกระทั่งล่วงเข้ายามจื่อ[1] ย่าหลิงก็ยังคงนอนกระสับกระส่ายพลิกกายไปมาไม่อาจข่มตาข่มใจให้สงบลงได้แม้เพียงเสี้ยวหงส์กระพือปีก จนในที่สุดนางก็ผุดลุกขึ้นไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะตัดสินใจคว้าผ้าแพรคลุมกายแล้วเปิดประตูออกไปในความมืด
แน่นอนว่านางนอนคนเดียวในห้องหอที่กลายเป็นห้องส่วนตัวไปในที่สุด ทางด้านสามีนั้นป่านนี้คงนอนกอดชายคู่ใจที่มีตำแหน่งอนุภรรยาลับๆ โดยไม่สนว่านางจะรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยวเพียงใด
เถ้าแก่จางไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในห้องนี้ แม้แต่วันส่งตัวเข้าหอนางก็นอนเพียงลำพัง ย่าหลิงเคยคิดว่าอย่างน้อยนางและสามีจะพอมีไมตรีต่อกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมิตร ทว่าเถ้าแก่จางกลับไม่คิดเช่นนั้น เขามองนางเป็นเพียงตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่มีไว้วางประดับเท่านั้น
ไม่มีปากเสียง ไม่มีความรู้สึก ไม่มีชีวิต
พลันขอบตาก็เห่อร้อน ป่านนี้คนในตระกูลหวงคงกินอิ่มนอนหลับเพราะได้เงินค่าตัวของนางไปหลายหีบ ในขณะที่นางต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ตรมเพียงเพราะต้องกตัญญูต่อบิดามารดา
หญิงสาวแค่นยิ้มให้กับโชคชะตา นางทำเพื่อทุกคนแล้วมีใครเล่าที่จะเห็นใจนางบาง วันนี้นางจะเป็นหญิงเลว นางจะทำเพื่อความสุขของตัวเอง
นางส่ายหน้าไล่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทิ้งไป แล้วกลั้นใจเดินไปยังโรงเลี้ยงม้าด้านหลัง เวรยามส่วนใหญ่อยู่ที่ประตู บ่าวชายและสาวใช้ต่างเข้านอนกันไปหมดแล้ว ทุกสรรพสิ่งเงียบสงัด เงียบจนนางได้ยินเสียงลมหายใจและเสียงฝีเท้าของตนเองที่เหยียบย่างลงบนผืนหญ้า
บ้าจริง! สุดท้ายข้าก็พ่ายแพ้ให้แก่หัวใจตัวเอง!
นางผสานมือเข้าหากันแล้วบีบแน่น หยุดยืนอยู่ที่คอกม้า จุดที่นางและเขาพบกันเป็นครั้งแรก ทว่า...
กลับไร้เงาของเซียนหยวน
ราวกับถูกน้ำในฤดูหนาวราดรดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เย็บเยียบเข้าไปถึงขั้วหัวใจจนต้องห่อไหล่เข้าหากัน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หญิงสาวแค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเอง นางจะหวังให้การกระทำผิดบาปกลายเป็นความรักงั้นหรือ ช่างไม่เจียมตัวเจียมใจเสียเลย เขาก็แค่คนงานหนุ่มที่ริอ่านอยากได้เมียเจ้านาย ก็แค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวไม่ได้จริงจังอะไร
คงสมเพชนางซึ่งเป็นภรรยาที่สามีไม่เอา ก็เลยนึกสนุกอยากปั่นหัวให้นางรู้สึกคลั่ง
ก็เท่านั้นเอง...
ข้ามันหญิงเลว!
ข้ามันหญิงใจง่าย!
แม้จะหัวเราะแต่น้ำตากลับร่วงเผาะ นางคาดหวังงั้นหรือ เพราะคาดหวังนางจึงผิดหวังจนเจ็บแปลบที่กลางใจ อึดอัดคับแน่นที่อกคล้ายกับคนกำลังจมน้ำ ราวดั่งว่ากำลังหายใจไม่ออก
นางส่ายหน้าน้อยๆ ยกหลังมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา จังหวะที่นางหมุนตัวหมายจะเดินกลับออกไปจากโรงเลี้ยงม้ากลับมีใครบางคนฉุดข้อมือของนางเอาไว้ แล้วโดยที่นางยังไม่ทันตั้งตัวนางก็ถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแกร่ง
“อื้อ...”
ครวญเสียงประท้วงได้เพียงเท่านั้นริมฝีปากร้อนก็ถูกปล้นปิดอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาควานหาความหอมหวานราวกับหิวกระหาย บดขยี้เรียวปากอิ่มจนบวมเห่อ ในขณะที่มือหนาโลมไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งอวบอัดหนันแน่น
ผลักร่างของนางให้ก้าวถอยหลังเข้าไปในคอกม้าที่ยังว่างอยู่ ก่อนจะกดนางให้นอนลงบนฟางแห้งแล้วเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างไม่รอช้า
“รู้หรือไม่ว่าข้ารอเถ้าแก่เนี้ยด้วยความรู้สึกเช่นไร”
เสียงทุ้มแหบต่ำคล้ายคำรามอยู่ในลำคอ
“อะ...อื้อ”
นางหอบหายใจสะท้านเมื่อเขาบีบเต้านมนางอย่างหนักหน่วง แต่ยิ่งเขาบีบแรงมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งเสียวจนบิดมวนที่แกนกลางกาย ลืมเลือนสิ้นทุกสิ่งอย่าง
“ข้ากลัวแทบแย่ว่าเถ้าแก่เนี้ยจะไม่มา ท่านเป็นของข้า... เป็นของข้าเท่านั้น”
หัวใจราวกับมีปีกบิน มันได้ลอยละล่องไปพร้อมกับถ้อยคำหวานหูของเขา ย่าหลิงรู้สึกราวกับว่าใบหน้ากำลังเห่อร้อน ทั้ง ‘เขินอาย’ และ ‘อยาก’ ผสมปนเปกันมั่วไปหมด
“ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะไม่รอข้า กลัวว่าเจ้าจะเห็นข้าเป็นแค่ของเล่นชั่วคราว ขะ...ข้า”
หวงย่าหลิงอ้อมแอ้มตอบกลับไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ด้วยรู้ดีว่าเวลานี้เขากำลังจ้องมองนางราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งเนื้อทั้งตัวเสียกระนั้น
“ข้าไม่เคยเห็นท่านเป็นของเล่น ข้าจริงจังกับความรู้สึกของตัวเองเสมอ นับจากคืนนี้ท่านจะเป็นของข้า ข้าจะเป็นของท่าน เราสองคนจะเป็นของกันและกัน เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของข้าท่านไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ข้าจะปกป้องท่านเอง”
มือหนาสากจับปลายคางของหญิงสาวให้แหงนเงยขึ้นสบตากับเขา ก่อนจะบีบที่ปลายคางเพื่อให้นางเผยอริมฝีปากเพียงน้อยแล้วแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเพื่อดื่มด่ำความหอมหวานที่แสนเร้ารัญจวนใจ
“อื้อ...”
คนตัวเล็กครางแผ่วด้วยน้ำเสียงพึงใจ นางไม่กลัวอะไรอีกแล้วเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา นางยกสองแขนขึ้นกอดรัดรอบลำคอของแข็งแกร่งเอาไว้ แอ่นทรวงอกขึ้นเบียดแผงอกแกร่ง ก่อนจะถูกลำเอ็นใหญ่ยาวเบียดชิดถูไถมายังหน้าขาของนางไม่หยุด
“อื้อ....อื้อ”
เขาจูบจ้วงราวกับจะปล้นปลิดกระชากดวงวิญญาณออกไปจากร่าง จูบของเขาหวานฉ่ำแต่ขมที่ปลายลิ้นราวกับน้ำตาลเผาไฟจนมอดไหม้
สติที่ควรจะมีเตลิดสิ้น
โอนอ่อนกายาให้เพลิงราคีเผาไหม้
ปล่อยดวงใจให้หลงระเริงไปกับกามตัณหาที่ยากจะทัดทาน
[1] 23.00-24.59 นาฬิกา