bc

ร้าวรานรัก

book_age16+
354
FOLLOW
2.7K
READ
dark
drama
tragedy
comedy
twisted
heavy
serious
like
intro-logo
Blurb

‘พี่อยากมีลูก เปรมไม่คุมไม่ได้หรือไง’

เธอยังจำคำพูดของเขาได้ทุกคำ

จำสีหน้า แววตาของเขาได้เสมอ

แล้วเขาเล่ายังมีเธอหลงเหลืออยู่ในความทรงจำบ้างไหม

หรือมีพรรษมนแทนที่เธอจนหมดแล้ว

ตุลาต้องการให้เธอมีลูก แต่เธอยังไม่พร้อม เขาจึงหันไปหาผู้หญิงอีกคนอย่างนั้นหรือ

chap-preview
Free preview
1
ณวกาญจน์ละสายตาที่ชอบใช้เหม่อครุ่นคิดกลับมาสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะ บรรยากาศโดยรอบของผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองที่คนแก่อาวุโสกว่าเป็นคนนำมา ทำไมถึงดูคึกคักต่อเนื่องไม่หยุด เป็นแบบนี้เสมอหรืออย่างไร พวกเขาเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเต้นได้ตลอดทั้งคืน  เมธาวี เพื่อนสนิทของเธอที่ตามมาด้วยนั่งไขว้ขาเล็กๆที่พันเกี่ยวกระหวัดกันไปมาเหมือนงูสองตัวพลอดรัดกัน โยกตามจังหวะเสียงเพลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับตามอารมณ์ของเจ้าตัวหาใช่ตามจังหวะของเพลงที่ได้ยินไม่ ณวกาญจน์มองแล้วขำ โน้มตัวเข้าไปพูดกับวาสนาให้ใกล้ที่สุด จุดประสงค์คือเสียงโดยรอบนั่นดังและเธอขี้เกียจตะเบ็งแข่ง “วุ่นวายจังเลยเนอะพี่วา” วาสนาปรายตามองณวกาญจน์ บุตรสาวของอาจารย์ณหทัย ที่เป็นครูสอนวาสนามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล และวาสนาเองก็เคารพรักท่านไม่ต่างจากแม่ เหน็บแนมตามนิสัย “ผับนะนังหนู ไม่ใช่วัด” ณวกาญจน์มุ่ยหน้า บอกต่อด้วยใบหน้าแหยๆ “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะมีคนชอบมาที่แบบนี้ด้วย”           “พูดจาดูเป็นคนดี๊ คนดีอ่ะ” เพื่อนสนิทที่มองไปทางโต๊ะชายหนุ่มล้วนยิ้มหวานให้ทางนั้น ปากยังสามารถพูดแขวะเธอได้อย่างชำนิชำนาญตามนิสัยอีกคน ณวกาญจน์เถียงยิ้มๆ “อ้าว! ก็จริงนี่”           ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั่น เด็กในร้านเข้ามาหาวาสนาพร้อมรายงาน “พี่วาคะ คุณตุลามาค่ะ” วาสนาพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ ไม่ตอบอะไร แต่หันมาบอกกับพวกเธอแทน “นั่งคุยกันไปนะ พี่ขอไปเทคแคร์ป๋ากระเป๋าหนักซักเดี๋ยว” แต่แล้วคนที่วาสนาต้องถึงกับลุกออกไปบริการด้วยตนเองกลับเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังโต๊ะตัวที่พวกเธอกำลังนั่งกันอยู่ เขาเป็นเจ้าของร่างสูงสง่าเกินมาตรฐานชายไทย แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะไม่หวือหวาแฟชั่นจ๋าแบบคนอื่นที่เห็นดาษดื่นในผับแห่งนี้ แต่ดูโดดเด่นน่ามองไม่น้อย อาจเป็นที่บุคลิกนิ่งขรึมของเขาที่ดูขัดแย้งกับสถานที่ รวมถึงราศีที่จับอยู่รอบตัวเขาด้วยละมังที่ทำให้ณวกาญจน์ผู้ไม่เคยแอบมองใคร ละสายตาจากเขาไปไม่ได้ “สวัสดีคุณวา...” เขาเอ่ยทักทายวาสนาก่อน อาจเป็นเพราะอายุที่น้อยกว่าวาสนาก็เป็นได้ แต่เป็นวาสนาเสียเองที่ยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมทักทายกลับด้วยสีหน้าอ่านไม่ใคร่ออกเท่าไรนัก “สวัสดีค่ะคุณตุลย์ เดี๋ยววาให้เด็กจัดโต๊ะโซนด้านในให้นะคะ” “ไม่เป็นไรไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ ผมแค่พาน้องๆมาดื่มครู่เดียว แล้วว่าจะขอตัวกลับเลย ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ไม่มีคุณวาคอยช่วย ผมก็เหมือนคนพิการดีดีนี่เอง” วาสนาทำเพียงยิ้มน้อยๆหน้าเจื่อนไปนิด ดูเหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจความหมายของสายตาและคำพูดของกันและกันดี วาสนาเตรียมมองหาพนักงานในร้านเพื่อจัดโต๊ะให้ชายหนุ่มเป็นกรณีพิเศษ แล้วลุกยืนเดินนำไปยังโต๊ะในโซนที่เป็นส่วนตัวมากกว่าที่ตนนั่งอยู่กับสองสาวรุ่นน้อง ตุลามองพวกเธอก่อนยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดีแล้วจากไป ทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย วาสนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่จริงจัง “เด็กคนนั้น...วารักเหมือนน้องสาวแท้ๆเลยนะคะ” วาสนาออกปากขรึมเข้มปกป้องหนึ่งในสองสาวราวแม่ไก่ที่กางปีกออก เมื่อเห็นว่ามีเภทภัยอันตรายเข้ามากล้ำกรายใกล้ลูกน้อยของตน ตุลามองยิ้มๆก่อนแค่นหัวเราะกล่าวว่า “ผมก็ยังไม่ได้อะไรเลยนี่”  เขารับแก้วจากพนักงานที่ชงเครื่องดื่มให้ จิบก่อนยิ้มแล้วเอ่ยล้อๆ “ดูท่าคุณวาจะหวงน้องคนนั้นไม่น้อยเลยนะ” “หวงสิคะ เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี” “เด็กดี?” ตุลาทวนยิ้มๆขัดขึ้น แววตาคล้ายกับไม่เชื่อในคำของวาสนา เหลือบมองไปรอบๆร้าน ราวกับจะบอกว่าเด็กดีในสถานที่แบบนี้น่ะหรือ ย้อนแย้งไม่น้อยเลยนะ “แกมาหาข้อมูลเอาไปทำงานของแกน่ะค่ะ” วาสนาปดออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “อ้อ ถ้าอย่างนั้น ผมรู้จักไว้คงไม่เสียหายอะไรมั้ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี” ตุลาพูดต่อด้วยรอยยิ้มดูสบายๆในแบบของตน “เด็กคนนี้วาไม่ให้ยุ่งนะคะ” วาสนายืนยันคำเดิมพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ส่งสายตาเอือมระอาใส่ผู้ที่เคยเป็นนาย  “ถือว่าวาขอก็แล้วกันนะคะนาย” “ทำไมต้องออกปากขนาดนั้นกันคุณวา” ชายผู้เคยเป็นนายถามกลับยิ้มๆ วาสนารู้จักตุลามานานก่อนหน้าจะมาจับธุรกิจผับบาร์แบบนี้ มีหรือที่มองตาแล้วจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เธอเคยเป็นเลขาของเขามาพักหนึ่ง ก่อนลาออกมาบริหารงานที่ผับแห่งนี้ต่อ “ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรน้องเขาเลยนี่ครับ” “ให้จริงเถอะค่ะ ถ้าวารู้ว่านายพาตัวเองไปข้อง ไปเกี่ยวกับเด็กคนนั้น อย่ามาวาใจร้ายก็แล้วกันนะคะ” “ขู่ผมยังกับเป็นเมีย นี่ถ้ายอมให้ผมตั้งแต่แรกนู่นนะ ป่านนี้ลูกเต็มบ้านไปแล้ว” ตุลาเย้าเล่นเบาๆ วาสนาลอบกรอกตาก่อนติง “ทิ้งลายเถอะค่ะ แก่แล้ว” “สามสิบห้าแก่ตรงไหน” “แก่หมดทั้งตัวนั่นแหละค่ะนาย” “ถ้าเจอคนที่ใช่ก็จะยอมนะคุณวา...ลายที่บอกให้ทิ้งน่ะ” ตุลาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่วาสนาฟังออกว่านิ่งแบบนี้แล้วสัญญาณของตุลาคือจะไม่ถอย แถมแววตาที่ใช้มองณวกาญจน์นั่นก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้อีกด้วย แต่แล้ววาสนาก็ไม่มีโอกาสได้อยู่กางปีกป้องหญิงสาวที่ตนห่วงหวงอีกต่อไป เมื่อมีแขกวีไอพีอีกคนแวะเวียนมาที่ร้าน เจ้าหล่อนจำต้องลุกไปทักทายอย่างนอบน้อมแต่น้อยกว่าตุลาเมื่อครู่นี้แล้วพาตรงไปยังอีกโต๊ะที่ทางนั้นจับจองไว้ ณวกาญจน์มองไปทางที่วาสนาหายไปกับชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วค่อยแว่วเสียงเพื่อนซี้ว่าขึ้น “ท่าทางแบบนี้ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะนั่นนังเปรม” “ใคร” ถามเพราะไม่รู้ว่าเมธาวีหมายถึงใครจริงๆ “ก็คนที่เจ๊วาพาไปที่โซนวีไอพีน่ะสิจะใคร” “ดูเจ้าชู้หรือ ไม่นะ เขาดู...ออกจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี” เมธาวีปรายตามองก่อนแค่นเสียงหัวเราะทั้งที่ไม่ได้ขำกล่าวว่า “แกชอบเขาแล้วนังเปรม” “บ้า! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะชอบใครง่ายๆแบบนั้น” “แล้วไป” สองสาวคุยสัพเพเหระต่ออีกเกือบชั่วโมง ณวกาญจน์จึงขอแยกกลับหอพักก่อน เมธาวีที่นึกเบื่อแล้วเช่นกันก็ว่าจะกลับด้วย โบกมือลาเพื่อนที่ขับรถนำหน้าออกไปแล้ว กำลังจะตามหลังไปบ้าง แต่แล้วก็นึกได้ว่าว่ากระเป๋าอีกใบที่ใส่หนังสืออ่านเล่นไม่ได้หิ้วขึ้นรถมาด้วย เลยจำต้องจอดรถไว้ดังเดิม เปิดไฟมองหาของอีกครั้งแต่กลับไม่พบ “ลืมไว้ไหนเนี่ย ขอให้อยู่ที่โต๊ะเถอะ” บ่นอยู่คนเดียวในรถแล้วเดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง ในนั้นมีนิยายมือสองที่หายากมากที่เธอเพิ่งจองตัดหน้าเมธาวีมาได้ ยังไม่ได้อ่านเลยสักหน้าเดียว คิดแล้วยิ่งฉุนในความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง สอบถามจากพนักงานในร้าน ปรากฏว่าวาสนาออกไปแล้วเช่นกัน เลยต้องรบกวนให้พนักงานช่วยหากระเป๋าให้เธอที “หานี่อยู่หรือเปล่าครับ” ชายร่างสูงยื่นถุงผ้าที่ใส่ข้าวของของเธอกลับคืนมาให้ ณวกาญจน์มองหน้าชายคนนั้น ก่อนยื่นมือออกไปรับมาถือไว้แล้วเอ่ยขอบคุณ ดีใจยกใหญ่ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่ ระหว่างเจอของ หรือ ได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง เธอไม่ได้คุยอะไรกับเขาอีก นอกจากยิ้มแล้วขอตัว หันหลังเดินกลับไปที่รถของตน และคงจะลืมเขาไปแล้ว หากจะไม่ได้พบกับชายคนนั้นอีกในวันถัดมา ณวกาญจน์ออกมาหาซื้อของใช้หลังจากได้ของจนครบเธอแวะดูหนังสือที่ร้านใกล้ๆนั่นเอง ขณะหยิบเล่มนั้นอ่านวางเล่มนี้ได้พักใหญ่ ก็พบว่ามีคนเดินมาตรงที่เธอกำลังเลือกหาหนังสือ จึงขยับไปจนชิดชั้นเมื่อเข้าใจว่าตนเองขวางทางเดิน รู้สึกได้ว่าคนคนนั้นไม่เดินผ่านไปเธอเสียที จึงหันไปมองแล้วก็พบว่าเป็นเขา คนที่เธอเคยเจอที่ในร้านของวาสนา “บังเอิญจังเลยนะครับ”                                                    “พี่ตุลย์แกเอาแน่หรือวะคนนี้”           “ไม่รู้ แต่ทรงแบบนี้ น่าจะเอาแน่ว่ะ”           “เห้อ...เดี๋ยวก็เบื่ออีก ยิ่งขี้เบื่อ”                  เสียงสนทนาที่ด้านนอกร้านหนังสือมองเข้าไป ตรงที่นายของตนกำลังคุยอยู่กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผู้มีแววตาสดใสเป็นประกาย พร้อมเอ่ยปากพนันกันเอง            “ไม่จัดว่าสวย แต่น่ารัก แบบนี้แหละ เอาผู้ชายอย่างพี่ตุลย์อยู่แน่นอน” “ทำไมมั่นใจขนาดนั้น ของแบบนี้ต้องรอดูก่อนเว้ย” “พนันกันไหมเล่า” “ได้”    ถึงแม้ตุลาจะไม่ใช่ชายประเภทเพลย์บอย แต่เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ถือพรหมจรรย์ และที่สำคัญเขายังโสด ไม่รวมฐานะที่ไม่ใช่เศรษฐีใหญ่ หรือเป็นลูกหลานเจ้าสัวระดับประเทศ ลูกเจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านหมื่นล้านแสนล้าน แต่หากอยากได้อะไร วัตถุสิ่งไหน หรือแม้แต่ใครแล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่าตุลาจะหามาไว้ในครอบครองไม่ได้ ชายหนุ่มต้องบริหารงานหลายอย่าง มีลูกน้องคนสนิทติดตามอยู่ไม่น้อย ที่เห็นติดสอยห้อยขาอยู่เป็นประจำก็มี ‘ดุ่ย’ กับ ‘ด่อง’ นี่เองที่กำลังยืนท้าพนันกัน ทั้งคู่รู้ใจนายดีที่แค่มองตาก็รู้ไปถึงก้นบึ้งของจิตใจผู้เป็นนาย หลังจากเห็นนายแยกจากสาวหน้าตาสดใสน่ารักคนนั้นที่ร้านหนังสือแล้ว ดุ่ยกับด่องก็เริ่มติดตามสาวน้อยนางนั้น พร้อมรายงานให้ผู้เป็นนายทราบเป็นระยะๆว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และกับใคร ครั้งนี้ก็เช่นกันที่หนึ่งในสองคทายกโทรศัพท์รายงานผู้เป็นนายตุลารับสาย ฟังจบขมวดคิ้วแล้วคลายออกในที่สุด ถามทวน “บ้านพักคนชรา?”  “ครับ” “อือม์” ตุลาครางคล้ายกำลังใช้ความคิด จบด้วยการสั่ง “ใครสักคนถ้าว่างลองตามไปดูก่อน ว่าไปกับใคร แล้วไปทำอะไรบ้าง ได้เรื่องยังไง โทรมา” พอลูกน้องรับคำ เขาตัดสายทิ้งหันมาประชุมต่อเลิกประชุมแล้ว ตุลามีรถยนต์SUVสีดำเป็นรถประจำตัว ทั้งยังขับไปไหนมาไหนเองเสมอ ตรงสู่บ้านพักคนชราทันที “เจอกันอีกแล้วนะครับ” เสียงทักขณะที่เตรียมผลไม้ใส่ถาดอาหารให้บรรดาผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา ณวกาญจน์ไม่คิดว่านี่จะเป็นการบังเอิญ หลังออกจากร้านหนังสือคราวนั้นเธอเห็นชายสองคนที่ด้านหน้า ครั้งนั้นไม่ได้นึกเอะใจ แต่พอเห็นชายหนึ่งในสองคนนั้นบ่อยขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ก็ชักจะเริ่มคิด เธอไม่ใช่สาวน้อยใสซื่อขนาดนั้น แม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ไม่ใช่รู้อะไรมาน้อย แม้จะเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆก็ตาม           “บังเอิญอีกแล้วหรือคะ”                                            เสียงใสๆที่ถามกลับมานั่น ไม่ทำให้ตุลาสะดุดใจได้เท่าแววตาสุกใสเป็นประกายแบบเด็กๆที่เหมือนเล่นเกมจับผิดได้ครบหมดทุกจุด           และนั่นยิ่งทำให้ตุลาถูกใจคนตรงหน้ามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว นอกจากหน้าตารูปร่างจะถูกใจเขาแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกชนิดหนึ่งพุ่งพล่านขึ้นอยู่ภายในกายของตุลา           มันเหมือนกับว่าเขาพบของหายากที่ตามหาอยู่เจอแล้ว           ของที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ           และณวกาญจน์ก็คือสิ่งสิ่งนั้นในความคิดของตุลา  เสร็จจากกิจกรรมที่บ้านพักคนชรา ณวกาญจน์แวะไปที่ร้านหนังสือร้านที่ซึ่งพบกับตุลาคราวก่อน เพราะทางร้านแจ้งว่าหนังสือที่จองไว้มาแล้ว ตุลาไม่พูดมาก เขาไม่คิดว่ากำลังตามติดเธอ แต่ก็ขับรถตามมาด้วย ณวกาญจน์เลยได้กลับมาที่ร้านหนังสือพร้อมตุลาอีกครั้ง เมื่อได้ของครบ ณวกาญจน์แวะดูหนังสือต่ออีกครู่ใหญ่ๆ จงใจไล่เขากลายๆ แต่แล้วตุลาก็รอจนเธอเลือกหนังสือได้อีกสามเล่มแล้วยื่นมือขอถุงหนังสือไปถือให้ ก่อนจะตามมาส่งที่รถ           ณวกาญจน์รับของแล้วถือโอกาสลาเขาเสียเลย ขึ้นนั่งที่หลังพวงมาลัยรถยนต์เรียบร้อย สตาร์ทรถกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น           “แบตน่าจะหมด” ตุลาวิเคราะห์แล้วเข้ามาช่วยดูให้ครู่หนึ่งก็ว่าขึ้น           “ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งไหมครับ เดี๋ยวอีกครู่ผมจะให้เด็กๆมาช่วยเปลี่ยนแบตรถให้ ค่อยขับไปส่งทีหลัง”           เธออึ้งไปชั่วเสี้ยววินาที เพราะไม่ได้รู้จักเขาดีพอจะรบกวนเขาถึงขนาดนั้น ก่อนส่ายหน้าหวือเป็นการปฏิเสธ           “ไม่เป็นไรค่ะ เปรมเกรงใจ”           “เถอะครับ”           มองไม่เห็นว่าจะเล่นตัวไปทำไม ในเมื่อเธอต้องการความช่วยเหลืออยู่ในตอนนี้ เลยต้องตามเขาไปที่รถจากนั้น           “ปกติมื้อเย็นของคุณกี่โมงครับ”           เขาถามเมื่อขับรถออกสู่ถนนใหญ่มาได้ครู่เดียว           “ไม่แน่หรอกค่ะ บางทีก็สองทุ่ม สามทุ่ม เที่ยงคืนก็มี”           ตุลาไม่ว่าอะไรจากนั้นเขาขับรถที่ต้องฝ่าการจราจรที่แสนคับคั่งจนมาจอดที่ร้านอาหารบรรยากาศค่อนข้างดีร้านหนึ่ง           “ตอนนี้เกือบๆหนึ่งทุ่มแล้ว แวะรับประทานอะไรกันก่อนนะครับ”           ณวกาญจน์ออกฉุนนิดๆที่เหมือนถูกมัดมือชก แต่น่าแปลกที่ความฉุนนิดๆนั้น มีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นในหัวใจ เธอนิ่ง แต่แล้วก็ยอมลงรถไปกับเขา           “ตุลย์คะ”           เสียงเรียกชื่อตุลาชนิดที่ต้องการให้โลกรู้ถึงความสนิทสนมแผดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมายืนจ้องหน้าณวกาญจน์           “นี่หรือเปล่าที่ทำให้คุณไม่ให้เอวาไปที่ห้อง”           หญิงสาวสวยจัดคนนั้นมองอาฆาตมาที่เธอ และไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว เจ้าหล่อนปราดเข้ามาตบหน้าของณวกาญจน์ในทันที           ตุลาคว้าแขนของเอวาเอาไว้ พร้อมกับมองหาใครสักคนในร้านไม่นานมีชายร่างสูงเข้ามารับช่วงต่อจากตุลา พาสาวอารมณ์ร้อนที่เพิ่งทำร้ายณวกาญจน์ออกไปจากที่ตรงนั้นเสีย           เขาเห็นแล้วว่าเธอมีเลือดซึมตรงมุมปาก ตุลาแตะแขนเธออย่างสุภาพจะพากลับขึ้นรถ           แต่ณวกาญจน์เบี่ยงตัวหนี บอกเสียงเรียบ ท่าทางแววตาดูนิ่งไป บอกด้วยน้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ออก “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปคุยกับแฟนให้เข้าใจกันดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งมีปัญหากัน”           “ผมยังไม่เคยคบหาผู้หญิงคนไหนในสถานะนั้นสักคน”ตุลาตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเรียบทว่าจริงจัง แววตาที่เขาใช้มองเธอลุ่มลึกราวกับบ่อน้ำยามราตรี “ต้องขอโทษแทนเธอด้วยที่ทำตัวไร้มารยาทแบบนั้นกับคุณ ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณอีก”           แทบจะเป็นคำสาบานของเขา ตุลารู้สึกจริงจังมากทีเดียวขณะกับการกล่าวประโยคตอนท้ายนั่น           แต่ณวกาญจน์ไม่อยากสนใจอะไร เพราะเธอฉุนจัดชนิดที่ว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ตั้งท่าจะกลับอย่างเดียว ด้วยการเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่พัก เมินหน้าไปอีกทาง พยายามระงับอารมณ์เดือดดาลของตนเอง           “ช่างเถอะค่ะ เธอคงเข้าใจผิด”           “ไม่ผิดหรอกครับ เธอเข้าใจถูกแล้ว”           ตุลาค้านด้วยแววตาเคร่งขรึม ก่อนเสริมต่อ           “ผมชอบคุณนะณวกาญจน์ เรา...ลองอยู่ในสถานะดูใจกันไปสักระยะ...ได้ไหม”           ณวกาญจน์หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้ ตอนนี้อารมณ์เริ่มจะตีกัน เมื่อเห็นเขาคว้ามือเธอขึ้นมากุม ก่อนวอนด้วยน้ำเสียงจริงจังเร่งเร้า “ตกลงเราคบกันแล้วนะ” จำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบตกลงกับตุลาด้วยคำพูด เพราะตอนนั้นความรู้สึกยังงุนงงอยู่มาก ไหนจะยังโกรธไม่หายที่ถูกแฟนของเขาทำร้ายเธออีก พอเห็นใบหน้าของเธอที่แดงจัด เขาเลยทึกทักเอาเป็นคำตอบเข้าข้างตัวเองว่า ‘ได้’ หลังจากวันนั้นตุลาลุกคืบเข้าหาเธอทีละนิดอย่างใจเย็นและมั่นคง จนณวกาญจน์เองก็ชักหวั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ทำไมก้าวกระโดดไวและมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เธอไม่ปริปากบอกให้ใครรู้เลยกับเรื่องของตนเองและตุลา                     ตุลาวางปากกาที่กำลังเคาะเป็นจังหวะขณะใช้ความคิดลงบนแฟ้มเมื่อประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกหลังมีเสียงเคาะไปเพียงสามครั้งเท่านั้น และเขายังไม่ทันได้เอ่ยปากให้เข้ามา คนที่ด้านหลังประตูก็ถือวิสาสะเปิด ไร้ซึ่งมารยาทจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คำพูดที่เตรียมจะว่ากล่าวก็เป็นอันต้องพับไปในบัดดล           “อ้าวคุณวา แวะมาถึงนี่เลย มีเรื่องด่วนหรือครับ”           แม้ปากจะเอ่ยคำถามราวสุภาพกริ่งเกรง แต่วาสนาเคยทำงานกับตุลามาก่อน หล่อนมองออกว่านายเก่ากำลังไม่พอใจที่ตนเข้ามาโดยพลการแบบนี้           เมื่อเห็นแล้วว่าหากไม่ยับยั้งทางนี้ ก็ดูท่าจะสายจนแก้ไขไม่ได้อีกต่อไป           ณวกาญจน์เป็นเด็กดีติดจะหัวอ่อนด้วย หญิงอ่อนวัยที่วาสนาห่วงนักหนาเป็นบุตรสาวคนเดียวของอาจารย์ณหทัย ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเก่าที่อุปการะวาสนาจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย           เมื่อก่อนวาสนาเรียนฟรี ได้หนังสือ เสื้อผ้า เงินค่าขนมก็ล้วนมาจากการเป็นพี่เลี้ยงให้ณวกาญน์ทั้งนั้น เธอเห็นณวกาญจน์ตั้งแต่อยู่ในท้อง ได้เลี้ยงหญิงสาวมาตั้งแต่บิดาของเจ้าหล่อนถูกยิงตาย  ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนขนม พาเล่น พานอน ไม่สบายก็อยู่ดูแล ทำทุกอย่างแทบไม่ต่างจากเป็นแม่อีกคน จึงรักและผูกพันกับณวกาญจน์มาก มากพอๆกับที่ณวกาญจน์รู้สึกตอบกลับมา           วาสนาเข้ามายืนประจันหน้าเจ้านายเก่า บอกเสียงแข็ง           “นายคะ...วาบอกแล้วไง ว่าเด็กคนนี้วาขอ” ตุลากระตุกยิ้ม เขาวางปากกาลง ก่อนประสานมือ พร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของวาสนาก่อนตอบกลับด้วยท่าทางก้าวแกร่งเอาจริงกลับไปยังวาสนา “คนนี้ผมก็ขอเหมือนกันครับคุณวา”   “เรากับเขา ไปถึงไหนกันแล้ว” วาสนาถามพร้อมจ้องหน้ารอคำตอบท่าทางจริงจังจนณวกาญจน์ต้องหลบตา รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงใคร อ้อมแอ้มว่า “จะไปถึงไหนล่ะคะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆ” ท้ายประโยคแกล้งทำเสียงสูง กะจะให้วาสนาขำ แต่ดูเหมือนหญิงสาวรุ่นพี่จะไม่ขำตามไปด้วย วาสนาจ้องหน้าเธอแล้วถอนใจเฮือก บอกเสียงดุและจริงจัง “พี่เตือนเราเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนี้” “ทำไมคะ”              “นั่นไง! แสดงว่าอยากยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ย้อนถามหาเหตุผลแน่ๆว่าทำไม” วาสนาฉุน แล้วเริ่มอธิบาย “นายไม่ใช่คนที่จะยอมหยุดที่ใครทั้งนั้นนะเปรม” “เปรมก็ไม่ได้...หวังขนาดนั้น” เสียงอ่อยลงแม้ลึกๆจะคาดหวังก็ตาม เห็นท่าทีของณวกาญจน์แบบนี้แล้ว เลยต้องพูดแรงๆให้รู้ตัว “อยากเป็นแค่ทางผ่านเขาหรือไงเปรม” “พี่วาน่ะ...” วาสนายกมือขึ้นประคองแก้มนุ่มของหญิงตรงหน้าเกลี้ยกล่อม “คุณตุลาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนเลยที่พี่รู้จักมา ที่เขานิ่ง เขาอาจทำเหมือนเขาว่าไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่พี่จะบอกเอาให้รู้นะว่าผู้ชายคนนี้นะ โครตเหง้าของคนเจ้าชู้เลยเปรม เด็กอย่างเราไม่มีทางตามเขาทัน” ณวกาญจน์หลบตา แล้วย้ำคำตอบเดิม “เปรมก็ไม่คิดว่าจะไปได้ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆเท่านั้นเองนะคะ” วาสนาถอนใจเฮือก บอกเสียงแข็ง “พี่มองตานายก็รู้” ณวกาญจน์ช้อนตาขึ้นมองหญิงสาวรุ่นพี่ ถามเสียงอ่อย “รู้ว่ายังไงคะ” “ก็รู้ว่าเขาอยากได้เปรมน่ะสิ” ได้ยินวาสนาบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจังก็หน้าร้อนผ่าวๆ หลบตาอ้อมแอ้มบอกปัด “เปรมไม่ใช่คนสวย”           วาสนามองคนตรงหน้านิ่ง ถอนใจเบาๆ “เปรมของพี่น่ารัก” ไม่ใช่น่ารักแบบธรรมดา แต่น่ารักมากด้วย และนายเก่าของวาสนาก็ต้องเห็นอย่างที่วาสนาเห็น คนถูกชมว่าน่ารักแกล้งมุ่ยหน้าหน่อยหนึ่ง ก่อนบอกสรรพคุณตัวเองตบท้าย “และเปรมก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นด้วยนะคะพี่วา” “เขาทำได้ เขาทำให้คนยากๆเป็นคนง่ายๆได้หมดนั่นแหละเปรม” ถ้าลงว่าเขาจะเอาน่ะ มองหน้าหญิงรุ่นพี่ ครางเสียงอ่อยๆอีก หวังใจว่าจะใช้กับวาสนาได้ผล “พี่วาน่ะ...เปรมแค่อยากลองคุยกับเขาดู ไม่ได้หวังจะไปไกลกว่านี้จริงๆนะคะ...” เห็นแววตาเหมือนเด็กดื้อเงียบอยากได้ของเล่นชิ้นใหญ่ ก็ได้แต่ใจแข็ง ส่ายหน้าทำนองว่าอย่าเลย จึงได้แต่หลุบตาลงอีกครั้งเพื่อปิดบังสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของตน หากวาสนารู้มากกว่านั้นจะโกรธเธอไหม ไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคนเดียวว่าหลังจากนั้นไม่นาน ณวกาญจน์ตกลงคบหากับตุลาแบบเงียบเชียบที่สุด และเธอจดทะเบียนสมรสกับตุลาหลังจากนั้นไม่นาน โดยไม่ปริปากบอกใครเลยสักคนเดียว  

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook