1
ณวกาญจน์ละสายตาที่ชอบใช้เหม่อครุ่นคิดกลับมาสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะ บรรยากาศโดยรอบของผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองที่คนแก่อาวุโสกว่าเป็นคนนำมา ทำไมถึงดูคึกคักต่อเนื่องไม่หยุด เป็นแบบนี้เสมอหรืออย่างไร พวกเขาเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเต้นได้ตลอดทั้งคืน
เมธาวี เพื่อนสนิทของเธอที่ตามมาด้วยนั่งไขว้ขาเล็กๆที่พันเกี่ยวกระหวัดกันไปมาเหมือนงูสองตัวพลอดรัดกัน โยกตามจังหวะเสียงเพลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับตามอารมณ์ของเจ้าตัวหาใช่ตามจังหวะของเพลงที่ได้ยินไม่
ณวกาญจน์มองแล้วขำ โน้มตัวเข้าไปพูดกับวาสนาให้ใกล้ที่สุด จุดประสงค์คือเสียงโดยรอบนั่นดังและเธอขี้เกียจตะเบ็งแข่ง
“วุ่นวายจังเลยเนอะพี่วา”
วาสนาปรายตามองณวกาญจน์ บุตรสาวของอาจารย์ณหทัย ที่เป็นครูสอนวาสนามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล และวาสนาเองก็เคารพรักท่านไม่ต่างจากแม่ เหน็บแนมตามนิสัย
“ผับนะนังหนู ไม่ใช่วัด”
ณวกาญจน์มุ่ยหน้า บอกต่อด้วยใบหน้าแหยๆ
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะมีคนชอบมาที่แบบนี้ด้วย”
“พูดจาดูเป็นคนดี๊ คนดีอ่ะ” เพื่อนสนิทที่มองไปทางโต๊ะชายหนุ่มล้วนยิ้มหวานให้ทางนั้น ปากยังสามารถพูดแขวะเธอได้อย่างชำนิชำนาญตามนิสัยอีกคน
ณวกาญจน์เถียงยิ้มๆ “อ้าว! ก็จริงนี่”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั่น เด็กในร้านเข้ามาหาวาสนาพร้อมรายงาน “พี่วาคะ คุณตุลามาค่ะ”
วาสนาพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ ไม่ตอบอะไร แต่หันมาบอกกับพวกเธอแทน “นั่งคุยกันไปนะ พี่ขอไปเทคแคร์ป๋ากระเป๋าหนักซักเดี๋ยว”
แต่แล้วคนที่วาสนาต้องถึงกับลุกออกไปบริการด้วยตนเองกลับเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังโต๊ะตัวที่พวกเธอกำลังนั่งกันอยู่
เขาเป็นเจ้าของร่างสูงสง่าเกินมาตรฐานชายไทย แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะไม่หวือหวาแฟชั่นจ๋าแบบคนอื่นที่เห็นดาษดื่นในผับแห่งนี้ แต่ดูโดดเด่นน่ามองไม่น้อย อาจเป็นที่บุคลิกนิ่งขรึมของเขาที่ดูขัดแย้งกับสถานที่ รวมถึงราศีที่จับอยู่รอบตัวเขาด้วยละมังที่ทำให้ณวกาญจน์ผู้ไม่เคยแอบมองใคร ละสายตาจากเขาไปไม่ได้
“สวัสดีคุณวา...”
เขาเอ่ยทักทายวาสนาก่อน อาจเป็นเพราะอายุที่น้อยกว่าวาสนาก็เป็นได้ แต่เป็นวาสนาเสียเองที่ยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมทักทายกลับด้วยสีหน้าอ่านไม่ใคร่ออกเท่าไรนัก
“สวัสดีค่ะคุณตุลย์ เดี๋ยววาให้เด็กจัดโต๊ะโซนด้านในให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ ผมแค่พาน้องๆมาดื่มครู่เดียว แล้วว่าจะขอตัวกลับเลย ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ไม่มีคุณวาคอยช่วย ผมก็เหมือนคนพิการดีดีนี่เอง”
วาสนาทำเพียงยิ้มน้อยๆหน้าเจื่อนไปนิด
ดูเหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจความหมายของสายตาและคำพูดของกันและกันดี วาสนาเตรียมมองหาพนักงานในร้านเพื่อจัดโต๊ะให้ชายหนุ่มเป็นกรณีพิเศษ แล้วลุกยืนเดินนำไปยังโต๊ะในโซนที่เป็นส่วนตัวมากกว่าที่ตนนั่งอยู่กับสองสาวรุ่นน้อง
ตุลามองพวกเธอก่อนยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดีแล้วจากไป ทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย วาสนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่จริงจัง
“เด็กคนนั้น...วารักเหมือนน้องสาวแท้ๆเลยนะคะ”
วาสนาออกปากขรึมเข้มปกป้องหนึ่งในสองสาวราวแม่ไก่ที่กางปีกออก เมื่อเห็นว่ามีเภทภัยอันตรายเข้ามากล้ำกรายใกล้ลูกน้อยของตน
ตุลามองยิ้มๆก่อนแค่นหัวเราะกล่าวว่า
“ผมก็ยังไม่ได้อะไรเลยนี่”
เขารับแก้วจากพนักงานที่ชงเครื่องดื่มให้ จิบก่อนยิ้มแล้วเอ่ยล้อๆ “ดูท่าคุณวาจะหวงน้องคนนั้นไม่น้อยเลยนะ”
“หวงสิคะ เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี”
“เด็กดี?”
ตุลาทวนยิ้มๆขัดขึ้น แววตาคล้ายกับไม่เชื่อในคำของวาสนา เหลือบมองไปรอบๆร้าน ราวกับจะบอกว่าเด็กดีในสถานที่แบบนี้น่ะหรือ ย้อนแย้งไม่น้อยเลยนะ
“แกมาหาข้อมูลเอาไปทำงานของแกน่ะค่ะ”
วาสนาปดออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“อ้อ ถ้าอย่างนั้น ผมรู้จักไว้คงไม่เสียหายอะไรมั้ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี”
ตุลาพูดต่อด้วยรอยยิ้มดูสบายๆในแบบของตน
“เด็กคนนี้วาไม่ให้ยุ่งนะคะ” วาสนายืนยันคำเดิมพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ส่งสายตาเอือมระอาใส่ผู้ที่เคยเป็นนาย
“ถือว่าวาขอก็แล้วกันนะคะนาย”
“ทำไมต้องออกปากขนาดนั้นกันคุณวา” ชายผู้เคยเป็นนายถามกลับยิ้มๆ
วาสนารู้จักตุลามานานก่อนหน้าจะมาจับธุรกิจผับบาร์แบบนี้ มีหรือที่มองตาแล้วจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เธอเคยเป็นเลขาของเขามาพักหนึ่ง ก่อนลาออกมาบริหารงานที่ผับแห่งนี้ต่อ
“ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรน้องเขาเลยนี่ครับ”
“ให้จริงเถอะค่ะ ถ้าวารู้ว่านายพาตัวเองไปข้อง ไปเกี่ยวกับเด็กคนนั้น อย่ามาวาใจร้ายก็แล้วกันนะคะ”
“ขู่ผมยังกับเป็นเมีย นี่ถ้ายอมให้ผมตั้งแต่แรกนู่นนะ ป่านนี้ลูกเต็มบ้านไปแล้ว” ตุลาเย้าเล่นเบาๆ วาสนาลอบกรอกตาก่อนติง
“ทิ้งลายเถอะค่ะ แก่แล้ว”
“สามสิบห้าแก่ตรงไหน”
“แก่หมดทั้งตัวนั่นแหละค่ะนาย”
“ถ้าเจอคนที่ใช่ก็จะยอมนะคุณวา...ลายที่บอกให้ทิ้งน่ะ”
ตุลาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่วาสนาฟังออกว่านิ่งแบบนี้แล้วสัญญาณของตุลาคือจะไม่ถอย แถมแววตาที่ใช้มองณวกาญจน์นั่นก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้อีกด้วย แต่แล้ววาสนาก็ไม่มีโอกาสได้อยู่กางปีกป้องหญิงสาวที่ตนห่วงหวงอีกต่อไป เมื่อมีแขกวีไอพีอีกคนแวะเวียนมาที่ร้าน เจ้าหล่อนจำต้องลุกไปทักทายอย่างนอบน้อมแต่น้อยกว่าตุลาเมื่อครู่นี้แล้วพาตรงไปยังอีกโต๊ะที่ทางนั้นจับจองไว้
ณวกาญจน์มองไปทางที่วาสนาหายไปกับชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วค่อยแว่วเสียงเพื่อนซี้ว่าขึ้น
“ท่าทางแบบนี้ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะนั่นนังเปรม”
“ใคร” ถามเพราะไม่รู้ว่าเมธาวีหมายถึงใครจริงๆ
“ก็คนที่เจ๊วาพาไปที่โซนวีไอพีน่ะสิจะใคร”
“ดูเจ้าชู้หรือ ไม่นะ เขาดู...ออกจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี”
เมธาวีปรายตามองก่อนแค่นเสียงหัวเราะทั้งที่ไม่ได้ขำกล่าวว่า
“แกชอบเขาแล้วนังเปรม”
“บ้า! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะชอบใครง่ายๆแบบนั้น”
“แล้วไป”
สองสาวคุยสัพเพเหระต่ออีกเกือบชั่วโมง ณวกาญจน์จึงขอแยกกลับหอพักก่อน เมธาวีที่นึกเบื่อแล้วเช่นกันก็ว่าจะกลับด้วย โบกมือลาเพื่อนที่ขับรถนำหน้าออกไปแล้ว กำลังจะตามหลังไปบ้าง แต่แล้วก็นึกได้ว่าว่ากระเป๋าอีกใบที่ใส่หนังสืออ่านเล่นไม่ได้หิ้วขึ้นรถมาด้วย เลยจำต้องจอดรถไว้ดังเดิม เปิดไฟมองหาของอีกครั้งแต่กลับไม่พบ
“ลืมไว้ไหนเนี่ย ขอให้อยู่ที่โต๊ะเถอะ”
บ่นอยู่คนเดียวในรถแล้วเดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง
ในนั้นมีนิยายมือสองที่หายากมากที่เธอเพิ่งจองตัดหน้าเมธาวีมาได้ ยังไม่ได้อ่านเลยสักหน้าเดียว คิดแล้วยิ่งฉุนในความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง
สอบถามจากพนักงานในร้าน ปรากฏว่าวาสนาออกไปแล้วเช่นกัน เลยต้องรบกวนให้พนักงานช่วยหากระเป๋าให้เธอที
“หานี่อยู่หรือเปล่าครับ”
ชายร่างสูงยื่นถุงผ้าที่ใส่ข้าวของของเธอกลับคืนมาให้
ณวกาญจน์มองหน้าชายคนนั้น ก่อนยื่นมือออกไปรับมาถือไว้แล้วเอ่ยขอบคุณ ดีใจยกใหญ่ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่ ระหว่างเจอของ หรือ ได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง
เธอไม่ได้คุยอะไรกับเขาอีก นอกจากยิ้มแล้วขอตัว หันหลังเดินกลับไปที่รถของตน และคงจะลืมเขาไปแล้ว หากจะไม่ได้พบกับชายคนนั้นอีกในวันถัดมา
ณวกาญจน์ออกมาหาซื้อของใช้หลังจากได้ของจนครบเธอแวะดูหนังสือที่ร้านใกล้ๆนั่นเอง ขณะหยิบเล่มนั้นอ่านวางเล่มนี้ได้พักใหญ่ ก็พบว่ามีคนเดินมาตรงที่เธอกำลังเลือกหาหนังสือ จึงขยับไปจนชิดชั้นเมื่อเข้าใจว่าตนเองขวางทางเดิน รู้สึกได้ว่าคนคนนั้นไม่เดินผ่านไปเธอเสียที จึงหันไปมองแล้วก็พบว่าเป็นเขา คนที่เธอเคยเจอที่ในร้านของวาสนา
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
“พี่ตุลย์แกเอาแน่หรือวะคนนี้”
“ไม่รู้ แต่ทรงแบบนี้ น่าจะเอาแน่ว่ะ”
“เห้อ...เดี๋ยวก็เบื่ออีก ยิ่งขี้เบื่อ”
เสียงสนทนาที่ด้านนอกร้านหนังสือมองเข้าไป ตรงที่นายของตนกำลังคุยอยู่กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผู้มีแววตาสดใสเป็นประกาย พร้อมเอ่ยปากพนันกันเอง
“ไม่จัดว่าสวย แต่น่ารัก แบบนี้แหละ เอาผู้ชายอย่างพี่ตุลย์อยู่แน่นอน”
“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น ของแบบนี้ต้องรอดูก่อนเว้ย”
“พนันกันไหมเล่า”
“ได้”
ถึงแม้ตุลาจะไม่ใช่ชายประเภทเพลย์บอย แต่เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ถือพรหมจรรย์ และที่สำคัญเขายังโสด ไม่รวมฐานะที่ไม่ใช่เศรษฐีใหญ่ หรือเป็นลูกหลานเจ้าสัวระดับประเทศ ลูกเจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านหมื่นล้านแสนล้าน แต่หากอยากได้อะไร วัตถุสิ่งไหน หรือแม้แต่ใครแล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่าตุลาจะหามาไว้ในครอบครองไม่ได้
ชายหนุ่มต้องบริหารงานหลายอย่าง มีลูกน้องคนสนิทติดตามอยู่ไม่น้อย ที่เห็นติดสอยห้อยขาอยู่เป็นประจำก็มี ‘ดุ่ย’ กับ ‘ด่อง’ นี่เองที่กำลังยืนท้าพนันกัน ทั้งคู่รู้ใจนายดีที่แค่มองตาก็รู้ไปถึงก้นบึ้งของจิตใจผู้เป็นนาย
หลังจากเห็นนายแยกจากสาวหน้าตาสดใสน่ารักคนนั้นที่ร้านหนังสือแล้ว ดุ่ยกับด่องก็เริ่มติดตามสาวน้อยนางนั้น พร้อมรายงานให้ผู้เป็นนายทราบเป็นระยะๆว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และกับใคร
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่หนึ่งในสองคทายกโทรศัพท์รายงานผู้เป็นนายตุลารับสาย ฟังจบขมวดคิ้วแล้วคลายออกในที่สุด ถามทวน
“บ้านพักคนชรา?”
“ครับ”
“อือม์” ตุลาครางคล้ายกำลังใช้ความคิด จบด้วยการสั่ง “ใครสักคนถ้าว่างลองตามไปดูก่อน ว่าไปกับใคร แล้วไปทำอะไรบ้าง ได้เรื่องยังไง โทรมา”
พอลูกน้องรับคำ เขาตัดสายทิ้งหันมาประชุมต่อเลิกประชุมแล้ว ตุลามีรถยนต์SUVสีดำเป็นรถประจำตัว ทั้งยังขับไปไหนมาไหนเองเสมอ ตรงสู่บ้านพักคนชราทันที
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
เสียงทักขณะที่เตรียมผลไม้ใส่ถาดอาหารให้บรรดาผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา
ณวกาญจน์ไม่คิดว่านี่จะเป็นการบังเอิญ หลังออกจากร้านหนังสือคราวนั้นเธอเห็นชายสองคนที่ด้านหน้า ครั้งนั้นไม่ได้นึกเอะใจ แต่พอเห็นชายหนึ่งในสองคนนั้นบ่อยขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ก็ชักจะเริ่มคิด
เธอไม่ใช่สาวน้อยใสซื่อขนาดนั้น แม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ไม่ใช่รู้อะไรมาน้อย แม้จะเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆก็ตาม
“บังเอิญอีกแล้วหรือคะ”
เสียงใสๆที่ถามกลับมานั่น ไม่ทำให้ตุลาสะดุดใจได้เท่าแววตาสุกใสเป็นประกายแบบเด็กๆที่เหมือนเล่นเกมจับผิดได้ครบหมดทุกจุด
และนั่นยิ่งทำให้ตุลาถูกใจคนตรงหน้ามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว นอกจากหน้าตารูปร่างจะถูกใจเขาแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกชนิดหนึ่งพุ่งพล่านขึ้นอยู่ภายในกายของตุลา
มันเหมือนกับว่าเขาพบของหายากที่ตามหาอยู่เจอแล้ว
ของที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ
และณวกาญจน์ก็คือสิ่งสิ่งนั้นในความคิดของตุลา
เสร็จจากกิจกรรมที่บ้านพักคนชรา ณวกาญจน์แวะไปที่ร้านหนังสือร้านที่ซึ่งพบกับตุลาคราวก่อน เพราะทางร้านแจ้งว่าหนังสือที่จองไว้มาแล้ว ตุลาไม่พูดมาก เขาไม่คิดว่ากำลังตามติดเธอ แต่ก็ขับรถตามมาด้วย ณวกาญจน์เลยได้กลับมาที่ร้านหนังสือพร้อมตุลาอีกครั้ง
เมื่อได้ของครบ ณวกาญจน์แวะดูหนังสือต่ออีกครู่ใหญ่ๆ จงใจไล่เขากลายๆ แต่แล้วตุลาก็รอจนเธอเลือกหนังสือได้อีกสามเล่มแล้วยื่นมือขอถุงหนังสือไปถือให้ ก่อนจะตามมาส่งที่รถ
ณวกาญจน์รับของแล้วถือโอกาสลาเขาเสียเลย ขึ้นนั่งที่หลังพวงมาลัยรถยนต์เรียบร้อย สตาร์ทรถกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น
“แบตน่าจะหมด”
ตุลาวิเคราะห์แล้วเข้ามาช่วยดูให้ครู่หนึ่งก็ว่าขึ้น
“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งไหมครับ เดี๋ยวอีกครู่ผมจะให้เด็กๆมาช่วยเปลี่ยนแบตรถให้ ค่อยขับไปส่งทีหลัง”
เธออึ้งไปชั่วเสี้ยววินาที เพราะไม่ได้รู้จักเขาดีพอจะรบกวนเขาถึงขนาดนั้น ก่อนส่ายหน้าหวือเป็นการปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรค่ะ เปรมเกรงใจ”
“เถอะครับ”
มองไม่เห็นว่าจะเล่นตัวไปทำไม ในเมื่อเธอต้องการความช่วยเหลืออยู่ในตอนนี้ เลยต้องตามเขาไปที่รถจากนั้น
“ปกติมื้อเย็นของคุณกี่โมงครับ”
เขาถามเมื่อขับรถออกสู่ถนนใหญ่มาได้ครู่เดียว
“ไม่แน่หรอกค่ะ บางทีก็สองทุ่ม สามทุ่ม เที่ยงคืนก็มี”
ตุลาไม่ว่าอะไรจากนั้นเขาขับรถที่ต้องฝ่าการจราจรที่แสนคับคั่งจนมาจอดที่ร้านอาหารบรรยากาศค่อนข้างดีร้านหนึ่ง
“ตอนนี้เกือบๆหนึ่งทุ่มแล้ว แวะรับประทานอะไรกันก่อนนะครับ”
ณวกาญจน์ออกฉุนนิดๆที่เหมือนถูกมัดมือชก แต่น่าแปลกที่ความฉุนนิดๆนั้น มีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นในหัวใจ
เธอนิ่ง แต่แล้วก็ยอมลงรถไปกับเขา
“ตุลย์คะ”
เสียงเรียกชื่อตุลาชนิดที่ต้องการให้โลกรู้ถึงความสนิทสนมแผดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมายืนจ้องหน้าณวกาญจน์
“นี่หรือเปล่าที่ทำให้คุณไม่ให้เอวาไปที่ห้อง”
หญิงสาวสวยจัดคนนั้นมองอาฆาตมาที่เธอ และไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว เจ้าหล่อนปราดเข้ามาตบหน้าของณวกาญจน์ในทันที
ตุลาคว้าแขนของเอวาเอาไว้ พร้อมกับมองหาใครสักคนในร้านไม่นานมีชายร่างสูงเข้ามารับช่วงต่อจากตุลา พาสาวอารมณ์ร้อนที่เพิ่งทำร้ายณวกาญจน์ออกไปจากที่ตรงนั้นเสีย
เขาเห็นแล้วว่าเธอมีเลือดซึมตรงมุมปาก ตุลาแตะแขนเธออย่างสุภาพจะพากลับขึ้นรถ
แต่ณวกาญจน์เบี่ยงตัวหนี บอกเสียงเรียบ ท่าทางแววตาดูนิ่งไป บอกด้วยน้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ออก “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปคุยกับแฟนให้เข้าใจกันดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งมีปัญหากัน”
“ผมยังไม่เคยคบหาผู้หญิงคนไหนในสถานะนั้นสักคน”ตุลาตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเรียบทว่าจริงจัง แววตาที่เขาใช้มองเธอลุ่มลึกราวกับบ่อน้ำยามราตรี “ต้องขอโทษแทนเธอด้วยที่ทำตัวไร้มารยาทแบบนั้นกับคุณ ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณอีก”
แทบจะเป็นคำสาบานของเขา ตุลารู้สึกจริงจังมากทีเดียวขณะกับการกล่าวประโยคตอนท้ายนั่น
แต่ณวกาญจน์ไม่อยากสนใจอะไร เพราะเธอฉุนจัดชนิดที่ว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ตั้งท่าจะกลับอย่างเดียว ด้วยการเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่พัก เมินหน้าไปอีกทาง พยายามระงับอารมณ์เดือดดาลของตนเอง
“ช่างเถอะค่ะ เธอคงเข้าใจผิด”
“ไม่ผิดหรอกครับ เธอเข้าใจถูกแล้ว”
ตุลาค้านด้วยแววตาเคร่งขรึม ก่อนเสริมต่อ
“ผมชอบคุณนะณวกาญจน์ เรา...ลองอยู่ในสถานะดูใจกันไปสักระยะ...ได้ไหม”
ณวกาญจน์หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้ ตอนนี้อารมณ์เริ่มจะตีกัน เมื่อเห็นเขาคว้ามือเธอขึ้นมากุม ก่อนวอนด้วยน้ำเสียงจริงจังเร่งเร้า
“ตกลงเราคบกันแล้วนะ”
จำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบตกลงกับตุลาด้วยคำพูด
เพราะตอนนั้นความรู้สึกยังงุนงงอยู่มาก ไหนจะยังโกรธไม่หายที่ถูกแฟนของเขาทำร้ายเธออีก
พอเห็นใบหน้าของเธอที่แดงจัด เขาเลยทึกทักเอาเป็นคำตอบเข้าข้างตัวเองว่า ‘ได้’ หลังจากวันนั้นตุลาลุกคืบเข้าหาเธอทีละนิดอย่างใจเย็นและมั่นคง จนณวกาญจน์เองก็ชักหวั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ทำไมก้าวกระโดดไวและมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เธอไม่ปริปากบอกให้ใครรู้เลยกับเรื่องของตนเองและตุลา
ตุลาวางปากกาที่กำลังเคาะเป็นจังหวะขณะใช้ความคิดลงบนแฟ้มเมื่อประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกหลังมีเสียงเคาะไปเพียงสามครั้งเท่านั้น และเขายังไม่ทันได้เอ่ยปากให้เข้ามา คนที่ด้านหลังประตูก็ถือวิสาสะเปิด ไร้ซึ่งมารยาทจริงๆ
แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คำพูดที่เตรียมจะว่ากล่าวก็เป็นอันต้องพับไปในบัดดล
“อ้าวคุณวา แวะมาถึงนี่เลย มีเรื่องด่วนหรือครับ”
แม้ปากจะเอ่ยคำถามราวสุภาพกริ่งเกรง แต่วาสนาเคยทำงานกับตุลามาก่อน หล่อนมองออกว่านายเก่ากำลังไม่พอใจที่ตนเข้ามาโดยพลการแบบนี้
เมื่อเห็นแล้วว่าหากไม่ยับยั้งทางนี้ ก็ดูท่าจะสายจนแก้ไขไม่ได้อีกต่อไป
ณวกาญจน์เป็นเด็กดีติดจะหัวอ่อนด้วย
หญิงอ่อนวัยที่วาสนาห่วงนักหนาเป็นบุตรสาวคนเดียวของอาจารย์ณหทัย ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเก่าที่อุปการะวาสนาจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย
เมื่อก่อนวาสนาเรียนฟรี ได้หนังสือ เสื้อผ้า เงินค่าขนมก็ล้วนมาจากการเป็นพี่เลี้ยงให้ณวกาญน์ทั้งนั้น เธอเห็นณวกาญจน์ตั้งแต่อยู่ในท้อง ได้เลี้ยงหญิงสาวมาตั้งแต่บิดาของเจ้าหล่อนถูกยิงตาย ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนขนม พาเล่น พานอน ไม่สบายก็อยู่ดูแล ทำทุกอย่างแทบไม่ต่างจากเป็นแม่อีกคน จึงรักและผูกพันกับณวกาญจน์มาก มากพอๆกับที่ณวกาญจน์รู้สึกตอบกลับมา
วาสนาเข้ามายืนประจันหน้าเจ้านายเก่า บอกเสียงแข็ง
“นายคะ...วาบอกแล้วไง ว่าเด็กคนนี้วาขอ”
ตุลากระตุกยิ้ม เขาวางปากกาลง ก่อนประสานมือ พร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของวาสนาก่อนตอบกลับด้วยท่าทางก้าวแกร่งเอาจริงกลับไปยังวาสนา
“คนนี้ผมก็ขอเหมือนกันครับคุณวา”
“เรากับเขา ไปถึงไหนกันแล้ว”
วาสนาถามพร้อมจ้องหน้ารอคำตอบท่าทางจริงจังจนณวกาญจน์ต้องหลบตา รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงใคร อ้อมแอ้มว่า
“จะไปถึงไหนล่ะคะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆ” ท้ายประโยคแกล้งทำเสียงสูง กะจะให้วาสนาขำ แต่ดูเหมือนหญิงสาวรุ่นพี่จะไม่ขำตามไปด้วย
วาสนาจ้องหน้าเธอแล้วถอนใจเฮือก บอกเสียงดุและจริงจัง
“พี่เตือนเราเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนี้”
“ทำไมคะ”
“นั่นไง! แสดงว่าอยากยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ย้อนถามหาเหตุผลแน่ๆว่าทำไม” วาสนาฉุน แล้วเริ่มอธิบาย “นายไม่ใช่คนที่จะยอมหยุดที่ใครทั้งนั้นนะเปรม”
“เปรมก็ไม่ได้...หวังขนาดนั้น”
เสียงอ่อยลงแม้ลึกๆจะคาดหวังก็ตาม
เห็นท่าทีของณวกาญจน์แบบนี้แล้ว เลยต้องพูดแรงๆให้รู้ตัว
“อยากเป็นแค่ทางผ่านเขาหรือไงเปรม”
“พี่วาน่ะ...”
วาสนายกมือขึ้นประคองแก้มนุ่มของหญิงตรงหน้าเกลี้ยกล่อม
“คุณตุลาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนเลยที่พี่รู้จักมา ที่เขานิ่ง เขาอาจทำเหมือนเขาว่าไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่พี่จะบอกเอาให้รู้นะว่าผู้ชายคนนี้นะ โครตเหง้าของคนเจ้าชู้เลยเปรม เด็กอย่างเราไม่มีทางตามเขาทัน”
ณวกาญจน์หลบตา แล้วย้ำคำตอบเดิม
“เปรมก็ไม่คิดว่าจะไปได้ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆเท่านั้นเองนะคะ”
วาสนาถอนใจเฮือก บอกเสียงแข็ง “พี่มองตานายก็รู้”
ณวกาญจน์ช้อนตาขึ้นมองหญิงสาวรุ่นพี่ ถามเสียงอ่อย
“รู้ว่ายังไงคะ”
“ก็รู้ว่าเขาอยากได้เปรมน่ะสิ”
ได้ยินวาสนาบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจังก็หน้าร้อนผ่าวๆ หลบตาอ้อมแอ้มบอกปัด
“เปรมไม่ใช่คนสวย”
วาสนามองคนตรงหน้านิ่ง ถอนใจเบาๆ
“เปรมของพี่น่ารัก” ไม่ใช่น่ารักแบบธรรมดา แต่น่ารักมากด้วย และนายเก่าของวาสนาก็ต้องเห็นอย่างที่วาสนาเห็น คนถูกชมว่าน่ารักแกล้งมุ่ยหน้าหน่อยหนึ่ง ก่อนบอกสรรพคุณตัวเองตบท้าย
“และเปรมก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นด้วยนะคะพี่วา”
“เขาทำได้ เขาทำให้คนยากๆเป็นคนง่ายๆได้หมดนั่นแหละเปรม” ถ้าลงว่าเขาจะเอาน่ะ
มองหน้าหญิงรุ่นพี่ ครางเสียงอ่อยๆอีก หวังใจว่าจะใช้กับวาสนาได้ผล “พี่วาน่ะ...เปรมแค่อยากลองคุยกับเขาดู ไม่ได้หวังจะไปไกลกว่านี้จริงๆนะคะ...”
เห็นแววตาเหมือนเด็กดื้อเงียบอยากได้ของเล่นชิ้นใหญ่ ก็ได้แต่ใจแข็ง ส่ายหน้าทำนองว่าอย่าเลย จึงได้แต่หลุบตาลงอีกครั้งเพื่อปิดบังสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของตน หากวาสนารู้มากกว่านั้นจะโกรธเธอไหม
ไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคนเดียวว่าหลังจากนั้นไม่นาน ณวกาญจน์ตกลงคบหากับตุลาแบบเงียบเชียบที่สุด และเธอจดทะเบียนสมรสกับตุลาหลังจากนั้นไม่นาน โดยไม่ปริปากบอกใครเลยสักคนเดียว