บทที่ 3
วงการบันเทิงอ่ะนะ
พราวนภาเดินกลับห้องพักไปด้วยความเสียวสันหลังวาบ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกถึงการจ้องมองตามหลังมา แต่อาการเย็นยะเยือกที่รู้สึกได้ ทำให้เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ความที่จะออกไปเดินเล่นเพื่อถ่ายรูปไว้อวดเพื่อนๆต้องจบลงเมื่อตอนนี้โทรศัพท์เครื่องน้อยได้หล่นลงไปนอนนิ่งอยู่ใต้ท้องทะเลซะแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง เธอพบกับรูมเมทเป็นสาวสวยหน้าตาบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวทางประเทศตะวันตก ฟ้ายิ้มสาวสวยตรงหน้าก่อนจะแนะนำตัวออกไป
“สวัสดีฉันพราวนภา หรือฟ้านะ เราจะสื่อสารด้วยภาษาอะไรดี” ฟ้าทักทายออกไปด้วยภาษาอังกฤษพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อจับทักทายกับเพื่อนใหม่ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่เธอจะต้องอยู่ร่วมห้องกัน พราวนภาอยากผูกมิตรไว้เพื่อง่ายต่อการทำงาน
“เราชื่อแอนนา มาจากฝรั่งเศส เราพูดไทยได้นะพอดีเรามีแฟนเป็นคนไทยน่ะ”แอนนายิ้มให้ฟ้าอย่างเป็นมิตร ทั้งสองตกลงที่จะสื่อสารกันด้วยภาษาไทยอยู่กันสองคนและภาษาอังกฤษเมื่ออยู่กับคนอื่น
“ดีจัง ฟ้ามีแอนเป็นเพื่อน ทริปนี้ฟ้ามาคนเดียวเลย เป็นครั้งแรกด้วยที่จะได้เดินแบบเครื่องเพชรที่ประเมินราคาไม่ได้แบบนี้ ยอมรับว่าตื่นเต้นมากเลย"
“ตอนแรกเราเองก็แปลกใจนะที่คนจะเดินฟินนาเล่เป็นนางแบบหน้าใหม่ ไม่ใช่ซูซี่นางแบบดังของฮ่องกงที่ผูกขาดการเดินแบบชุด ฟินนาเล่ของงานเดินแบบเครื่องเพชรของคุณแฮรี่ เห็นเขาว่ากันว่าที่ได้เดินเพราะเป็นแฟนเจ้าของงานกับเป็นลูกหุ้นส่วนของคาสิโนที่คุณแฮรี่เป็นเจ้าของ”
พราวนภาก็พอรู้ว่าเป็นเป็นม้ามืดที่จะมาเดินแบบชุดฟินนาเล่เครื่องเพชรในงานคราวนี้ แต่คุณซูซานก็ยืนยันว่าคนที่ใหญ่กว่าเจ้าของเรือต้องการให้เธอเดินแบบชุดฟินนาเล่ในครั้งนี้ ถึงแม้เธอจะถามกี่รอบก็ไม่ได้รับคำตอบจากคุณซูซานว่าใครที่ใหญ่ขนาดขัดใจเจ้าของงานได้ แต่เมื่อเธอต้องการก้าวเข้ามาในวงการนางแบบเต็มตัว จึงตัดสินใจรับงานนี้ โดยรู้ว่าจะต้องเจอกับแรงกระแทกจากเหล่าบรรดานางแบบด้วยกันที่คงไม่พอใจ
“ฟ้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณซูซานบอกแค่ว่ามีการเจาะจงมาให้ฟ้าเดินแบบในชุดฟินนาเล่ ฟ้าเองก็ยังไม่เห็นชุดเลยนะว่าเป็นยังไง ตั้งแต่ขึ้นเรือมายังไม่เจอคุณซูซานเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็ฟ้าส่งเรซูเม่ไปให้คุณซูซานแล้วไม่ใช่เหรอ ในนั้นมีสัดส่วนของฟ้าอยู่ เขาต้องจัดเสื้อผ้าให้พอดีอยู่แล้ว ดีไซเนอร์จะออกแบบตามคนใส่และพวกตัดเย็บก็จะตัดตามสัดส่วนที่เราให้ไป” แอนนาที่อยู่ในวงการนางแบบมานานบอกเพื่อนร่วมห้องให้สบายใจ
“ขอบใจแอนมากนะ มีอะไรก็แนะนำฟ้าได้เลย ฟ้ายังใหม่มากสำหรับวงการนี้”
พราวนภาได้ศึกษางานของเพื่อนนางแบบที่จะร่วมงานนี้ที่ คุณซูซานส่งให้ทางเมลแล้ว และเธอได้เซิร์ฟหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาบ้างแล้ว แอนนาเป็นนางแบบฝรั่งเศสที่เคยเดินแบบมาแล้วมากมาย เธอเคยเป็นนางฟ้าวิคตอเรียซีเคร็ทมาแล้วด้วย นอกจากแอนนายังมีนางแบบจากฮ่องกงอีกประมาณ 4-5 คนที่เธอต้องระวังเพราะส่วนใหญ่เป็นเซเลบไฮโซที่หันมาเดินแบบเพื่ออัฟตัวเองในวงสังคมชั้นสูง บางคนก็เป็นนางแบบจริงๆแต่ยอมเป็นลิ่วล้อของนางแบบเซเลบอีกที
เหมือนสามคนที่เธอเจอบนดาดฟ้าเรือเมื่อตอนบ่ายที่เป็นลิ่วล้อของซูซี่นางแบบดังที่พ่วงด้วยตำแหน่งสาวสังคมชั้นสูงของฮ่องกง
“แอนขอให้ฟ้าอดทนและระวังตัวด้วยนะ ซูซี่คงไม่อยู่เฉยๆแน่ เธอเหมือนโดนหักหน้าอย่างแรง”
“ก็คงอย่างนั้น ขนาดวันนี้เจอแต่พวกลิ่วล้อฟ้ายังเสียโทรศัพท์ไปแล้วหนึ่งเครื่องเลย” แล้วฟ้าก็เล่าเรื่องบนดาดฟ้าเมื่อตอนบ่ายให้แอนนาฟัง แอนนาบอกเธอว่าต่อไปนี้จะไปไหนก็เรียกเธอก็ได้ เธอจะไปเป็นเพื่อนเพราะกลัวว่าต่อไปอาจจะไม่ใช่แค่โทรศัพท์ที่หล่นไปนอนใต้ท้องทะเล แต่อาจจะเป็นพราวนภาที่อาจจะต้องหล่นไปในทะเลซะเอง
เมื่อได้เวลาอาหารค่ำ พราวนภากับแอนนา ก็เดินออกไปที่ดาดฟ้าเรือเพื่อเดินเล่นก่อนจะเข้าไปรับประทานอาหารในห้องที่ทางเรือจัดไว้ให้เฉพาะนางแบบ พอฟ้าเดินเข้าไปก็รู้สึกถึงการจับจ้องที่ส่งมาจากสาวๆที่โต๊ะมุมห้อง ที่โต๊ะมีคนนั่งอยู่ 4-5 คน 3 ใน 5 คือคนที่มีเรื่องกับเธอเมื่อตอนบ่าย ฟ้าทำเป็นไม่สนใจสายตา 5 คู่นั้น เธอเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่โต๊ะห่างออกไป ก่อนจะเดินไปตักอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่จัดไว้หลากหลายชนิดให้เลือกสรร ส่วนใหญ่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องควบคุมอาหารอย่างพวกเธอ
พราวนภาเดินเลือกตักอาหารพร้อมกับแอนนา ในมือของเธอมีถ้วยซุปอุ่นๆ อีกข้างเป็นสลัดปลาแซลมอนสีสวย ทว่าพอเธอกำลังก้าวเดินเพื่อกลับโต๊ะก็รู้สึกถึงแรงกระแทกด้านหลังและความรู้สึกถึงน้ำที่เปียกชุ่มไปตั้งแต่ไหล่ลาดลงมาที่แผ่นหลัง ทำให้เธอหมุนตัวกลับมาสาดซุปอุ่นร้อนหกไปใส่คนที่อยู่ด้านหลังทันที
โอะ / ว้าย...สองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันเป็นเสียงโอะอย่างตกใจของพราวนภาและเสียงร้องว้ายของนางแบบสาวฮ่องกงที่สภาพตอนนี้เต้นกระทืบเท้ารัวๆใช้มือปัดน้ำซุปออกจากหน้าออกที่ทำศัลยกรรมซะใหญ่โตเกินรูปร่างผอมเพรียวของเธอ เสื้อเนื้อบางเบาแทบเหมือนไม่ใส่อะไรเลยไม่สามารถป้องกันความร้อนของซุปที่ราดรดลงไปที่อกอวบใหญ่นั้นได้
“ขอโทษๆๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันตกใจที่โดนน้ำกระเซ็นใส่นะ เธอเป็นอะไรมากไหม” พราวนภาเอ่ยขึ้นอย่างขอโทษ น้ำเสียงและใบหน้าเธอบ่งบอกว่าเสียใจมากที่ทำให้คนอื่นปวดร้อน แต่หากสังเกตจะเห็นมุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหายไป
“เธอทำอะไรของเธอ เห็นไหมว่าหน้าอกฉันแดงไปหมดแล้ว เธอต้องการแกล้งฉันใช่ไหม ฉันจะฟ้องคุณซูซาน”
ฟางฟาง นางแบบสาวชาวฮ่องกงร้องเสียงดังจนเพื่อนๆของเธอรวมทั้งแอนนาเดินเข้ามายังจุดที่เกิดเหตุ
“ก็ฉันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ฉันตกใจที่จู่ๆก็เหมือนโดนกระแทกและน้ำสาดใส่ที่ข้างหลัง เลยจะหันมาดูเท่านั้นเอง ฉันก็ขอโทษไปแล้วนะ” พราวนภายังยืนยันที่จะบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด ฉันจะฟ้องให้คุณซูซานปลดเธอออกจากงานนี้”
“งั้นฉันก็จะฟ้องเหมือนกันว่าเธอกับเพื่อนแกล้งกระแทกฉันที่ดาดฟ้าเรือจนทำให้มือถือของฉันหล่นลงไปในทะเล”
ฟ้าเปลี่ยนน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเสียใจเป็นน้ำเสียงที่เข้มอย่างเอาเรื่องขึ้นมาทันที ตอนแรกเธอแค่อยากเอาคืนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ว่าหากไม่อยากจบเรื่องเธอก็พร้อมที่จะสู้
“ใครไปแกล้งเธอ เธอล้มไปเอง อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ”
“พวกเธอแกล้งฉัน” พราวนภาส่งสายตาไปหาอีกสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมด้วย
“ไหนล่ะหลักฐาน พูดลอยๆใครก็พูดได้ พวกฉันจะไปแกล้งเธอทำไม” ปิงปิง ลอยหน้าลอยตาถามออกมา ก่อนที่จะหัวเราะสนุกสนาน
พราวนภามองหน้าทุกคนอย่างเข่นเขี้ยวที่ทำอะไรไม่ได้ เธอกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ โทรศัพท์เครื่องนั้นมีภาพถ่ายของเธอกับเพื่อนๆมากมาย มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ แต่ตอนนี้มันไปนอนเล่นอยู่ที่ใต้ท้องทะเลเพราะคนพวกนี้ที่กำลังยืนหัวเราะเยาะเธอ ทว่า..
“ฟ้า แอนว่าที่ดาดฟ้าเรือน่าจะมีกล้องวงจรปิดนะ ไปขอให้เขาเปิดดูก็ได้ จะได้รู้ว่าเธอโดนแกล้งจริงๆไหม จะได้ให้คุณซูซานจัดการปลดออกจากงานนี้ไปซะบ้าง”
แอนนาที่ยืนฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นเมื่อเพื่อนโดนรุม คำพูดของเธอทำให้ดวงตาของฟ้าเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้น ส่วนสามคนข้างหน้าเริ่มใบหน้าไม่มีสีเลือด
“นอกจากดาดฟ้าเรือ ห้องนี้ก็น่าจะมีด้วยใช่ไหมแอน เดียวเราไปขอให้เขาเปิดให้ดูทั้งสองห้องเลย จะได้รู้ว่าใครแกล้งใครกันแน่ คุณซูซานจะได้จัดการปลดออกถูกคน”
พราวนภาเอ่ยขึ้นกับเพื่อนบ้าง จนนางแบบแทบทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ใครจะเอ่ยอะไรอีก กรรมการกลางก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร
“มีอะไรกัน...” เสียงคุณซูซานดังขึ้นข้างหลังทุกคน