บทที่ 2
สงครามนางแบบ
พราวนภาเดินขึ้นเรือสำราญด้วยความหวาดหวั่น เธอเพิ่งรู้วันนี้ว่าจะต้องเดินแบบในชุดฟินนาเล่ให้กับงานเปิดตัวเครื่องเพชรบนเรือสำราญ เมื่อเธอเป็นคนที่คุณซูซานเจาะจงให้เป็นคนสำคัญของงานแม้ว่าเธอเพิ่งจะเป็นนางแบบได้ไม่นาน พราวนภาเข้าสู่วงการนางแบบจากที่เธอได้เป็นดาวคณะที่มหาวิทยาลัย
หญิงสาวมีความผสมผสานระหว่างไทยจีนทำให้เธอมีโครงร่างที่สูงใหญ่ มีใบหน้าคมเข้ม ดวงตากลมโตหวานแบบไทยแท้ แต่กลับมีผิวขาวเนียนอมชมพูแบบคนจีน เธอมีความสูงถึง 170 เซนติเมตรก็ทำให้เธอเป็นที่ต้องการของวงการนางแบบเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกรับงานเฉพาะที่ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของนักศึกษามาโดยตลอด
เธอก็ได้รับการติดต่อจากคุณซูซานเจ้าแม่โมเดลลิ่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียให้เข้าไปพบที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวในเครือจัสมินแกรนด์ โฮเทลของนักธุรกิจชื่อดังของเกาะฮ่องกงที่เปิดโรงแรมอยู่ทั่วทุกมุมโลกแต่ธุรกิจหลักของเขาคือคาสิโน
‘ฉันรู้ว่าเธออาจจะไม่ไว้ใจฉันที่บอกว่าจะให้เธอไปเดินแบบชุด ฟินนาเล่ในงานใหญ่ระดับนั้น จึงบินมาจากฮ่องกงเพื่อพบเธอด้วยตัวเองแต่ฉันเคยเห็นเธอ ก็รู้สึกถูกใจ ถ้าเธอรับงานนี้ ฉันคิดว่าเธอจะดังขึ้นมาภายในข้ามคืน ฉันไม่บังคับให้เธอต้องมาอยู่ในสังกัดของฉัน เธอจะยังรับงานได้เท่าที่เธอต้องการรับทำเหมือนเดิม’
คุณซูซานแจ้งกับพราวนภาไปพบตัดสินใจไปพบตามคำเชิญพร้อมอริส(อย่างน้อยมีอะไรเกิดขึ้นตอนมีอริสอยู่ด้วย เธอก็รู้ว่าเพื่อนจะจัดการได้แน่นอน)
‘ทำไมต้องเป็นฉันคะ’ พราวนภาจำได้ว่าได้ถามคำถามออกไปหลังจากที่ได้ฟังข้อเสนอที่มีเพียงฝ่ายเธอที่ได้ประโยชน์
‘เครื่องเพชรชุดนี้เป็นเพชรสีแดง มีความโดดเด่นที่ประกายที่ เจิดจรัส หรูหรา สวยงาม ดูร้อนแรง แต่ก็มีความหวานอยู่ในตัว ซึ่งตรงกับบุคลิกของเธอ ฉันต้องการนางแบบหน้าใหม่เพื่อให้คนสนใจเพชรเท่าๆกับสนใจนางแบบ’
‘ฟ้ารับงานนี้เลย อริสรับรองความปลอดภัย น้าซูซานเป็นน้องสาวของลุงปีเตอร์ เธอไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอก อริสรับรองให้’ อริสที่ไปด้วยช่วยเชียรให้เธอรับงานเดินแบบครั้งนี้
ตอนนี้เธอจึงต้องมาอยู่บนเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จุคนได้ไม่ต่ำกว่า 1500 คน ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม กว่าเธอจะผ่านด่านตรวจมาได้ก็แทบจะต้องแก้ผ้าให้ตรวจกันเลยทีเดียว ตรวจอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ถ้าทำผิดก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้อยู่แล้ว นอกจากว่ายน้ำเข้าฝั่ง ซึ่งคงไม่มีใครบ้าลงไปเป็นอาหารของปลาฉลามหรอก พราวนภาคิดค่อนคอดเจ้าของเรืออย่างหมั่นไส้
หญิงสาวเก็บเสื้อผ้าในห้องพักที่คุณซูซานจัดให้พักร่วมกับนางแบบจากฝรั่งเศสที่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นเรือมา เธอเดินเข้าไปในห้องโถงของเรือที่จะจัดงานแสดงโชว์เครื่องเพชรในอีกสองวันข้างหน้า ในห้องมีพนักงานกำลังจัดเตรียมห้องอยู่อย่างรีบเร่ง เพื่อให้เสร็จก่อนที่เจ้าหน้าที่ระบบความปลอดภัยจะมาติดตั้งระบบในค่ำนี้ และนางแบบก็มีคิวที่จะซ้อมเดินแบบในวันพรุ่งนี้ เมื่อดูสถานที่จนพอใจแล้วเธอจึงเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปรับลมชมวิวก่อนเริ่มงาน
“ฮัลโหล เพื่อนรัก ตอนนี้ฟ้าอยู่บนเรือแล้วนะอริส เรือบ้าอะไรตรวจก่อนขึ้นเรือละเอียดยิบ ยังกับจะมีโจรมาปล้นเรืออย่างนั้นแหละ”
‘อิอิอิ ได้ข่าวว่าเจ้าของเรือทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังโสดด้วยนะฟ้า มีโอกาสจับปล้ำเลยนะ อย่าปล่อยให้หลุดมือ’
อริสหัวเราะส่งเสียงมาตามสาย หลังจากที่ฟ้าโทรไปหาเพื่อนเพื่อส่งข่าว ตอนนี้ทั้งสี่คนอยู่ในสายด้วยกัน เป็นการโทรแบบ ประชุมสาย
“อริสรู้จักเหรอ ถ้าดีขนาดนั้นทำไมคุณหนูอริสไม่จีบไว้ซะเองล่ะคะ” ฟ้าตอบกลับไปพรางหัวเราะ เธอรู้ว่ายังมีหนุ่มอีกคนที่แอบฟังอยู่ในสาย และก็ใช่......อานนท์กำลังฟังอยู่เงียบๆ
‘ ฮึ ฮึ ฟ้า..นนท์ว่าฟ้าจีบเองดีแล้ว อริสเขามีคนจีบอยู่แล้วล่ะ’อานนท์หนุ่มคนเดียวในกลุ่มเอ่ยบอกมา ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของสามสาว
‘ ยี่หวาไม่เห็นใครมาจีบอริสเลยนะ นนท์รู้เหรอว่าใครมาจีบอริส’ หวันยิหวาเอ่ยแซวเพื่อน จนอานนท์หัวเราะเสียงดัง
‘ มีสิ เขาแอบมองอริสมานานแล้ว แต่ยังไม่กล้าจีบ ขอเวลาให้เขาหน่อยนะอริส อย่าให้ใครมาจีบก่อนละ’
“ โห.../โห้ว...” พราวนภากับหวันยี่หวาร้องขึ้นมาพร้อมกันก่อนจะพากันหัวเราะการจีบกันของเพื่อนผ่านโทรศัพท์ ตอนนี้หวันยี่หวาเป็นผู้ช่วยเลขารองประธานบริษัท อริสเป็นทำงานที่บริษัทกับพี่ชาย อริสเป็นคนดูแลเรื่องภาพลักษณ์และโฆษณาของบริษัท
ทุกคนกำลังเร่งสร้างผลงานรวมทั้งอานนท์ที่เร่งขยายรีสอร์ทของพ่อให้เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ ให้ติดเป็นรีสอร์ทที่ต้องมาพักของจังหวัดเชียงใหม่
“ยี่หวา คราวหน้าเราไปร้องคาราโอเกาะต้องให้นนท์ร้องเพลง ดาวประดับฟ้าด้วยนะ สงสัยจะถูกใจอริสแน่ๆ อิอิอิ”
พราวนภาเย้าแหย่ไปยังคุณหนูอริสที่เธอคิดว่าคงกำลังเขินอายหน้าแดงอยู่เป็นแน่ๆ
‘ไม่เอาแล้ว อริสจะไปทำงานแล้ว ยี่หวาเตือนพี่อเล็กซ์ด้วยถึงเวลาประชุมแล้ว’
อริสบอกก่อนจะออกจากระบบไปพร้อมกับอานนท์ที่อวยพรให้เพื่อนโชคดี
“ยี่หวา ยายดวงเป็นอย่างไรบ้าง เดียวฟ้ากลับเข้าฝั่งจะไปขอขนมกินนะ ยี่หวาก็ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรโทรหาฟ้าได้ตลอดนะ ” พราวนภาบอกเพื่อนออกไปอย่างเป็นห่วง
‘ขอบใจฟ้าด้วยนะ ฟ้าก็เหมือนกันดูแลตัวเองดีๆ ยี่หวาเป็นห่วง’
“ไม่ต้องห่วงฟ้าหรอก ไม่แน่นะฟ้าอาจจะปล้ำเจ้าของเรือทำสามีอย่างที่อริสบอกก็ได้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย อิอิอิ…..”
พราวนภาพูดยังไม่จบประโยคดีก็รู้สึกถึงแรงกระแทกที่มาจากด้านหลังอย่างแรง จนตัวเธอที่ยืนอยู่ดาดฟ้าเรือเสียหลัก มือถือที่อยู่ในมือตกจากมือหล่นลงไปในทะเลหายวับไปกับตา
พราวนภามองตามโทรศัพท์เครื่องน้อยไปอย่างเสียดาย ก่อนที่จะหันมาเจอคนที่เธอคิดว่าทำให้เธอสูญเสียโทรศัพท์ยืนอยู่ไม่ไกล
“มองอะไร ” เสียงถามภาษาจีนกลางจากนางแบบที่ยืนอยู่ทำให้พราวนภาไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้เธอคนนี้หรือเปล่าที่ชนเธอ แต่พอมองไปอีกทีก็เห็นหนึ่งในสามที่ยืนอยู่ยักคิ้วให้กันพร้อมกับเอามือปิดปากหัวเราะอย่างสนุกสนาน เธอก็รู้ว่าที่สงสัยนั้นไม่ผิดแน่
“ฉันควรจะถามพวกเธอมากกว่านะว่ามีอะไร ทำไมต้องมาชนกระแทกฉันจนมือถือหล่นแบบนี้” เธอส่งภาษาจีนกลางตอบออกไปพราวนภาปกติเธอเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องของใครอยู่แล้ว แม้จะไม่บู้เก่งเหมือนอริสแต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆเหมือนกัน พราวนภาเดินเข้าไปใกล้นางแบบสามคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งจนสามคนถอยหนีไปข้างหลังจนสะดุดของกันล้มก้นกระแทกลงไป
“แกจะทำอะไรพวกฉัน ฉันจะฟ้องคุณแฮรี่ อย่าคิดว่าเป็นเด็กเส้นคุณซูซานแล้วพวกเราจะกลัวเธอนะ”
“ฉันไม่ได้คิดว่าฉันเป็นเด็กเส้นอะไร คุณซูซานเลือกฉันเอง ส่วนคุณแฮรี่เป็นใคร ทำไมฉันต้องกลับพวกเธอไปฟ้องด้วย ทำไมฉันต้องกลัวเขา”
พราวนภาถามออกไปอย่างงวยงง เธออาจจะเป็นที่หมั่นไส้ของนางแบบที่ร่วมงานด้วย อันนี้เธอเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเธอจะต้องกลัวคนชื่อแฮรี่ด้วย เขาเป็นใครกัน?
“ไม่ต้องมาตอแหลว่าไม่รู้จักคุณแฮรี่ ก็ฉันได้ยินเธอบอกว่าจะปล้ำเขาทำผัวอยู่หยกๆ” เมื่อลุกขึ้นได้และมองไปด้านหลังของนางแบบหน้าใหม่ที่มาแย่งตำแหน่งนางแบบเบอร์หนึ่งอย่างซูซี่เพื่อนเธอแล้วเห็นว่าชายหนุ่มสี่คนในชุดสบายๆแต่ก็ไม่สามารถบดบังรัศมีของความหล่อที่นายแบบตัวจริงยังเทียบไม่ได้กำลังเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังพราวนภา
“ฉันไม่ได้ตอแหล อีกอย่างนะ อีตาแฮรี่เป็นใครฉันยังไม่รู้ แล้วทำไมฉันถึงจะอยากได้มาทำผัว ถ้าพวกเธอชอบก็เอาไปเถอะฉันไม่ขอยุ่งด้วยเหรอ”
พราวนภาส่งภาษาจีนตอบออกไปเหมือนเดิม เธอไม่รู้ว่าทำไมสามสาวที่เถียงเธอฉอดๆอยู่เมื่อกี้ถึงเงียบเสียงและเดินจากไปง่าย จนกระทั่งเธอหันหลับมาทางเดิม
พราวนภาเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ด้วยกันสี่คนทั้งหมดสวมกางเกง สแล็คแบบผู้ชายง่ายๆ ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมลงมาจนเห็นไรขนที่หน้าอก ชายหนุ่มทั้งหมดมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่งจนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อมองให้ชัดไปอีกครั้งถึงสังเกตเห็นว่ามีหนึ่งคนที่ยืนหน้าบึ้งตึงมองมาที่เธอยังกับจะฆ่าให้ตายด้วยสายตาที่ดุดันนั้นเป็นเพื่อน คุณอเล็กซ์พี่ชายของอริส เธอเคยเจอกับเขาที่งานวันเกิดของอริส แต่เพราะวันนี้เกิดเรื่องกับยายของหวันยี่หวา พวกเธอเลยไม่ได้สนใจคนอื่นนอกจากรอฟังข่าวของเพื่อน แต่เขาคงจำเราไม่ได้เพราะทำหน้าบึ้งขนาดนั้น แต่เขาชื่ออะไรนะ..คิดไม่ออก
“ อ่อ สวัสดีค่ะ ไม่ทราบมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”
พราวนภาถามชายหนุ่มทั้งสี่คนออกไปเมื่อพวกเขาเอาแต่ยืนจ้องมองเธอไม่พูดอะไร
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอเตรียมชิ่งเมื่อเห็นทางไม่ดี พราวนภาเดินเลี่ยงออกมาจากสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดช้าๆ แต่พอคิดว่าพ้นสายตาทั้งสี่คู่แล้ว เธอก็เดินแกมวิ่งไปยังห้องพักทันที
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เสียงหัวเราะดังออกมาจากไมเคิลและแดเนียลจนตัวงอ
“แฮรี่ ฉันว่าแกต้องไปเข้าคอร์สบริหารเสน่ห์ใหม่ดีกว่านะ เธอเหมือนจะจำนายไม่ได้วะเพื่อน” ไมเคิลพูดไปหัวเราะไปจนน้ำตาไหล
“ฮ่า ฮ่า เธอไม่อยากเอานายทำผัวด้วยล่ะแฮรี่...”
แดเนียลพูดไปวิ่งหลบฝ่าเท้าของแฮรี่ที่ยกขึ้นถีบออกไปที่เพื่อนทั้งสอง ความไม่พอใจให้แฮรี่พุ่งสูงเมื่อทำอะไรเพื่อนไม่ได้ ทำให้เขาโยนความผิดไปที่เธอคนนั้น พราวนภาเธอกล้ามากที่ทำให้เพื่อนๆหัวเราะเยาะฉัน
วิลเลียนมองแผ่นหลังของพราวนภาไปจนลับตาอย่างครุ่นคิด เขาคุ้นหน้าเธอไม่ใช่จากที่เธอเป็นนางแบบ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเขาถึงคุ้นกับเธอนัก ‘เราต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่นอน’
………………………………….