“ลิดา เข้ามาพบผมหน่อย” เสียงที่ดังขึ้นผ่านโทรศัพท์ภายในบนโต๊ะทำงาน ทำให้ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนพร้อมสมุดจดบันทึกงานในมือ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายติดไว้ตรงประตูว่า ‘รองประธานกรรมการ’ ลิดาเคาะประตูห้องเพื่อขออนุญาตก่อนเปิดเข้าไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“ค่ะท่านรอง มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องเรียกเป็นทางการแบบนั้นเลยลิดา พายบอกกี่ครั้งแล้วทำไมไม่จำ”
“จะให้เรียกแบบอื่นได้ยังไงคะ ในเมื่อที่นี่มันเป็นที่ทำงานนี่คะท่านรอง....” ลิดาบอกเหตุผลพร้อมกับเน้นเสียงตรงตำแหน่งของเขาให้ฟังชัด ๆ ก่อนที่จะยักคิ้วกับรอยยิ้มทะเล้นที่ปรากฏบนใบหน้าหวานไปให้
“เฮ้อ... พายเบื่อจะเถียงกับลิดาแล้ว” เสียงถอนหายใจบ่งบอกความเหนื่อยหน่ายของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานกับอาการส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเอือมระอา
“ถ้าเบื่อก็เลิกบังคับกันสักทีสิ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าที่เรียกลิดามาแบบนี้”
“สัปดาห์หน้าลิดาต้องไปคุยงานกับลูกค้าที่ภูเก็ตกับพายนะ เตรียมตัวด้วย”
“ค่ะ ว่าแต่จะไปกี่วัน??”
“สามวันสองคืน”
“รับทราบ แค่นี้ใช่ไหมที่จะบอก ลิดาจะได้ออกไปทำงานต่อ” หลังจากได้รับรู้รายละเอียดเรื่องงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลิดาก็ขอตัวเพื่อรีบกลับไปจัดการงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปภูเก็ต
“อืม”
วันนี้เป็นที่ลิดาและพายจะต้องเดินทางไปภูเก็ตด้วยกันและตอนนี้ลิดาก็นั่งรอพายอยู่ที่สนามบินเพราะทั้งคู่วางแผนว่าจะเดินทางด้วยเครื่องบิน เนื่องจากความสะดวกสบายและเร็วกว่าการขับรถไปเอง เธอเดินทางมารอเขาที่สนามบินแทนที่จะมาพร้อมกันเนื่องด้วยเธอเกรงใจไม่อยากให้เพื่อนรักควบตำแหน่งเจ้านายต้องเสียเวลามารับที่ห้องพัก
ระหว่างนั่งรอลิดาก็ถือโอกาสอ่านหนังสือที่อ่านค้างอยู่ไปด้วย แต่อ่านไปจนเกือบจบเล่มแต่พายก็ยังไม่มาสักทีจนเธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงประกาศของสายการบินลิดาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพายทันที
[ฮัลโหล]
“พายอยู่ไหนแล้วเนี่ย จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วนะมัวทำอะไรอยู่”
[รู้แล้ว]
“รู้แต่ก็ยังช้าเนี่ยนะ”
[โอ้ยยย...... ลิดาแกอย่าบ่นเหมือนแม่คนที่สองของพายได้ไหม]
“ก็มันจริงนี่หน่า ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหน”
[......] พายไม่ได้ตอบลิดาแต่กลับวางสายไป ทำให้ลิดายิ่งอารมณ์เสียและหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเพื่อนรัก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้โทรหาเขาอีกครั้งก็มีคนสะกิดเธอจากด้านหลังทำให้เธอต้องละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ่งอยากจะบ่นจะด่า
“ไม่ต้องตั้งท่าจะด่าเลย ถ้าจะด่าจะบ่นก็เชิญบ่นคนนี้เลยที่ชักช้า” พายยกมือขึ้นห้ามพร้อมพูดเบรกลิดาที่อ้าปากกำลังจะบ่นตัวก่อนจะเบี่ยงตัวให้เห็นคนที่ทำให้เขาช้า
“พี่บอส!!!!”
“ครับพี่เอง พี่ขอโทษนะที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ลิดาว่าตอนนี้เราเลิกพูดแล้วรีบไปดีกว่า ก่อนที่พากันตกเครื่องเสียก่อน”
“สองมาตรฐานว่ะ” พายอดไม่ได้ที่จะบ่นลิดา ก็ใครใช้ให้เพื่อนรักเขาสองมาตรฐานแบบนี้เมื่อกี้ยังบนเขาว่ามาช้าอยู่เลยแต่พอรู้ว่ามาช้าเพราะใครกลับไม่บ่นอีกฝ่ายสักคำ
“พาย!!!!” ลิดาดุพายเสียงเข้มก่อนจะลากแขนอีกฝ่ายให้รีบเดินตามกันไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะเช็กอินและขึ้นเครื่องไม่ทันเวลา
“ไม่ต้องมาดุพายเลย”
“พายก็ไม่ต้องมาทำเสียงน้อยอกน้อยใจลิดาแบบนี้ด้วย”
“ก็มันจริงนี่หน่า”
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ไม่อายพี่บอสเหรอ”
“เชอะ!!!”
“พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่าไหม มัวแต่ยืนเถียงกันแบบนี้อาจตกเครื่องเอาได้นะ” บอสส่ายหน้าให้กับทั้งสองคนที่เถียงกันเป็นเด็กพร้อมกับรีบพูดห้ามทัพทั้งพายและลิดา
“ครับ/ค่ะ”
ทั้งคู่ตอบรับคำของบอสจบพายก็โอบแขนรอบคอลิดาแล้วพากันเดินไปเช็กอินก่อนจะเดินไปขึ้นเครื่องบิน ระหว่างทางก็พูดคุยหยอกล้อกันไปตลอดทาง ทำให้บอสที่เดินตามก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เขาไม่ได้หึงหรือหวงลิดากับพายเพราะเขารู้ว่าทั้งคู่รักกับเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาและลิดาก็ช่วยเรื่องของเขากับพายมาตลอด
พอมาถึงโรงแรมต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อพักผ่อนก่อนที่จะถึงเวลานัดในช่วงเย็น พายจองห้องพักสองห้องโดยตัวพายเองพักกับบอสแฟนหนุ่ม ส่วนลิดาได้นอนพักสบาย ๆ คนเดียว
“โอ้โฮ!!!! วิวสวยมากอยากไปเดินเล่นจัง”
ลิดายืนมองวิวทะเลด้านนอกจากห้องพักด้วยแววตาเป็นประกายให้กับความสวยงามตรงหน้า ไม่บ่อยเลยที่เธอจะได้มาเที่ยวสถานที่สวย ๆ แบบนี้เพราะชีวิตเด็กกำพร้าทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาทำงานหาเงินเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเอง
ลิดาตัดสินใจเดินลงมาริมหาดเพื่อสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายของทะเลแทนการพักผ่อนอยู่ในห้อง เธอถอดรองเท้าแล้วเดินย่ำทรายด้วยเท้าเปล่า เดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจอากาศที่แสนจะร้อนในช่วงบ่ายของวัน ถึงแม้ว่าจะร้อนแต่ก็ร้อนไม่มากเพราะมีลมทะเลพัดผ่านให้คลายร้อนอยู่ตลอดเวลา
“อากาศสดชื่นดีจัง ทะเลก็สวยมาก”
ลิดาเดินตามหาดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคิดว่ามาไกลพอสมควรแล้วจึงเดินกลับไปยังโรงแรมที่พักเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปทานอาหารค่ำกับพายและบอส
ระหว่างที่ลิดาเดินเข้ามาภายในโรงแรมไม่ทันระวังเพราะมัวแต่มองการตกแต่งบริเวณนั้นจนเดินชนเข้ากับอีกคนอย่างแรงจนตัวเธอหงายหลังเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าที่พื้นถ้าไม่มีอ้อมแขนของอีกฝ่ายโอบกอดประคองเอาไว้
“ขอโทษค่ะ ขอโทษที่ไม่ระวัง ไม่ทราบว่าคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” พอยืนได้ลิดาก็รีบก้มหน้าก้มตาขอโทษขอโพยอีกฝ่ายเป็นการใหญ่ เธอผิดจริง ๆ นั่นแหละที่เดินไม่รู้จักระวังไม่ดูทางมัวแต่มองรอบ ๆ เพราะความงามของบรรยากาศแท้ ๆ เลยที่ดึงดูดสายตาเธอ
“ไม่เป็นไร”
ลิดาเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมา แต่พอเห็นหน้าก็ต้องตะลึงกับความหล่อของผู้ชายตรงหน้า ตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสันที่รับกับริมฝีปากบาง ใบหน้าหล่อใสกับผิวที่ขาวเนียนละเอียดไม่มีแม้แต่สิวหรือริ้วรอยบนใบหน้าให้เห็นสักนิด
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ลิดาได้สติ เธอรีบก้มหน้าลงขอโทษเขาอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”