ตอนที่12

3097 Words
คำแซวเอ่ยล้อพร้อมรอยยิ้มทะเล้นของคนเป็นพี่ กลับทำเอาน้องหน้าม้านใบหน้าขึ้นสีระเรื่อทันตา "บ้า เดทอะไรคะ แค่กินข้าวในห้องแพนทรี่เล็ก ๆ เอง พี่แนนก็เว่อร์" นริสนันท์หัวเราะขำ เธอก็แค่หยอกเล่นแล้วทำไมน้องถึงหน้าแดงแบบนี้ มีพิรุธนะพาย "ค่ะ แค่กินข้าวเนอะ ไม่มีอะไร แล้วที่ส่งข้อความบอกให้พี่เอาเครื่องปั่นมาจากบ้านด้วยนี่คืออะไรคะ" พิชญากรหัวเราะขึ้นมาบ้าง  "ก็คุณหมอสั่งวัตถุดิบผสมเครื่องดื่มมาซะเยอะเลย พายเลยจะเอามาทำให้พวกพี่ ๆ ดื่มกันค่ะ จะใช้เครื่องปั่นในห้องนั้นก็เกรงใจเจ้าของสถานที่ ก็เลยให้พี่แนนเอามาปั่นของเราเองดีกว่า" "อืม สวยแล้วยังใจดีมีน้ำใจอีกเน๊อะคุณหมอเนี่ย" พิชญากร กลับชี้นิ้วใส่ตัวเอง "ชมคนนี้ด้วยค่ะ เพราะคนจะปั่นเครื่องดื่มแจกทุกคนคือพาย" "โอ้ จ้า น้องสาวคนสวยคนใจดี ทำอะไรก็อร่อย ขอบคุณทุกเมนูที่จะได้อิ่มท้องกันถ้วนหน้าค่ะ" "น้ำแตงโมปั่น ด้วยนะคะน้องพาย" "น้ำแอปเปิ้ล ด้วยค่ะคุณน้องคนสวย" เสียงพี่ ๆ ทีมงานร้องสั่งเมนูเครื่องดื่มกับนางร้ายสาว หลายคนเคยได้กินมาแล้วทั้งนั้น บ่อยครั้งที่พิชญากรไปทำเมนูเครื่องดื่มที่กองถ่าย "ค่า พี่ ๆ ก็อย่าลืมเตรียมผลไม้ไว้ด้วยนะคะ ไว้พักเบรคพายจะมาปั่นให้ดื่มกันค่ะ" ความสนิทเหมือนพี่น้องในกองที่เคยร่วมงานกันมาจึงค่อนข้างสนุกสนานเฮฮาในการทำงานร่วมกัน J_Jetiya: คืนนี้จะไปค้างที่คอนโดด้วยนะพาย เดี๋ยวเราซื้อของสดเข้าไปไว้ทำอาหารทานกัน วันนี้เลิกกี่โมง ข้อความจากเพื่อนรักถูกส่งเข้ามาในเวลาพักเที่ยง Pie_Phitchaya: น่าจะเลิกกองประมาณทุ่มแหละ แต่เราคงถึงห้องช้านะ เจมากับพี่ปรางหรือเปล่า J_Jetiya: อืม เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนทั้งสัปดาห์เลย กลัวเพื่อนเหงา Pie_Phitchaya: แหม จะดีใจหรือเศร้าใจดี เมื่อเราสองสามคนต้องมาอยู่ด้วยกันเนี่ย  พิชญากรพิมพ์ไปก็ขำไป ก็แค่อยากแซวเพื่อนรัก J_Jetiya:ในฐานะเพื่อนรักให้นอนกอดได้ไม่เกินสี่ทุ่มค่ะ เพราะฉะนั้นรีบกลับก่อนที่เจจะหลับ Pie_Phitchaya: หลับหรือทำอะไรเอาดี ๆ ค่ะ J_Jetiya: พายน่ะทะลึ่งมากขึ้นทุกวันแล้วนะ ตกลงไม่กลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันใช่มั้ย พิชญากรอมยิ้มขำกับข้อความของเพื่อน เชื่อเถอะตอนนี้เจติยาก็คงอายเหมือนกัน  Pie_Phitchaya: เรากลับถึงประมาณสองทุ่มกว่าแหละ เลี่ยงรถติด เจทานกับพี่ปรางก่อนเลย อ้อ ฝากซื้อพวกขนมปังกับวัตถุดิบสำหรับทำแซนวิชให้ด้วยนะเจ J_Jetiya: ได้จ๊ะ ถ้างั้นก็ไว้คุยกันตอนเย็นนะ สติกเกอร์โอเคถูกส่งกลับไป ก่อนที่จะเปลี่ยนมากดดูกล่องข้อความของใครอีกคน ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมาทั้งนึกขำเมื่อกดดูก็มีรูปถ่ายร้านอาหารเต็มไปหมด นี่พี่หมอตั้งใจนำเสนอหรือแกล้งกันแน่ แม้แต่ร้านขายผลไม้พี่เขายังอุตส่าห์ส่งมาด้วย Pie_Phitchaya: มื้อเย็นพายขอสลัดผลไม้รวมก็พอนะพี่หมอ มื้อกลางวันทานข้าวเยอะแล้ว ขอบคุณค่ะ ส่งไปเพียงไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว Kanittha: ตอนนี้พักอยู่หรือเปล่าคะ พี่กำลังกลับเข้าไป ใกล้ถึงแล้ว Pie_Phitchaya: พักอยู่ค่ะ อยากชิมโกโก้ปั่นเหรอคะ Kanittha: อยากเห็นหน้าคุณละมังคะ กรี๊ดดด พี่หมอบ้า ๆ ที่สุดเลยมาพูดแบบนี้ได้ยังไง ใบหน้าสวยเห่อแดงขึ้นมาราวกับลูกเชอรี่ ริมฝีปากสีเรื่อก็เผลอกัดเม้มจนกลัวมันจะช้ำเอา หึ้ย พี่หมอน่ะพูดแบบนี้แล้วใครจะกล้าไปเจอเล่า  Kanittha: ว่าไงคะ พี่กำลังจะขึ้นไปแล้วนะ Pie_Phitchaya: เดี๋ยวไปทำให้ค่ะ ไม่อยากผิดคำพูดเดี๋ยวพี่หมอจะว่ารับปากแล้วไม่ทำ (สติกเกอร์ตัวการ์ตูนกอดอกเชิดหน้า) ฮึ่ย อายก็อาย พี่หมอน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้ "เดี๋ยวพายมานะคะพี่ ๆ" ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมส่งเสียงบอกกับพี่ ๆ ทีมงาน ผลั้วะ อ่ะ อ้าว! "ไปไหนคะ?" นริสนันท์เปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่น้องกำลังจะออกไป "ไปห้องแพนทรี่แป๊บนึงค่ะ" คำตอบที่ได้ยินทำให้คนเป็นพี่หลุดยิ้มเล็ก ๆ "เชิญค่ะ นั่นไงคุณหมอมาพอดี ไปทานข้าวที่ไหนมาคะคุณหมอ" กนิษฐายิ้มให้กับนางเอกสาวและรอยยิ้มก็ยังเผื่อไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วย "ร้านอาหารใกล้ ๆ แถวนี้แหละค่ะ แล้วนี่พากันทานกลางวันเสร็จแล้วเหรอคะ" "เรียบร้อยกันแล้วค่ะ พี่ทีมงานสั่งจากโรงอาหารมากับข้าวอร่อยดีนะคะ ไปสิพาย เดี๋ยวพี่หมอหมดเวลาพักนะ ตามสบายนะคะคุณหมอ" กนิษฐาพยักหน้ายิ้มให้ ก่อนจะมองคนน้องที่ไม่พูดไม่จาแต่เดินนำหน้าฉับ ๆไปแล้ว ใบหน้าสวยส่ายเล็ก ๆ ทั้งที่ยังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม พิชญากรหันกลับมามองคนที่เดินตามกันมา "วันนี้เอาแบบขมหรือกลมกล่อมคะ" "เอาสูตรเดียวกับแก้วของคุณเมื่อวานค่ะ" แม้จะแปลกใจ แต่ก็ยอมพยักหน้าหันไปหยิบเอาส่วนผสมที่จะทำโกโก้ปั่นให้คนพี่ที่นั่งเอามือเท้าคางมองเธออยู่ อย่ามายิ้มแบบนี้นะพี่หมอ ได้แต่คิดในใจนั่นแหละ "ทำงานเหนื่อยมั้ยคะ" พิชญากรหันมามองคนถามแว๊บนึงก่อนจะส่ายหน้า "วันนี้ของพายไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่พรุ่งนี้งานหนักมีแต่ซีนอารมณ์ล้วน ๆ" "ซีนอารมณ์ยังไงคะ ฉากเลิฟซีนน่ะเหรอ" "เลิฟซีนก็ต่างหากค่ะ ซีนอารมณ์หมายถึงบทที่ต้องเค้นอารมณ์ บีบน้ำตาอะไรแบบนี้ต่างหาก" "อ๋อ นึกว่าฉากเลิฟซีน  พี่เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้คุณต้องเล่นบทจูบกับคุณแนนด้วยเหรอคะ" พิชญากรหันมามองคนเป็นพี่อีกครั้ง แต่คราวนี้ใบหน้าคนถามกลับไม่มีรอยยิ้มให้เห็น นอกจากสีหน้าและแววตาจริงจังที่มองกัน "ค่ะ ตามบทน่ะ" "จูบจริง?" คราวนี้พิชญากรต้องหยุดหันมามองคนถามเต็มตัว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนพี่เขาซีเรียสจังเลย "ก็ ยังไม่รู้ค่ะ อาจจะใช้มุมกล้องหรือจูบจริงต้องคุยกับพี่หวานอีกที" "ก็แสดงว่าคุณหวานไม่ได้บังคับ" พิชญากรส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าพี่หมอจะถามย้ำบทนี้ทำไม เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องจูบกับคนที่นับถือเหมือนพี่สาวอย่างนริสนันท์จริง ๆ หรอก เมื่อพี่เขาเงียบไปเธอจึงหันมากดเครื่องปั่น รอจนมันได้ที่ก็จัดการเทใส่แก้วมาวางให้คุณหมอ "ขอบคุณค่ะ แล้วของคุณล่ะ" เมื่อเห็นว่ามีโกโก้ปั่นแค่แก้วเดียวก็สงสัย พิชญากรยิ้มให้ก่อนจะตอบ "พายแบ่งไปปั่นที่ห้องประชุมดื่มกับพวกพี่ ๆ ทีมงานแล้วค่ะ เมื่อเช้าให้พี่แนนเอาเครื่องปั่นมาจากบ้านด้วย เกรงใจถ้าจะมาใช้ที่นี่หมดเผื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นจะใช้" กนิษฐาฟังเหตุผลแล้วอดยิ้มไม่ได้กับความขี้เกรงใจคิดเล็กคิดน้อยของน้อง แต่ก็ถือเป็นนิสัยที่ดีนั่นแหละ "เป็นไงคะรสชาติ อย่าบอกว่าขมอีกนะพายเติมน้ำผึ้งช้อนครึ่งแล้ว" "อร่อยค่ะ" "ถ้าบอกไม่อร่อยก็จะเลิกทำให้กินแล้วละค่ะ" คราวนี้คุณหมอหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดและใบหน้าสวยที่สะบัดค้อนมาด้วย "ถ้าคุณไม่อยู่พี่ก็คิดถึงแย่เลยสิคะ แบบนี้ใครจะมาปั่นให้กิน" โอ้ย พี่หมอน่ะพูดแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่คิดว่าเธอจะอายจะเขินบ้างหรือไง กนิษฐากลั้นยิ้มมองใบหน้าสีชมพูระเรื่ออย่างพอใจ นี่น้องจะรู้ตัวมั้ยว่าโดนเธอจีบอยู่ "ถ้าชอบเดี๋ยวพายจดสูตรให้พี่หมอก็ปั่นทานเองสิคะ ง่าย ๆ" "แต่มันคงไม่อร่อยเท่าคุณทำหรอกค่ะ" "พี่หมอน่ะเว่อร์ ทำให้เหมือนที่พายทำมันก็อร่อยเองแหละ หัดทำไว้นะคะ วันดีคืนดีพายจะมาทานฝีมือพี่หมอบ้าง" "ถ้างั้นพี่จะเริ่มหัดตั้งแต่พรุ่งนี้เลยแล้วกันค่ะ หมดเวลาพักแล้ว ไว้เจอกันมื้อเย็นนะคะ" "ค่ะ" ความรู้สึกกรุ่น ๆ ในใจในเวลาเพียงไม่นานที่ได้พูดคุยใกล้ชิดกันมันคืออะไรกันนะ รู้สึกดี อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกัน       การทำงานช่วงบ่ายของแต่ละคนดำเนินไปจนมืดค่ำเช่นเมื่อวาน กองถ่ายทีมงานก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้านพักผ่อน พิชญากรเดินตามพี่ ๆ ออกมาก่อนที่จะโดนแซวล้อว่านัดดินเนอร์มื้อค่ำกับคุณหมออีกแล้ว เมื่อเธอแยกขอตัวไปอีกทาง ระหว่างทางเดินผ่านเจอคุณหมอเป็นชายสูงวัยกำลังจะกลับคุณหมอส่งยิ้มให้อย่างผู้ใหญ่ใจดี ไถ่ถามเธอเล็กน้อยก็แยกกันไป ก๊อกๆๆ "พี่หมอคะ" "เปิดเข้ามาเลยค่ะพี่ไม่ได้ล็อค" ประตูห้องทำงานจึงถูกเปิดเข้าไป พี่หมอยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ที่ดูแปลกตาไปบ้างก็ตอนนี้มีแว่นสายตากรอบบางสวมใส่ บนโต๊ะยังมีแฟ้มสีดำวางอยู่ด้วย "ยังทำงานอยู่เหรอคะ" กนิษฐาระบายยิ้มบางออกมาเมื่อน้องเดินเข้ามาใกล้ "อ่านข้อมูลคนไข้อยู่ค่ะ วันมะรืนพี่มีนัดผ่าตัดเคสน่ะ หิวหรือเปล่า พี่ฝากพี่กุลซื้ออาหารขึ้นมา พี่พยาบาลคนที่คุณเคยฝากแจกันดอกไม้มาให้พี่น่ะ" "อ๋อ พี่เขาทำงานชั้นนี้เหรอคะ" พอพี่เขาพูดเรื่องแจกันดอกไม้นั่นก็อดเขินไม่ได้  "ห้องพักอยู่ชั้นนี้ค่ะ ส่วนชั้นทำงานก็จะเวียนไปตามตารางเวรของแต่ละคนน่ะ เดี๋ยวพี่เขาก็ขึ้นมา มานั่งนี่ก่อนค่ะ" คนเป็นพี่ลุกออกจากโต๊ะเดินนำไปยังโซฟามุมห้อง "พี่หมอทำงานต่อก็ได้ค่ะ" "ไม่เป็นไรค่ะพี่แค่ตรวจเช็คประวัติของคนไข้แค่นั้น" "เขาป่วยเป็นอะไรคะ เอ่อ มันเป็นความลับหรือเปล่า" คุณหมออมยิ้ม ที่จริงมันก็เป็นความลับของคนไข้นั่นแหล่ะ "ความลับค่ะ เอาเป็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็เลยต้องผ่าตัด" พิชญากรพยักหน้าเข้าใจ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ถ้าเลือกได้ขออย่าได้เจ็บป่วยอะไรแบบนี้เลย "ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" "แค่รู้สึกไม่ดีค่ะ กลัว เวลาเห็นคนป่วยหนัก ๆ ที่ต้องมีสายมีท่ออะไรระโยงระยางเต็มไปหมด" คุณหมอยิ้มอ่อน "ทำไงได้ละคะ เกิดแก่เจ็บตายเราเลี่ยงไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือดูแลตัวเองให้ดี แต่นั่นก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่าร่างกายเราจะไม่เจ็บป่วยเลย อวัยวะในร่างกายมันก็เหมือนอะไหล่เครื่องจักรเมื่อใช้งานมันไปนาน ๆ มันย่อมสึกหรอเป็นธรรมดาค่ะ" คำอธิบายที่เป็นสัจธรรมของชีวิต แม้จะรู้ แต่ก็กลัวอยู่ดี ไม่ใช่กลัวความตายเพราะรู้ว่ายังไงทุกคนก็ต้องตาย แต่เธอกลัวความเจ็บปวดทรมานก่อนตายมากกว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายแบบไหนก็คงดีจะได้ทำใจ เฮ้อ แล้วเธอจะมาเครียดทำไมละเนี่ย "อ้าว ถอนหายใจใหญ่เลย" กนิษฐาอดเย้าไม่ได้ ดูหน้าตาน้องก็ยับยุ่งไปหมดแล้ว "ก็มันหดหู่นี่คะ พี่หมอคงจะชินแล้วใช่มั้ย" "ไม่ได้ชินหรอกค่ะ แต่เรียกว่าปลงได้มากขึ้นจะถูกกว่า" "เปลี่ยนเรื่องดีกว่าค่ะ  จริงสิ ตอนนี้พี่หมอน่ะดังแล้วนะคะ ในเพจละครมีแต่คนพูดถึงเยอะแยะเลย" "หืม แล้วพวกเขารู้จักพี่ได้ยังไงคะ ละครยังไม่ออกอากาศไม่ใช่เหรอ?" พิชญากรหัวเราะก่อนจะเอามือถือตัวเองมาเปิด แล้วเลื่อนไปหาต้นตอของรูป "นี่ค่ะ เมื่อวานพี่หวานโพสต์รูปนี้ลง" กนิษฐาหยิบไปดู รูปที่ว่าก็คือตอนที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้หันหน้ามาคุยกับนริสนันท์นั่นเอง สายตาคุณหมอกวาดลงอ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ที่มีคนพิมพ์ตอบโต้ทั้งถามตอบกันไปมาเยอะพอสมควร เรียวปากระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคืนมือถือให้เจ้าของ "ตกลงเป็นขวัญใจนักศึกษาแพทย์ใช่มั้ยคะ เห็นมีเข้ามากดไลค์กันตั้งหลายคน" คุณหมอยิ้มขำพลางส่ายหัว "น้อง ๆ เขาก็แซวกันไป เพราะพี่อาจจะอายุน้อยกว่าอาจารย์ท่านอื่นละมั้ง" ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขัดขึ้นมา กนิษฐาจึงลุกเดินไปเปิดดู ก็เป็นรุ่นพี่พยาบาลที่นำอาหารมาส่งนั่นเอง ประตูห้องที่เปิดกว้างทำให้มองเห็น ว่ามีสาวสวยอีกคนอยู่ในนั้นด้วย "สวัสดีค่ะพี่" พิชญากรลุกเดินยิ้มออกมาทักทายด้วยอย่างไม่ถือตัว "สวัสดีค่ะคุณพาย ตามสบายนะคะพี่ขอตัวไปทำงานก่อน" กุลนารีเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากอยู่เป็น กขค.หรอก เพราะเธอก็แอบเชียร์สองคนนี้อยู่เหมือนกัน "ขอบคุณนะพี่กุล" เมื่อกุลนารีแยกไปคุณหมอจึงหันมาชวนคนที่ยืนข้าง ๆ พร้อมทั้งโชว์อาหารมื้อเย็นแบบง่าย ๆ เพราะมันมีเพียงสลัดผลไม้รวมสองชุดและส้มเขียวหวานถุงใหญ่ นอกนั้นยังมีน้ำส้มคั้นอีกสองขวด "จะทานในนี้ก็ได้นะคะ" "จะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเหรอคะ" "ไม่หรอกอาหารไม่ได้มีกลิ่นเหม็นสักหน่อยค่ะ" กนิษฐาปิดประตูห้องแล้วกลับมานั่งลงที่โซฟา จัดการแกะกล่องสลัดให้น้องที่ตามมานั่งไม่ไกล "หูยทำไมมันเยอะจังพี่หมอ กินสองคนยังได้เลย จะกินหมดหรือเปล่าเนี่ย" กนิษฐาฟังแล้วอมยิ้ม ไม่เยอะได้ไงก็เธอสั่งพิเศษมา "ร้านอาหารในนี้เขาสมัครเข้ามาขายหรือมีคนไปแนะนำมาคะ" "ก็มีทั้งสมัครผ่านเข้ามากับเขาแนะนำกันมาค่ะ แต่ทุกร้านจะมีการประเมินจากคนที่ใช้บริการ ว่ามีปัญหาเรื่องความสะอาดหรือเปล่า เพราะที่นี่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ทานกันเป็นหลัก เกิดอาหารไม่ได้มาตรฐานกินแล้วท้องไส้มีปัญหาก็แย่ ไหนจะญาติคนไข้อีกก็เลยต้องมีการตรวจสอบความสะอาดกันอย่างเข้มงวดค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติถ้ามีคนเขียนให้คะแนนติดลบก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะถึงอยู่เขาก็ขายไม่ได้อยู่ดีในเมื่อของไม่อร่อยใครจะอยากทานว่ามั้ย" พิชญากรพยักหน้า มิน่าล่ะรสชาติถึงอร่อยหลายอย่างเลย "พี่หมอ ถามเรื่องส่วนตัวได้มั้ยคะ" จู่ ๆ คนเป็นน้องก็เอ่ยขึ้นมา กนิษฐาเผยยิ้มให้แล้วพยักหน้า "เรื่องไหนละคะ" ถ้าไม่ใช่เรื่องของคนไข้เธอก็ตอบคนตรงหน้าได้หมดนั่นแหละ  "เคยมีคนไข้จีบพี่หมอมั้ย แล้วก็ พี่หมอเคยจีบคนไข้หรือเปล่า" กนิษฐาถึงกับหลุดขำกับคำถาม "เอาคำถามแรกก่อนนะคะ ก็มีแบบพูดแซวบ้าง เพราะคนไข้กับหมอไม่ได้เจอกันนานหรอกค่ะ พอเขาหายดีออกจากโรงพยาบาลไปก็จบแค่นั้น ส่วนพี่ไม่เคยจีบคนไข้ค่ะ แต่คนที่พี่เคยคบเขาเป็นญาติคนไข้น่ะ" พิชญากรเงยหน้ามองก็เห็นพี่เขายังคงมีรอยยิ้มมุมปากอยู่ "แล้ว ทำไมถึง?" "ทำไมเลิกกันเหรอคะ" คนเป็นน้องพยักหน้า "ถ้าพี่หมอลำบากใจไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ พายแค่ถามเฉย ๆ" อดีตก็คืออดีตแต่ใจจริงเธอก็อยากรู้ขนาดคนที่โปรไฟล์ดีแบบพี่หมอ ก็ยังผิดหวังเรื่องความรักเลย "ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณอยากรู้พี่ก็เล่าได้จะว่าไปมันก็แปลกดีนะคะ ตอนที่เลิกกันใหม่ ๆ พี่ก็อาการแย่พอสมควร หมายถึงจิตใจนะ แต่พอเวลานานไปทำให้เรามองย้อนกลับไปดูถึงได้รู้ว่า สิ่งที่ใคร ๆพูดว่าเวลาเรารักหรือหลงใครสักคนเราก็มักจะเชื่อใจไว้ใจเขาชนิดปิดหูปิดตามองไม่เห็นสิ่งที่ผิด หรือรู้แต่ก็ยอมให้มันเป็นไปเพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์มีปัญหา เรียกว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวก็คงไม่ผิดกับคำนี้เท่าไหร" "ขนาดนั้นเลยเหรอคะ" กนิษฐาพยักหน้าพลางยิ้มก่อนจะพูดต่อ "พี่เจอเขาตอนที่เรียนแพทย์ปีหก ตอนนั้นก็ต้องเริ่มเข้าเวรกันแล้ว เขามาเฝ้าแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวานจนเกือบจะต้องตัดขาทิ้ง แต่หมอที่นี่เขาก็รักษาได้ด้วยการเอาเนื้อส่วนที่มีปัญหาออกและค่อยรักษามาเรื่อยก็อยู่โรงพยาบาลเกือบเดือนเหมือนกัน ตอนนั้นเขาเรียนมหาลัยปีสองแล้วเขาทำงานเป็นพริตตี้ด้วยมั้ง ก็พอจะมีรายได้บ้าง ส่วนฐานะทางบ้านเขาก็ทำมาหากินปกติไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ตรงนั้นพี่ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาหรอก คนเราถึงจะรวยจนขอแค่ขยันทำมาหากินในอาชีพสุจริตไม่เบียดเบียนใครมันก็โอเคแล้ว เรามีโอกาสได้คุยกันก็ตอนเขามานอนเฝ้าไข้แม่เขาทุกคืน พี่ก็ชื่นชมนะที่เขาเป็นคนขยันกลางวันไปเรียนพอเลิกเรียนมีงานเขาก็ไปรับงาน บางทีมาถึงโรงพยาบาลตีหนึ่งตีสอง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD