ณ สนามมวยขนาดใหญ่ภายในไร่ชัชวาล หรือที่ใครๆต่างเรียกกันติดปากว่า โรงมวย เป็นสวรรค์สำหรับนักพนันขันต่อทั้งคนงานและชาวบ้านทั้งใกล้ไกลที่ชอบชมและแสวงหาโชคลาภจากการแสดงแม่ไม้มวยไทย โรงมวยแห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยชัชชายยังบริหาร ตั้งอยู่บริเวณท้ายไร่ ถัดไปอีกหน่อยจะมีสนามแข่งม้าและสนามไก่ชน แม้ผู้คนภายนอกจะสามารถเข้ามาได้โดยประตูด้านหลัง แต่ก็ยังถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนเฉพาะโดยล้อมกำแพงสูงใหญ่เอาไว้ไม่ให้เข้าไปปะปนกันกับคนงานหรือเข้าไปยุ่มย่ามในส่วนของรีสอร์ท สนามกอล์ฟ ไร่กาแฟและองุ่นได้
“เฮ่!!!”
“เอ๊ยยย
“เอ้ออ”
“อื๊ยยย”
เสียงเชียร์มวยจากกองเชียร์หลายร้อยคนดังกระหึ่มกลบเสียงปี่เสียงกลองข้างสังเวียน กลิ่นเหล้า เหงื่อ บุหรี่ อบอวลคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ กับการออกท่าทางจัดเต็มขอกองเชียร์สีหน้าจริงจัง ทั้งยกศอก ยกเข่าจนเหงื่อไกลโชก ราวกับว่าตนกำลังแข่งขันเองเสียอย่างนั้น
เจ้าของไร่หนุ่มนั่งเท้าไขว่ห้างเงยหน้าขึ้นมองเด็กปั้นคนใหม่อย่างพอพึงใจ เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ยซึ่งนายโมก ลูกน้องคนสนิทยื่นออกมารับได้ทัน
“เด็กปั้นของเจ้านายเนี่ยไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆครับนาย ดูสิทำเอามุมแดงแชมป์เก่าหัวร้างค่างแตกเชียว”
“หึ กูซะอย่าง”
แม้จะเป็นเจ้าของไร่แต่ชัชวาลยังคงชื่นชอบการพนันขันต่อเช่นเดิม สมัยยังหนุ่มเขาหมดตัวไปกับการพนันมามากโข แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะเขาเป็นผู้คุมบังเ**ยนขึ้นแท่นบริหารรับช่วงต่อจากบิดา เม็ดเงินจากธุรกิจเหล่านี้ยังคงหลั่งไหลทำรายได้ให้ไม่ขาดสาย
“นายคร้าบบ ผมขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าได้มั้ยคร้าบบ” ลูกน้องผิวดำร่างล่ำสันนั่งลงข้างๆพร้อมเอื้อมมือไปบีบนวดเท้าให้เจ้านายอย่างอ้อนวอน นายโมกเป็นลูกสมุนชัชวาลมาตั้งแต่แรกรุ่นแล้ว จึงไม่แปลกนักหากเขาจะพาโมกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยกว่าดำรงผู้เป็นเลขาและควรจะติดสอยห้อยตามบ่อยกว่าที่ควรจะเป็น
ด้วยบุคลิกแสนสุขุมของดำรงนั้นต่างกันเกินจะให้ไปเป็นคนติดตามในความคิดของชัชวาล ด้วยวัยที่แตกต่างบวกกับความเป็นห่วงของสุขภาพนั่นแหละ แต่ชัชวาลเป็นเจ้านายประเภทปากหนักไม่ค่อยพูดดีกับดำรงนัก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ดำรงโกรธหรือเกลียดอะไร เพราะเขาทราบดีว่านายน้อยเป็นห่วง และนิสัยพ่อลูกคู่นี้ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่เลย
“ที่รีสอร์ทเกิดเรื่องครับนายน้อย” ดำรงโค้งศีรษะกระซิบลงข้างใบหูทำพาลให้คนฟังตกใจเล็กน้อย
“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่?...แล้วเกิดเรื่องอะไรล่ะ” เขาตะคอกเสียงดังแข่งกับเสียงโดยรอบ
“พนักงานในรีสอร์ททำผิดกฎครับ”
“อะไร พนักงานทำผิดกฎก็ประเมินกันเอาเองสิ จะไล่ออกหรือจะอะไรจำเป็นต้องให้ฉันไป? เห้อ ตัดสินใจเองไม่เป็นกันรึไง” เขาพึมพำอย่างหัวเสีย
“พนักงานชายฝ่ายตกแต่งสวนที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานใหม่ก่อเรื่องใหญ่ครับ ทั้งลวงพนักงานหญิงไปข่มขืนที่ห้องเก็บของและยังเอายาเสพติดมาขายให้คนงานอีกครับ ตอนนี้ถูกกักขังในโรงเก็บฟางรอให้นายน้อยตัดสินใจว่าจะเอาไปส่งตำรวจ หรือจะยังไงดีครับ”
“อืม ออกไปก่อน ผมจะตามไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ครับนายน้อย”
ร่างท้วมสวมสูทเดินฝ่าผู้คนออกไปรอเจ้านายอยู่ด้านนอก
“เกิดอะไรครับนาย” นายโมกยื่นหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ไอ้เขียวก่อเรื่องว่ะ”
“ไอ้เขียว..ออ ผมว่าแล้ว นายไม่น่าให้โอกาสคนอย่างมันเลย สันดานขี้คุกมันไม่มีวันเปลี่ยนหรอกค้าบ ..โอ๊ะ อย่าครับนาย”
โมกรีบยกฝ่ามือป้องเท้าชัชวาลเมื่อเผลอปากพล่อย
เปรี๊ยะ
“นี่แน่ะ ไอ้ปากหมา.. ผมจะไม่พูดอีกแล้วครับ” เขาลงทุนตบปากตัวเองก่อนจะโดนเจ้านายตบซึ่งอาจจะเจ็บกว่าหลายเท่า
ตั้งแต่ชัชวาลเข้ามาบริหารไร่แทนบิดา เขาเปลี่ยนกฏเกณฑ์การรับคนงานโดยการเปิดโอกาสพวกที่เคยมีคดีหรือเคยติดคุกนั้นเข้ามาอยู่ร่วมกันกับสังคมอย่างปกติ เขาไม่ใช่พ่อพระอะไรหรอก แต่เพราะนึกถึงกรวลัยต่างหากล่ะ
“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” เขาลุกพรวดออกไปโดยมีลูกน้องวิ่งตาม
“เดี๋ยวๆครับนาย นายยังไม่อนุมัติเรื่องเงินให้ผมเลย”
“ฝันไปเถอะ กูรู้ว่ามึงแอบลงฝ่ายแดงไว้เยอะเพราะไม่เชื่อเด็กปั้นกู”
“แฮ่... โธ่ นายก็ นะคร้าบ ผมไม่มีตังค์ซื้อกับข้าวเย็นให้ลูกเมีย”
“ช่างหัวมึง” เขาปฎิเสธเสียงแข็ง ทว่านายโมกนั้นรู้ดีว่าเจ้านายไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ผมจะรอนะคร้าบบ .... เห้อ หมดตูดเลยกู อิขวัญใจด่าเอากูหัวแตกแน่เลย”
เขาตะโกนไล่หลังพลางบ่นอุบอิบ
เจ้าของไร่หนุ่มยืนเท้าสะเอวมองชายวัยสามสิบเศษร่างกายซูบผอมมือทั้งสองถูกมัดไพร่ไปข้างหลังนั่งคุกเข่าตรงหน้า เขาและลูกน้องอีกห้าคนลากตัวนายเขียวออกมาลงทัณฑ์ในเขตไม้ทึบเพื่อลับตาผู้คน เขาเค้นจนเข้าใจทั้งหมด ว่ามันฉุดพนักงานต้อนรับไปข่มขืนมาสองรายแล้ว รายแรกกลัวอับอายจึงลาออกไปเงียบๆ หนำซ้ำยังบังอาจตั้งตัวเป็นเอเย่นใหญ่จำหน่ายยานรกมอมเมาคนงานด้วย
“ผมไม่ได้ค้านะครับคุณชัช ผมแค่เสพ แค่เสพจริงๆ อย่าทำอะไรผมเลย”
ปึง
“ห๊ะ!” นายเขียวอ้าปากค้างเมื่อลูกน้องชัชวาลทิ้งหลักฐานเป็นยาเสพติดพ่อถุงพลาสติกมัดใหญ่ออกมา
“กูว่ากูใจดีกับมึงแล้วนะ อุตส่าห์สงสารเห็นไม่มีงานทำตั้งแต่ออกจากเรือนจำมา ที่แท้ก็หัวหมอกะมาตีตลาดกับคนงานในไร่กูเหรอ ..เฮอะ”
“ผม ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับคุณชัช ปล่อยผมไปเถอะนะครับ สัญญาจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย”
“หมามันเคยกินขี้ก็คงกินเหมือนเดิมสินะ กูช่วย แต่ดันจะซวยเพราะมึง อืม บางทีคุกก็ดัดสันดานมึงไม่อยู่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ทว่ากำลังหยิบกระสุนใส่ปืนอย่างใจเย็น
“ผะๆ ผมขอร้องล่ะครับ ไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ”
ครืดดดด
“เห้อ..แม่ง!”
เจ้าของไร่หนุ่มสบถอย่างหัวเสียเมื่อดันมีสายเข้ามาขัดจังหวะ
“มีอะไร!”
แม่สาวใช้สะดุ้งเมื่อปลายสายตอบรับเสียงห้วนจัดแต่ต้องกลั้นใจเอ่ยถามเสียงใส
“คุณชัชจะมาหาจำปามั้ยคะ จำปารอนานแล้ว หรือว่างานยุ่งคะ ไม่เป็นไรค่ะไว้วันหลังก็ได้จำปานอนก่อนนะคะ”
“.......”
เธอรอฟังคำตอบตาละห้อยขณะเวลาบนเข็มนาฬิกากำลังบ่งบอกว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้วแต่ได้ยินเพียงเสียงหายใจฟึดฟัดซึ่งตอนนี้ชัชวาลย์กำลังบีบมือถือแน่น กัดฟันกรอดพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่เธอที่เล่นโทรมาไม่รู้เวลา
“อย่าโทรมาอีก อย่าบังอาจโทรมาอีกถ้าฉันอยากคุยจะโทรไปหาเอง จำไว้ น่ารำคาญ!!” เขาตะคอกเสียงดังลั่นและกดวางสายไป
“ฮึกๆ คนใจร้าย”
เธอร้องไห้คร่ำครวญความน้อยเนื้อต่ำใจที่อยู่ๆก็โดนเขาดุทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เขาเป็นคนนัด เธอแค่โทรถาม? เธอผิดอะไร
“ฮึก..”
....
“มึงโชคดี”
พลั่กก
“โอ๊ยยย”
ชัชวาลเก็บปืน เดินออกไปอย่างหงุดหงิด เขาตัดสินใจไว้ชีวิตนายเขียวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป ท่ามกลางความงุนงงของลูกน้องและตัวก่อเรื่องที่กำลังก้มหัวยกไหล่ขึ้นเช็ดมุมปากที่กำลังมีเลือดไหลจากการถูกฟาดด้วยกระบอกปืนเมื่อครู่
หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายจนกระทั่งหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของไร่กำลังงัดหน้าต่างเข้ามาลงทัณฑ์เธอให้สาสมกับที่เธอทำเขาหงุดหงิด
สปอย ... ตอนหน้า มีเ...ดุ นะคะ สายหื่นเตรียมเหรียญรอ ขอคนละหนึ่งเสียงเพื่อเป็นแรงใจให้กับทุ่งด้วยนะคะ
รักๆ
...ท้องฟ้าและทุ่งหญ้า