เหมือนสวรรค์โปรดให้นวลใยเข้ามาช่วยเธอได้ทัน จำปารีบก้มลงหยิบกางเกงขึ้นสวมพร้อมวิ่งพรวดออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” ชัชวาลเอ็ดนวลใยที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่
“ถ้านวลใยไม่มานังจำปาก็คงอ่อยคุณชัชไปถึงไหนต่อไหนแล้วน่ะสิคะ”
“เธอเป็นใครถึงได้บังอาจมาพูดแบบนี้กับฉัน ออกไป๊!”
เขาตวาดไล่หล่อนจนต้องวิ่งออกไปพลางปาดน้ำตาป้อยๆด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
"ฮึก.."
เธอยืนสะอื้นหน้าห้อง รีบก้มลงดึงปมผ้าถุงปรับความยาวลงตามเดิม อุตส่าห์พับขึ้นมาสั้นหวังอ่อยเขา ส่อแววว่ากำลังกลายเป็นหมาหัวเน่าเสียแล้ว แต่ก่อนเรียกใช้เธอตลอด ยิ่งช่วงแรกๆได้เธอใหม่ๆเธอพลีกายไม่ได้หยุดพักหายใจหายคอต้องบวมแล้วบวมอีก หลังๆมาเดือนละครั้งสองครั้ง พอตอนนี้มีนังจำปาเข้ามาไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะตกกระป๋องถึงขั้นไหน
“อีจำปา มึง”
หล่อนขบกรามแน่นเดินตามจำปาไปถึงห้องเก็บของจึงรีบล็อคห้องเอาไว้
แกร๊ก
“อ้าว พี่นวลใยทำไมต้องล็อค..
หล่อนไม่ปล่อยให้เธอได้เอ่ยถามจนจบประโยค แม่สาวใช้ร่างเพรียวรีบเดินมาจิกผมสาวใช้รุ่นน้องแล้วตบหน้าเธอฉาดใหญ่
เปรี๊ยะ
“โอ๊ยย”
เปรี๊ยะ
ร่างบางเซถลาล้มทับที่เสียบไม้กวาดจนพังครืน
โครมมม
“เฮอะ คนอย่างอีนวลใยมองคนไม่เคยผิด มึงนี่มันแรดไม่เบาเลยนะอีจำปา”
ปึงๆๆ
“อีนวลใย มึงล็อคห้องเก็บของทำไม รีบๆมาเสริฟมื้อเที่ยงช่วยกูเลยนะมึง”
“จ้าน้า ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ
...ฝากไว้ก่อนเถอะมึง กูจะเอามึงให้หนักกว่านี้อีก”
ก่อนเดินออกจากห้องยังไม่วายโดนขู่ทำร้าย หญิงสาวนั่งลูบแก้มสองข้างตนเองเพียงลำพังภายในห้องเก็บของ โชคดีที่น้าแจ่มมาเคาะประตูได้ทันท่วงทีไม่อย่างนั้นแล้วเธออาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้ เธอลูบผมมาปรกแก้มก่อนออกไปจากห้องสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกพลังใจให้ตัวเอง
“ฟู่วว สู้เข้าไว้นังจำปา”
เธอจะพยายามหลีกเลี่ยงนวลใยไม่เจอหน้าเลยยิ่งดี ส่วนเรื่องที่พักเธอจะลองไปขอคุณชมนาดดู เชื่อว่าท่านช่วยเธอได้อยู่แล้ว
“อ้าว นังจำปามาช่วยฉันเสริฟอาหารขึ้นโต๊ะเร็ว”
แต่แล้วเสียงเรียกของน้าแจ่มนั้นทำให้เธอยินนิ่ง หมดกัน ที่เธอคิดเอาไว้ว่าจะหลบหน้า จำปาหันไปยิ้มแห้งให้แล้วรับคำอย่างว่าง่าย
“ แฮ่ ..จ้าน้าแจ่ม”
“เดี๋ยวก่อน นี่เด็กใหม่ใช่มั้ย.. นังแจ่มรีบๆไปหาผ้าถุงเร็ว”
ก่อนจะไปช่วยยกอาหารขึ้นโต๊ะนั้น ป้านิดกักตัวเธอไว้พร้อมสั่งให้น้าแจ่มหาผ้าถุงให้เธอนุ่งพร้อมเข็มกลัดเงินคาดให้เรียบร้อย
ระหว่างนั่งบนโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งมีคุณชมนาดนั่งข้างๆ ชัชวาลช้อนสายตาขึ้นมองสาวใช้คนใหม่ที่เขาได้ล่วงเกินเมื่อสิบนาทีก่อน เธอเอาแต่ก้มหน้าแม้ยามเสิร์ฟอาหาร
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาใช้นิ้วสอดแทรกเข้าไปข้างใน จึงเกิดข้อกังขาขึ้นมาอีกครั้งพลางชำเลืองหางตาสังเกตมองกริยาท่าทางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าพลางขบคิดในใจ
....เด็กนี่ยังบริสุทธิ์..
และอาการของเขาอยู่ในสายตาของสาวใช้อีกคนตลอด มันยิ่งทำให้หล่อนเกลียดจำปาเข้าไส้
คุณชมนาดขยับแว่นสายตาเพ่งมองดูใบหน้าของจำปาอย่างจับผิด ยิ่งมองหล่อนยิ่งก้มหนักชักน่าสงสัย
“เป็นอะไรทำไมถึงได้ก้มหน้าก้มตาซะขนาดนั้นแม่จำปา”
เจ้าของไร่หนุ่มตักอาหารเข้าปากไม่สนอะไร ทว่าในใจรู้ดีว่าที่หล่อนเอาแต่ก้มหน้าคงเป็นเพราะเหตุการณ์ในห้องน้ำกระมัง
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร ไหนเงยหน้าขึ้นซิ”
เธอยอมเงยหน้าเสียโดยดี
“แล้วแก้มน่ะไปโดนอะไรมา ..รอยนิ้วมือนี่ ใครตบเธอจำปา!!”
ครานี้ เขาหันไปมองหล่อนเต็มตา คิ้วเข้มขมวดขึ้น ดวงตาคมกริบเหลือบมองนวลใย
“เอ่อ แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“อย่ามาโกหกชั้น!!”
เมื่อรู้ว่าไม่มีทางจะโกหกคุณชมนาดได้จึงชี้นิ้วไปทางนวลใย
“หา ไม่นะคะ นวลใยไม่ได้ทำ” คนถูกกล่าวหาปฏิเสธโดยไวแต่ต้องหุบปากให้ไวเมื่อชัชวาลย์ยกมือเชิงสัญญาณให้ทราบว่าควรเงียบ
“อย่าให้ได้ยินเรื่องทะเลาะวิวาทที่นี่เป็นครั้งที่สามนะนวลใย ไม่งั้น ฉันคงต้องทำตามกฎ”
“ค่ะ”
หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ รับคำสั่งเสียงเบา ครั้งแรกนั้น คู่กรณีหาใช่ใครที่ไหน เธอตบตีกับน้ำฟ้าที่เป็นนางบำเรอคุณชัชชายแต่ยังไม่วายอ่อยคุณชัชวาลจนเธอหึงออกนอกหน้าปะทะคารมกันไปมาจึงตบตีกันล้มลุกคลุกคลานตรงพื้นหญ้าสวนหย่อมหลังบ้าน จนชัชวาลย์ต้องลากสายยางฉีดน้ำแยกทั้งสองออกจากกันราวกับสุนัข
เพราะความเป็นห่วงคุณชมนาดจึงสั่งจำปาให้เก็บกระเป๋าย้ายไปนอนห้องสำหรับรับรองแขกที่ชั้นสองเพื่อแยกเธอออกห่างนวลใยจนกว่าห้องของเธอจะเสร็จเรียบร้อย แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้เธอปลอดภัยจากนวลใยได้ตลอดหรอก เพราะทุกครั้งที่เดินสวนผ่านเธอต้องโดนเหยียบเท้าและชนไหล่จนเซ ไหนจะวาจาเหน็บแนมตลอดเวลาอีก ส่วนเจ้าของบ้านก็ใช่ย่อย เธอต้องคอยหลบหน้าเขาตลอดสามวันจนไม่เป็นอันได้หายใจหายคอได้โล่งดังที่คุณชมนาดบอกเอาไว้ว่าที่นี่น่าอยู่กว่าเมืองกรุงมากมาย แต่สำหรับเธอ นอกจากอากาศดีแล้ว อย่างอื่นไม่ใช่.. เธอรอบคอบล็อคประตูทุกครั้งที่เข้าห้องเพื่อระวังทั้งนวลใย และเขา
แต่วันนี้ช่างโชคร้ายประเดิมห้องใหม่สีชมพูอ่อนนัก เธอเหนื่อยจากการปัดกวาดเช็ดถูเก็บเสื้อผ้าและของใช้ให้เข้าที่ตั้งแต่หัวค่ำล่วงเลยไปจนดึก ร่างบางนอนแผ่สามสลึงบนพื้นกระเบื้องสีอ่อนที่เพิ่งถูจนหอมอย่างอ่อนแรงจนลืมไปว่าตนเปิดประตูไว้อ้าซ่า
“เห้อ เหนื่อยชะมัด”
แอ๊ดดด
กรึ๊กก
“ห๊ะ?” จำปาผลุดลุกขึ้นมองดูสาวใช้รุ่นพี่เดินอาดๆเข้ามาในห้องในมือถือไม้กวาดแต่สายตานั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ว้า เสร็จแล้วเหรอ ว่าจะมาช่วยกวาดห้องให้น่ะ” นวลใยก้าวเท้าช้าๆจนจำปาถอยหลังชิดผนังอย่างน่าหวั่นกลัว
“ชะ ฉันกวาดเรียบร้อยแล้วจ้า ไม่ต้องมาช่วยก็ได้..โอ๊ยยย ปล่อยนะฉันเจ็บนะพี่”
เธอถูกกระชากผมอย่างแรง
“อีแรดเงียบ” เธอเอ่ยขณะออกแรงขยุ้มผมอีกเท่าตัว
“โอ๊ยย ปล่อยนะไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณท่าน”
“เฮอะ มึงเชิญไปฟ้องเลย ไหนล่ะหลักฐาน มึงจะเปิดหัวให้เค้าดูมั้ยล่ะ ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะลั่นก่อนปล่อยมือ
พลั่กก!!
นวลใยยกเท้าถีบเข้ากลางหลังเต็มเหยียดส่งผลให้จำปาล้มพาคะมำหัวไปโดนขอบโต๊ะจนเลือดไหล
“ว้ายย ดูสิพี่บอกแล้วว่าให้ระวังพื้นมันลื่น เห็นมะเจ็บตัวจนได้ พี่ช่วยกวาดห้องแล้วขอตัวกลับไปนอนก่อนนะจ๊ะจำปาจ๋า”
เธอพูดเองเออเองเดินออกจากห้องอย่างพอใจไม่ถึงนาทีต้องยิ้มค้างเมื่อมีร่างทะมึนยืนอยู่หน้าห้อง
“คะ คุณชัช ..อะ เอ่อ นวลใยมาช่วยน้องกวาดห้องค่ะไม่มีอะไรจริงๆนะคะนวลใยขอตัวก่อนนะคะ” เธออธิบายเสียงสั่นและรีบวิ่งหนี
ชัชวาลจึงปล่อยผ่านหล่อนไปก่อน เพราะตอนนี้ต้องรีบเข้าไปดูจำปา เขาสวมรองเท้าผ้าใบเกรอะฝุ่นจนพื้นห้องสีหวานเลอะเทอะเพราะเพิ่งกลับจากชมการแข่งขันชกมวยในไร่
เจ้าของห้องร่างเล็กวิ่งลนลานไปหยิบกระดาษทิชชู่ก่อนไปที่ส่องหน้ากระจก
“เลือด?”
“นี่เธอโดนตีจนหัวแตกเลยเหรอ”
“ห๊า คะคุณชัช” ตอนนี้เธอตกใจเขามากเสียกว่าเลือดบนหน้าผากอีก
“ไหนขอดูซิ” เขาตีสีหน้าเข้มจงใจให้เปลี่ยนเรื่อง
“...”
“มาเถอะน่า ฉันจะดูให้ถ้าแผลใหญ่กว่านี้จะได้พาไปโรงพยาบาลไง” รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นทันใดเมื่อหล่อนเดินมาหาอย่างว่าง่าย