ชญาวีร์ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความหนักอึ้งของอะไรบางอย่างที่กำลังกดทับร่างกายของตนเองอยู่จนทำให้เธอเริ่มที่จะหายใจไม่ออกในไม่ช้า ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้นเมื่อต้องตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าคมคายของใครบางคนที่กำลังซุกไซ้ซอกคอของหล่อนอย่างสนุกสนานราวกับมันคือของเล่นที่เขาแสนโปรดปรานไม่มีผิด
“คุณตื่นได้จังหวะพอดีเลยทูนหัว...น้องชายของผมเองก็เริ่มที่จะตื่นจากการหลับไหลแล้วเหมือนกัน”
คาร์ลที่กำลังเมาได้ที่เพราะหลบไปปาร์ตี้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านพ้นมาเมื่อไม่นานเอ่ยขึ้นเสียงหวานทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงซังอยู่กับซอกคอเล็กไม่ยอมปล่อย เธอคือแม่มดร้ายที่เพียงได้ลิ้มลองสักครั้งมันก็ทำให้เขาติดใจจนยากที่จะถอนตัวได้ทัน...
“คะ..คุณ!! อื้อ!! อย่านะค่ะ!!!”
“อย่าอะไรเล่า! ทำตัวให้สมหน้าที่หน่อยสิ คุณมันก็แค่อีตัวที่ผมเช่ามา ไม่จำเป็นเลยสักนิดที่ผมต้องใส่ใจอะไรให้มากความ เอาล่ะสาวน้อยได้เวลารับแขกแล้ว...ร้องครางออกมา แล้วผมจะพาคุณไปสวรรค์ด้วยกัน!!!”
ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาหรือความหงุดหงิดที่หล่อนสร้างขึ้นมันเลยทำให้คาร์ลสลัดคราบพ่อเทพบุตรแสนดีไปจนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงซาตานร้ายที่พร้อมจะกระโจนเข้าหาลูกกวางน้อยตรงหน้านี้ทุกเมื่อ
ชญาวีร์ไม่แม้แต่จะกล้าขยับหนีหลังจากสิ้นเสียงตวาดที่เป็นจริงทุกคำของเขา เธอมาที่นี่เพราะอะไร ตัวของเธอเองเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจที่สุด จะมาเสียใจและขัดขืนมันก็ไม่ช่วยเรียกคืนสิ่งที่เสียไปให้ย้อนกลับคืนมาได้อีกแล้ว
สุดท้าย...สิ่งที่หญิงสาวทำได้ในตอนนี้ก็แค่ยอมปล่อยให้ซาตานร้ายดักตวงความสนุกไปกับร่างกายของตนเองหลายต่อหลายครั้งอย่างไร้ซึ่งการขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นมา
หยดน้ำตาใสไหลอาบแก้มเนียนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะค่อยๆ หลับลงไปพร้อมๆ กับพายุที่สงบลงในที่สุด
คาร์ลรู้สึกตัวช้าๆ ในสายของอีกวัน ความรู้สึกมึนงงและสับสนเข้าจู่โจมอย่างช้าๆ ก่อนมือหนาจะทำหน้าที่คลำหาร่างบางที่น่าจะนอนอยู่ข้างกายหวังเพียงจะคว้าเธอมากอดแก้อาการหนาวเหน็บของสายลมทะเลยามสายเท่านั้น
ไม่มี...ไปไหน!!
คำตอบของคำถามที่ดังขึ้นแต่เพียงภายในใจได้รับคำตอบทันที่ดวงตาแข็งกร้าวค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะปรากฏภาพของหญิงสาวในชุดเดรสสีส้มอ่อนๆ ที่กำลังยืนรับลมทะเลตรงหน้าต่างห้อง แม้ว่าสีหน้าของเจ้าหล่อนนั้นจะเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ความสวยงามชวนมองยังคงอยู่ไม่หายไปไหน
คาร์ลเฝ้ามองภาพนั้นราวกับต้องมนต์สะกด ราวเมื่อใบหน้ารูปไข่ที่ตัดรับเข้ากับอวัยวะส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากเรียวเล็กสีแดงอ่อน จมูกที่แสนพยศเชิดรั้น ดวงตากลมโตที่มีแพรขนตางอลยาวสวย ทั้งหมดที่หล่อหลวมเป็นเธอมันช่างเหมาะเจาะและลงตัวไม่ต่างจากภาพวากน้ำมันชั้นเยี่ยมเลยสักนิด
มันคงจะนานเกินไปที่ชญาวีร์จะเริ่มรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังจับจ้องมองอยู่ ไม่มีแม้แต่คำพูดใดๆ ที่หล่อนจะเสกสรรมาทักทายทันทีที่หันมาเห็นว่าชายหนุ่มที่ก่อนเคยหลับสบายอยู่บนเตียงบัดนี้ได้ตื่นขึ้นมาและกำลังจ้องตรงมาที่เธออย่างไม่ยอมละสายตาไปไหนอีกด้วย
“คุณตื่นนานแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วทำไมไม่ปลุกผม เราควรจะได้ตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกัน”
คาร์ลไม่พูดเปล่าเมื่อร่างกำยาลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาร่างบางตรงหน้าด้วยท่าทีเป็นมิตร ต่างจากหล่อนที่ถอยร่นหนีทำราวกับเขาคือเชื้อโรคชนิดร้ายแรงที่ไม่น่าเข้าใกล้ก็ไม่ปาน
“คะ...คุณจะทำอะไรคะ!!”
“แค่กอดเท่านั้น...หรือคุณอยากจะให้ผมทำอย่างอื่นแทน”
“อย่านะคะ!!”
“งั้นก็มาให้กอดเสียดีดี”
ชญาวีร์ไม่กล้าขยับหนีอีกครั้งเพราะกลัวว่าเขาจะทำตามที่พูดและเธอก็ยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับบทสวาทของเขาด้วยในเวลาเช่นนี้ ความปวดร้าวเมื่อคืนยังคงอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะเลือนหายไปอย่างง่ายๆ
“ยามที่คุณไม่พยศดื้อรั้นนี่ก็น่ารักไปอีกแบบนะ ผมชักจะติดใจซะแล้วสิ”
คาร์ลร้องบอกก่อนจะฝังจมูกโด่งสันของตัวเองลงบนแก้มใสหลายต่อครั้งต่อ เมื่อเป็นที่พอใจแล้วเขาจึงฉุดเอาร่างเล็กออกมาจากห้องก่อนจะมุ่งตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือที่ตอนนี้มีร่างของคนสองคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ตื่นสายนะแก...เมื่อคืนก็เมาเละจนแทบจะกลับห้องไม่ถูก มันคงไม่กวนจนคุณไม่ได้นอนทั้งคืนใช่ไหมครับคุณ...เฮ้!! หล่อนหน้าคุ้นๆ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าครับ” มาคัสที่ร้องทักจำต้องเปลี่ยนคำถามเมื่อจู่ๆ เจ้าของใบหวานที่เดินควงมากับเพื่อนรักของเขาหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้ เธอช่างหน้าคุ้นจนเขาต้องรีบนึกในทันทีว่าเคยพบเจอหล่อนที่ไหนมาก่อนรึเปล่า..
“เงียบเถอะแก!! แล้วนี่อีกไกลไหมกว่าเราจะถึงเกาะ” คาร์ลจำต้องรีบพาเพื่อนรักเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่ามันจะจำหล่อนได้และเผลอพูดถึงเรื่องที่เขาลืมเอากระเป๋าลงจากรถนั่นออกมา
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเสียหน้ากับเธอในตอนนี้หรือตอนไหนก็ตามที!!
“กัปตันบอกว่าอีกไม่ไกลแล้ว แกควรจะพาแม่สาวหน้าหวานของแกไปกินอาหารเช้าเสีย ก่อนที่เราจะลงไปดำน้ำกัน”คาร์ลพยักหน้าให้กับเพื่อนรักก่อนจะลากหญิงสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งเงียบออกมาอีกด้านที่มีอาหารเช้าสุดหรูรอพวกเขาอยู่นานแล้ว
“คุณอยากทานอะไรก็ตามสบายเลย อีกประเดี๋ยวเราจะลงไปดำน้ำกัน” เสียงเข้มเอ่ยบอกก่อนจะจัดการตักอาหารให้ร่างเล็กที่เอาแต่นิ่งเงียบ และหากเขาไม่ตักให้เธอคงจะไม่ยอมกระดิกตัวมาตักตามคำบอกแน่ๆ ท่าทางผยองเสียขนาดนั้นของหล่อนเป็นเครื่องย้ำเตือนได้อย่างชัดเจนที่สุด
“ดำน้ำหรือค่ะ...แต่ว่าฉันไม่ไปได้ไหม”
“ทำไม! ไหนลองบอกเหตุผลดีดีมาให้ผมสักข้อสิ”
“ฉันว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ” เมื่อไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องโกหก ชญาวีร์จึงตำต้องสารภาพบอกความจริงกับเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจับผิดจนเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้หลบสายตาตามที่หวังเสียงเข้มๆ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง...
“มีผมอยู่ด้วยจะต้องกลัวอะไรอีก ผมจะดูแลคุณเอง”
ถึงแม้ว่าเขาจะบอกออกมาเช่นนั้น แต่ลึกๆ ในใจของหญิงสาวก็หวาดกลัวทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้จับใจเพราะเขาไม่ได้เพียงแต่พรากความสาวไปจากเธอ แต่เขายังป่าเถื่อน โหดร้าย และดูถูกเหยียดย้ำสารพัด
แค่เพียงประโยควาบหวานไม่กี่คำมันคงไม่สามารถลบสิ่งเหล่านั้นให้หายออกไปจากใจหล่อนได้ง่ายๆ
แม้จะพยายามขอร้องและปฏิเสธเสียงแข็งเท่าไหร่ แต่คาร์ลก็ดึงดันที่จะลากหญิงสาวให้ลงไปดำน้ำดูปาการังกับเขาจนได้ หลังจากเรือจอดสนิทตรงจุดที่นักท่องเที่ยวมากมายมักจะลงไปดำน้ำกันคนทั้งสี่ก็เริ่มจัดแจงอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมโดยที่ชญาวีร์มีคาร์ลช่วยจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างให้เธออย่างแน่นหนา
“ไปกันเถอะ!!”
“แต่ว่าฉัน...”
“จับมือผมไว้แล้วไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
สิ้นเสียงที่ดังก้องคาร์ลก็ค่อยๆ กระโดดลงไปในน้ำก่อนจะตั้งท่ารอรับหญิงสาวที่มีท่าทีหวาดกลัวอยู่เต็มดวงตาคู่สวยแม้ว่ารอบกายจะมีเสื้อชูชีพสวมทับเอาไว้อีกทีแล้วก็ตาม ชญาวีร์ค่อยๆ ก้าวลงจากเรืออย่างช้าๆ เมื่อเห็นว่าทุกๆ คนกำลังรอเธออยู่แค่คนเดียว แม้ว่าความกลัวจะมีมากมายล้นอก แต่ความเกรงใจที่ไม่อยากจะให้ความกลัวของเธอเองทำคนอื่นๆ ต้องพลอยหมดสนุกไปด้วยกลับมีมากกว่า
“ดีมาก...ค่อยๆ ลงมานะผมรอรับอยู่”
“โอ้วว นี่ตาฉันคงไม่ได้ฝาดไป แกดูเอาใจหล่อนมากจนผิดนิสัยไปรึเปล่าวะคาร์ล” มาคัสที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่นานอดไม่ได้ที่จะตะโกนร้องแซวขึ้น เพราะท่าทีของเพื่อนสนิทนั้นดูจะห่วงใยคู่ขาของตนเองมากเกินกว่าเหตุ
“คนนี้พิเศษกว่าทุกคนว่ะ เธอทำให้ฉันใจเต้นรัวไปเสียทุกครั้งที่สัมผัส”
“ไอ้เสือเพื่อนยาก...ฉันว่าแกกำลังมีความรักวะ” มาคัสสวนขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่าเพื่อนรักอย่างล้อเลียน
“แกประส่าทไปแล้วรึไง! ก็แค่หลงชั่วครั้งชัวคราวเท่านั้น พรุ่งนี้ฉันก็ลืมเธอแล้ว”
“ให้มันจริงดั่งปากแกว่า อย่าลืมนะว่าเด็กนั่นเป็นเพียงแค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว แกคงไม่คิดจะฉุดดึงโสเภนีมาทำเมียหรอกจริงไหมวะ“
ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับไป คาร์ลเงียบนิ่งอยู่นานก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปรับหญิงสาวที่กำลังคลืบคลานลงจากเรืออย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะค่อยๆ คว้าร่างของหล่อนเอาไว้เมื่อหล่อนทิ้งตัวลงมาในน้ำได้สำเร็จ
ชญาวีร์แทบจะกระโดดโอบรัดคอคนตรงหน้าเพราะความกลัวสุดขีดกับเรื่องราวในสมัยเด็กที่หล่อนตกลงไปในสระบัวจนเกือบจะจนน้ำตายโชคดีที่ชาวบ้านแถวๆ นั้นช่วยเอาไว้ได้ทันการ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเธอก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดก้าวขาลงไปในน้ำที่เต็มไปด้วยอันตรายอีกเลยจนถึงตอนนี้..
“คุณสั่นไปทั่วตัวเลยน้ำหวาน กลัวมากเลยหรือ”
“นะ...นิดหน่อยค่ะ”
แม้จะตอบไปเช่นนั้น แต่คาร์ลก็พอจะดูออกว่าหล่อนไม่ใช่แค่กลัวนิดหน่อยเท่านั้น แต่กำลังกลัวสุดเลยต่างหาก เพราะหากไม่ได้อยู่ในน้ำเช่นนี้หล่อนคงไม่กล้าที่จะกระโดดรัดเขาแบบนี้แน่
“ถ้านิดหน่อยงั้นผมปล่อยนะ”
คาร์ลที่นึกสนุกพูดขึ้นก่อนจะทำทีท่าว่าจะแกะมือเรียวสวยให้ออกไปจากรอบคอตนเองทันทีที่พูดจบ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นชญาวีร์กลับยิ่งเพิ่มแรงโอบรัดมากขึ้นไปอีกด้วยความกลัวว่าเขาจะทำตามที่ลั่นวาจาออกมาจริงๆ ใบหน้าหวานที่อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อมทำให้คาร์ลนึกอยากจะกระชากใบหน้าของหล่อนมาจูบเสียให้เข็ดแต่เมื่อมีสิ่งที่น่าทำมากกว่าเขาจึงทำท่าจะปล่อยเธออีกครั้งและก็เป็นไปตามคาดเมื่อมือเรียวเล็กโอบกอดรอบคอเขาแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว ริมฝีปากบางสวยค่อยๆ กระชิบบอกช้าๆ
“อย่าปล่อยฉันนะค่ะ!!”