“จะให้ลงได้ยัง” ฉันถามกลับไป
“ขอไลน์ไว้หน่อย” เขาส่งสมาร์ตโฟนเครื่องหรูมาตรงหน้าฉัน
ฉันก็ได้แต่มองหน้าเขานิ่ง ๆ ไม่ได้รับมา
“ไว้ทักหาตอนเลิกเรียน เผื่อพี่ไปช้านิดหน่อย” เขาพูดขึ้นมา คงดูจากสีหน้าของฉันออกอะแหละ ว่าฉันกำลังต้องการคำอธิบายของการขอไลน์ในครั้งนี้
“ยุ่งจริง ๆ”
ฉันรับมาแล้วกดแอดไลน์ตัวเองไว้ ก็ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาทักมานอกเหนือจากการมารับมาส่ง ฉันก็แค่ไม่คุย ไม่ตอบ ก็ได้มั้ง
เขาปลดล็อกให้ฉันได้ลงจากรถไป ก็เหมือนเมื่อเช้าคือไม่ขอบคุณ ฉันไม่ได้ขอนี่นา
ฉันเดินมาที่บ้านคราวนี้ก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นรถพี่โบ๊ทจอดอยู่ในโรงรถทางด้านข้างของตัวบ้าน
“พี่โบ๊ท...” ฉันเดินเข้าไปด้านใน เจอพี่ชายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้
เขาปรายตามองฉันแล้วสนใจทีวีเหมือนเดิม ก็บอกแล้ว ว่าเราสองคนเหมือนไม่ใช่พี่น้องกัน
เหมือนคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น
“พี่มานานหรือยัง” แต่ก็เอาวะ ลองชวนคุยต่ออีกสักหน่อย
“นาน” ยังดีที่พี่โบ๊ทยังตอบ
“แล้วกินอะไรหรือยัง”
“ยัง” เขาตอบกลับแล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันหน้ามาหาฉันแล้วพูดต่อ “ป้าไม่สบาย ขึ้นไปดูด้วย”
“ห๊ะ ป้าไม่สบายเหรอ”
พี่โบ๊ทไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินผ่านหน้าฉันออกไป ไม่ได้สนใจว่าฉันจะตกใจหรืออะไรอย่างไร
“พี่...” อยากจะเรียกคุยต่ออีก แต่ก็ไม่ทัน เขาเดินออกไปที่รถแล้ว
จะให้ตะโกนเรียกรั้งเขาไว้ก็คงไม่เป็นผล เขาไม่ได้สนใจฉัน...
“มีอะไรเหรอ” ฉันกำลังจะก้าวขาขึ้นไปด้านบนเพื่อที่จะไปดูป้า แต่ดันหันไปเห็นว่าพี่โบ๊ทเดินกลับเข้ามา
“กินไร”
“หมายถึง?” ฉันถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ
“จะกินอะไร”
“ไม่เข้าใจ” อยู่ดี ๆ มาถามว่าจะกินอะไร มันน่าแปลกมากนะ
“อันนี้กวน?” เขาเกาหว่างคิ้ว ดูท่าทางและน้ำเสียงเหมือนจะหงุดหงิดแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าฉันพูดไม่รู้เรื่องแล้วเขาหงุดหงิดหรอกนะ... แค่เห็นหน้าฉันเขาก็หงุดหงิดแล้วต่างหาก
“ก็ไม่เข้าใจ พี่โบ๊ทถามใคร และถามทำไม”
“อยู่กันสองคนให้ถามใครวะ” เขากลอกตาไปมา เหมือนจะระอาฉันเต็มทน แต่ครั้งนี้ผิดไปจากทุกครั้ง เพราะเขาพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ แล้วถามกลับมาดี ๆ
“เธอจะกินอะไร ฉันจะออกไปซื้อข้าว ป้าไม่สบายแบบนี้คงไม่มีแรงทำ”
“อ๋อ พี่โบ๊ทไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวเบสท์ทำเอง”
“เธอไม่เหนื่อย?”
ฝนจะตกหนัก พายุจะเข้าหรือเปล่านะ คำถามที่สื่อถึงความเป็นห่วง หลุดออกมาจากปากของพี่โบ๊ทได้เนี่ย
“ก็... เหนื่อย แต่ทำได้” ฉันตอบกลับไปตามตรง เขาพยักหน้ารับแบบส่ง ๆ แล้วหมุนตัวหันหลังให้ฉัน ทำท่าจะเดินออกไป
“พี่จะไปไหนอะ พี่ไม่กินข้าวที่นี่ก่อนเหรอ” ฉันเรียกเขาเอาไว้
ซึ่งก็น่าแปลกอีกครั้งคือเขาหยุดเดิน ถ้าเป็นปกติเขาไม่สนใจเสียงฉันแบบนี้หรอก
“กินได้?”
“กินได้สิ ทำไมจะกินไม่ได้”
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ แล้วเดินขึ้นชั้นสองข้างบ้าน
ฉันหายเข้าครัว เพื่อที่จะทำข้าวต้มร้อน ๆ ให้ป้ากิน ส่วนกับข้าวของฉันและพี่ชาย ก็เป็นเมนูง่าย ๆ อย่างผัดคะน้าหมูกรอบ และไข่เจียว ดีที่ป้าบัวมีหมูกรอบเหลืออยู่ ไม่ต้องทอดใหม่
ฉันนำข้าวต้มและน้ำดื่มใส่ถาด ถือเดินขึ้นไปหาป้าที่ห้อง
“เข้าบ้านมาแบบนี้ทำไมไม่ถอดรองเท้า เดี๋ยวน้องก็ต้องถูอีก”
“ก็โบ๊ทขี้เกียจก้มถอดนี่ป้า”
เสียงดุและเสียงอ้อนดังออกมาจากห้องของป้า ฉันยิ้มร่าที่ได้ยินเสียงอ้อนของพี่ชาย เพราะโดยปกติเขาก็มีแต่เสียงเข้ม ๆ แทบไม่ได้ยินเสียงอ้อนเลย
“ข้าวต้มมาแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปวางถาดลงที่โต๊ะข้างเตียง
พี่โบ๊ทก็ช่วยพยุงให้ป้าลุกขึ้นนั่งกินได้ถนัด เราสองคนพี่น้องรอจนป้าอิ่มแล้วถึงได้ลงไปกินข้าวกัน
“ป้าบัวเป็นความดันเหรอ” พี่โบ๊ทเอ่ยถามขึ้นมา คงเห็นจากยาที่ป้ากินเข้าไป
“ใช่ค่ะ นี่คงร้อนมากแล้วความดันขึ้น” ฉันตอบกลับแล้วตักไข่เจียวใส่ในจานของพี่โบ๊ท
“ตักเองได้”
ก็รู้แหละว่าตักเองได้ และไม่ต้องการให้ฉันตักให้ แต่ฉันก็อยากทำให้เขาอยู่ดี ก็เลยตักหมูกรอบใส่จานเขาไปอีก
“เบสท์!”
เสียงเริ่มเข้มซะแล้วสิ ฉันคงต้องหยุดท้าทายเขาแล้วล่ะ ไว้ค่อยเอาใจเขาใหม่ในวันหลัง
“พรุ่งนี้ไม่ต้องเปิดร้าน ให้ป้าพักไปก่อน” เขาบอกก่อนที่จะกลับออกไป
“ค่ะ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมาไหมคะ”
“...” เขาเงียบและมองหน้าฉันนิ่ง ๆ
“ไม่มาก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เบสท์แค่ถามเฉย ๆ”
“อือ เดี๋ยวมา เดี๋ยวซื้อกับข้าวเข้ามาเอง เธอไม่ต้องทำ”
“แต่เบสท์ทำได้นะคะ ไม่เหนื่อยเลย”
“ฉันไม่ได้กลัวเธอเหนื่อย” เขาตอบกลับพร้อมทั้งเปิดประตูรถ แล้วหันมามองหน้าฉันก่อนจะพูดต่อ “ไม่อร่อย”
อ้าว... นี่คือไม่ได้เป็นห่วงฉัน? แต่เป็นเพราะฉันทำไม่อร่อยสินะ
แต่จะเป็นไปได้ไงว่าไม่อร่อย ฉันเห็นเขากินเกลี้ยง ไม่เหลือเลยสักนิด จานนี่แทบไม่ต้องล้างเลยด้วยซ้ำ
จะเถียง จะค้าน จะแย้งอะไร ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาขับรถออกไปในทันที
ฉันเดินกลับขึ้นมาที่ชั้นสอง ไปนั่งคุยกับป้าอีกสักพักหนึ่งค่อยกลับเข้าห้องตัวเอง...