เฮียมีสิทธิ์อะไร…?

1368 Words
“ทำบ้าอะไรวะ!” ฉันตะโกนใส่หน้าคนที่ช่วยฉันไว้อย่างเหลืออด ก็ตรงนี้มีแค่ฉัน พี่พีท และเฮียสิงค์ คนที่ดึงฉันออกเมื่อกี้จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่เฮียสิงค์ เพราะเขาดึงฉันออกไป ฉันถึงเสียการทรงตัว ถ้าฉันล้มฟัดฟาดพื้นขึ้นมาจะทำไง “อยากให้มันกอด?” แม้น้ำเสียงจะคงเดิม แต่ฉันรู้สึกว่าแววตาของเฮียสิงค์ดูน่ากลัวขึ้น ฉันถอยหลังไปจนชนพี่พีทที่ยืนนิ่ง เขาเป็นงานมาก รีบกอดฉันไว้ราวกับจะปกป้อง “อย่าเข้ามานะ” “เหอะ! ฮ่าๆ เพิ่งจะบอกรักฉันได้เพียงไม่กี่วัน วันนี้กลับมากอดคนอื่นได้อย่างหน้าไม่อาย สำหรับผู้หญิงอย่างมี่ คำว่ารักที่พูดออกมา มันดูไม่จริงจังเลยว่ะ” เฮียสิงค์สบทและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะพูดประโยคพวกนั้นออกมาทำร้ายจิตใจของฉันอีก ฉันอาจจะทำแบบนั้นจนดูหน้าไม่อาย แต่คำว่ารักที่พูดไป ฉันจริงจังนะ จริงจังมาก แต่ก็ยังถูกเขาปฏิเสธ เขาลืมความจริงข้อนี้ไปหรือไง ถึงกล้ามาต่อว่าฉันแบบนี้ “มี่จะกอดใครมันก็เรื่องของมี่ เฮียมีสิทธิ์อะไรมาด่า เฮียไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวมี่เลยสักนิด ต่อให้วันนี้มี่ไปนอนเอากับใคร เฮียก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรใส่มี่ทั้งนั้น” พูดจบฉันก็ลากแขนพี่พีทเดินออกมา อย่างไม่สนใจว่าพี่ชายจะยังอยู่ในร้าน ฉันลากพี่พีทลงมาถึงชั้นล่าง จบงานของเขาแล้ว ฉันต้องส่งเขากลับตอนนี้ “ค่าจ้างมี่โอนให้เฮียกายไปแล้วนะคะ แต่ถ้ามันมีปัญหา พี่พีทติดต่อมาได้ตลอด มี่ติดตามไอจีพี่อยู่ เดี๋ยวมี่ดีเอ็มทิ้งช่องทางติดต่อไว้” ฉันพูดกับพี่พีทที่ดูไม่ค่อยมีสติ เขาเอาแต่เงียบจนฉันกลัว ไม่ใช่กลัวเขานะ ฉันกลัวพวกเฮียตามมา ไม่รู้ว่าเฮียสิงค์จะเอาคำพูดเมื่อกี้ของฉันไปบอกพวกเฮียไมค์หรือเปล่า ฉันกลัวพวกเขาจะมาขัดขวางคำโกหกของฉัน “ที่ ที่พูดเมื่อกี้ พี่โอเคนะ” พี่พีทพูดกระตุกกระตัก ฉันเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน มองใบหน้าพี่พีทด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนที่เขาจะรีบลนลานทำท่าเหมือนไม่อยากให้ฉันเข้าใจผิด “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น คือตอนแรกพี่ไม่สนใจเรา เพราะไอ้กายมันย้ำหนักย้ำหนาว่าห้ามจีบ แต่พอเจอมี่จริงๆแล้ว เอ่อ คือเมื่อกี้ มี่ทำพี่ใจเต้น” ฉันผ่อนลมหายใจออกไปเบาๆ เขาเองก็คงจะเพิ่งรู้สึกตัวแหละมั้ง ดูท่าทางตกใจไม่น้อยไปกว่าฉันเลย จะคิดซะว่าเมื่อกี้ เขาไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน “ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษที่มี่ต้องปฏิเสธ กลับบ้านดีๆนะคะ” ฉันโบกมือลา เดินออกมาหน้าร้านเพื่อหารถกลับบ้าน คงต้องรีบกลับไปพับเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง พูดใส่เฮียสิงค์ไปซะขนาดนั้น คงอยู่ที่บ้านต่อไปได้อยู่หรอก ต้องรีบหนีหน้าเขาไปให้ไกล ที่ไหนก็ได้สักที่หนึ่ง เพราะหน้าร้านมันไม่ค่อยมีรถ ถึงมีมันก็ไม่เคยว่างมาถึงคิวของฉัน ฉันเลยเลือกที่จะเดินออกมาไกลจากร้านสักหน่อย หวังว่าเดินมาไกลขนาดนี้ จะไม่มีคนชิงตัดหน้าเรียกรถโดยสารไปซะก่อนนะ ไม่งั้นที่เดินมาจนถึงตรงนี้ มันคงเสียเปล่า หมับ! ขณะที่ฉันยืนรออยู่เงียบๆ โดยหันหน้ามองถนน ก็มีมือปริศนาดึงมือฉันไปจับจากทางด้านหลัง ฉันหมุนตัวกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเฮียสิงค์ที่ยืนทำหน้าไม่พอใจ มือไม้ฉันก็เริ่มสั่น เคยเห็นตอนที่เฮียสิงค์โกรธแล้ว เขาน่ากลัวมาก และฉันไม่เคยคิดอยากทำให้เขาโกรธเลยสักครั้ง แต่วันนี้ฉันกลับทำมันลงไปแล้ว เขากำลังโกรธอยู่ แล้วก็โกรธมากๆด้วย “ตามมาเงียบๆซะ!” “ไม่นะ! ไม่เอา!” หนีสิ รอไร เฮียสิงค์ดูโกรธขนาดนี้ ใครจะกล้าตามไป ฉันสะบัดมือออก หันหลังวิ่งหนี แต่เพราะวันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงมา ฉันเลยวิ่งได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ความลนลานทำให้ฉันสับขาผิด ร่างกายถลาลงสู่พื้น จนฉันต้องรีบใช้มือยันไว้ อย่างกลัวว่าหน้าตัวเองจะถลาไปจูบพื้น พรึ่บ! “ว้าย! ปล่อยมี่นะ” ในจังหวะสุดท้ายที่ฉันรู้สึกสิ้นหวังสุดๆ เพราะหน้าจะถึงพื้นอยู่แล้ง ร่างกายก็ลอยหวือขึ้นเหนือพื้น ตอนนี้ฉันขึ้นมาดีดดิ้นอยู่บนบ่าของเฮียสิงค์ ดิ้นอย่างแรงเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ผ่านวินาทีที่สิ้นหวังมา ป๊าบ! ป๊าบ! ฉันตาโตเพราะไม่คิดว่าเฮียสิงค์จะกล้าลงไม้ลงมือ มือของเขาฟาดลงมาที่ก้นของฉันอย่างแรงถึงสองที น้ำตาที่รื้นอยู่แล้ว ร่วงหล่นลงทันทีเพราะความเจ็บ “ฮือ! ตีหนูทำไม เนี่ย ฮือ” ฉันกลัวที่สุดก็คือการถูกตี ตอนเด็กๆฉันเล่นซน จนโดนแม่ทำโทษอย่างหนักด้วยการตี ครั้งนั้นฉันนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน มันเป็นแผลฝังใจของฉันและของแม่ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าตีฉันเลย จนกระทั่งตอนนี้ “เงียบ!” “ฮือ ฮือ” ฉันอยากจะร้องดังๆให้หูเขาแตก แต่สิ่งที่ฉันทำคือปล่อยเสียงสะอื้นออกไปเบาๆ เขาดุมาก เขาน่ากลัวจริงๆ จนฉันไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านั้นเลย ฉันยังคงร้องไห้ ในขณะที่เฮียสิงค์พาฉันมาที่รถ เขายัดฉันเข้าไปที่เบาะหลังอย่างไม่คิดจะปราณี ก่อนจะวิ่งไปนั่งหลังพวงมาลัย แล้วขับกระชากรถออกไปอย่างแรง ฉันกลิ้งหลุนๆ อยู่นเบาะหลัง เหมือนก้อนอะไรสักอย่าง กระโปรงที่ผ่าข้างอยู่แล้ว แหวกขึ้นมาจนรู้สึกเย็นบริเวณต้นขา ฉันพยายามทรงตัวลุกขึ้นนั่ง แต่คนที่กำลังขับรถส่ายไปมา ทำให้ฉันลุกขึ้นนั่งได้อย่างยากลำบาก ตอนแรกก็เมาอยู่แล้วนะ ตอนนี้บอกเลยว่ารู้สึกเมาสุดๆ ฉันรู้สึกเวียนหัวมาก เพราะไม่อยากอ้วกใส่ลูกรักของเฮียไมค์ ฉันจึงตัดสินใจว่าจะนอน แม้ตอนนี้เฮียสิงค์จะน่ากลัว แต่เขาเป็นคนที่ครอบครัวฉันรู้จัก ถ้าเขาพาฉันไปฆ่าหมกป่า บอกได้เลยว่าเขาจะเป็นคนแรกที่บ้านฉันรู้สึกสงสัย เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังสัมผัสอะไรที่มันนุ่มๆ ด้วยความที่กลัวว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน ฉันรีบลืมตามองทันที ถอนหายใจออกมานิดๆ เมื่อภาพที่เห็นไม่ใช่ป่าอย่างที่คิดไว้ รอบตัวฉันเป็นเหมือนห้องอะไรสักอย่าง และที่ๆฉันนอนอยู่ก็คือเตียง เตียงนอนสีดำขนาดหกฟุต! ฉันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เมื่อไม่เห็นเฮียสิงค์ ก็ค่อยๆขยับลงจากเตียงช้าๆ นิ่วหน้าทันทีเมื่อข้อเท้าสัมผัสพื้น ยิ่งออกแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ความเจ็บยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น อ่า! ชิบหาย ฉันจะหนีไปไหนได้ ข้อเท้าฉันพลิก ฉันลองพยายามทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าอีกข้าง แม้ตอนนี้จะรู้สึกปลอดภัย แต่ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แม้คนที่พาฉันมาที่นี่ จะเป็นผู้ชายที่ฉันรักก็เถอะ แต่เขาในอารมณ์แบบนี้ ฉันไม่ดีใจหรอกนะ ฉันต้องหาทางกลับบ้านให้ได้ ด้วยเท้าที่มันใช้งานได้เพียงข้างเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD