บัดนี้เลือดลมในกายของวิชญ์ลุกโหมไหม้ด้วยไฟราคะเมื่อใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้ เพียงใจมีผิวนวลเนียนนุ่มละมุนทั้งยังมีกลิ่นกายแบบที่ปลุกกำหนัดของวิชญ์ได้อย่างที่ไม่เคยเกิดกับคู่ขาคนใดมาก่อน แถมทรวดทรงยังเย้ายวนอารมณ์ปรารถนาเสียจนคนมองแทบลืมหายใจ หัวใจชายหนุ่มกระหน่ำเต้นแรงและเร็ว
วิชญ์ดึงเธอให้โน้มลงไปแนบฝีปากกับเขา ได้ยินเขาครางในลำคออึดใจเดียวก่อนจะถูกจุมพิตชนิดที่ทำให้โลกหยุดหมุนไปเลยทีเดียว เพียงใจรู้สึกว่าตัวของเธอกำลังลอยอยู่ในอากาศ อาการที่ถูกจูบจนตัวลอยเป็นแบบนี้เองหรือไร พอลืมตามองถึงได้พบว่าตัวของเธอลอยหวือในอากาศจริงโดยมีวิชญ์โอบอุ้มเอาไว้ เขารัดเธอเสียแนบแน่นแล้วยอมปล่อยริมฝีปากที่บดคลึงอย่างดูดดื่มออก วิชญ์พาเข้าไปในห้องของเขาเพียงใจที่เพิ่งรู้สติจึงออกแรงดิ้นรนอีกครั้งพร้อมกับต่อสู้ให้หลุดพ้นจากเขา
“ปล่อยฉัน!”
มีหรือที่คนโกรธจนหน้ามืดจะปล่อยไปง่ายๆ วิชญ์บอกตัวเองว่าเขาไม่ได้พิศวาสแม่นี่เท่าไรนักหรอก แต่เพราะอยากกำหราบให้หมอบราบลงก็เท่านั้น เพียงใจถูกดึงรั้งให้ลงไปนอนราบบนเตียง บรรเลงกิจกรรมระหว่างชายหญิงขึ้นในนาทีต่อจากนั้นนั่นเอง ปลายทางที่เขาส่งเธอขึ้นไปถึงช่างน่าตกใจแต่มันแฝงไว้ด้วยความสุขสมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทุกอย่างที่เพิ่งผ่านพ้นไปแม้ไม่ใช่คนนำทางแต่กินแรงไม่น้อย เพียงใจปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเขาผละออกจากกายของเธอ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นอีกครั้ง ถามเสียงสั่นพร่าเลยทีเดียว
“นี่คุณ...คุณจะทำอะไรอีก”
วิชญ์ก้มลงที่แก้มนวลของเธอ เล็มริมฝีปากตรงลำคอกระซิบผ่านผิวนวลเปล่งปลั่ง “ทำอีก” เพียงใจเอียงหลบแต่ไม่พ้น เธอถามเสียงแผ่วเบา เหนื่อยอ่อนเหลือทน
“ที่ ‘ทำ’ ไปนั่นคุณยังไม่พออีกหรือไง”
“ก็ไม่พอน่ะสิ” วิชญ์บอกเสียงแหบพร่า เมื่อความปรารถนาในกายของเขาลุกฮือขึ้นอีกครั้ง แค่เพียงได้ลูบไล้ผิวของเธอ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆเฉพาะตัวนั่น อารมณ์ดิบในกายเขาก็ลุกฮือขึ้นอย่างไม่ต้องพยายามปลุกปั่น แล้วบทรักบทใหม่ถึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง วิชญ์จับเรือนร่างเย้ายวนที่นอนระทดระทวยให้รองรับการบุกรุกของเขา ยิ่งได้แทรกล้ำลึกมากเท่าไรยิ่งปรารถนามากขึ้นเท่านั้น จนล่วงเข้าวันใหม่ก็ยังไม่เห็นวี่แววความพอใจในสายตาคมปราบของวิชญ์เลยสักที
เมื่อยขบไปหมดทั้งตัว ผิวกายบางจุดมีร่องรอยฟกช้ำ บางจุดเขียว บางจุดเป็นสีม่วง เพียงใจพลิกตัวนอนหงาย เมื่อสติระลึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเธอ
วิชญ์ข่มเหงเธอ แม้คราวแรกจะใช้กำลังบังคับอยู่บ้างแต่แล้วเขาก็ปลุกปั่นให้เธอยินยอมตามเขาไปจนได้อย่างน่าอายเสียด้วย ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเขาที่นุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว จนเธอต้องเบือนหน้าหนี “พักอยู่ที่นี่ไปก่อน จนกว่าผมจะอารมณ์ดีกว่านี้แล้วค่อยกลับ”
“ฉันจะกลับ” บอกเสียงแข็งทีเดียว วิชญ์ยิ้มมุมปากก่อนหยั่งเชิงถาม
“แล้วเรื่องเมื่อคืน?”
เพียงใจตวัดตาโกรธจัดใส่ ถามด้วยใบหน้าหมิ่นแคลนกลับไป “ทำไม กลัวฉันเอาไปบอกคุณลุงอานนท์ หรือกลัวว่าฉันจะเอาไปแจ้งความออกสื่อหรือยังไง”
วิชญ์ว่ายิ้มๆบอกหยันๆ“ไม่เคยกลัว”
ฟังเขาพูดแล้ว ได้แต่สูดลมหายใจตั้งสติ บอกอย่างไม่แคร์ “ฉันก็ไม่สนใจเรื่องเมื่อคืนนี้เหมือนกัน ถือเสียว่าฝันร้าย”
“ฝันได้เหมือนจริงดีนี่” วิชญ์ว่าพร้อมเบ้หน้าเล็กน้อย ใจของเขากระตุกไปหน่อยหนึ่งเมื่อได้ยินว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องเมื่อคืน ก่อนว่าเยาะๆ “เก่งให้ได้ตลอดเถอะนะ”
เพียงใจกัดปากจนได้ลิ้มรสเลือดของตัวเอง เค้นเสียงบอกออกไป“ฉันทำได้แน่”
“งั้นก็ลุกขึ้นแต่งตัว ผมจะกลับตอนนี้เลย”
เพียงใจเม้มปากแน่นยังเต็มไปด้วยความแค้นใจแล้วกัดฟันลุกออกจากที่นอน ทั้งๆที่ปวดไปหมดทั้งตัว จังหวะที่ห้อยขาลงข้างเตียงจะลุกเธอถึงกับเซจนล้ม แต่วิชญ์ทำแค่ยืนกอดอกมองเท่านั้น สายตาของเขาที่มองก็ว่างเปล่าเหมือนเธอไม่มีความหมายใดๆ เพียงใจรวบรวมกำลังกายกำลังใจได้แล้วจึงค่อยพาตัวเองลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งปลีกตัวกลับห้องของเธอได้ในที่สุด
วิชญ์นั่งมองคนที่หลับคอพับตั้งแต่ขึ้นมาบนรถด้วยสายตาเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่เริ่มต้นเดินทางเพียงใจก็หลับสนิทไปในทันที ขากลับเขาใช้เวลาขับรถนานกว่าขาไป ได้ยินเสียงตนเองฮัมเพลงโปรดมาตลอดทาง ถึงแล้วยังนั่งมองคนที่หลับอยู่โดยไม่ละสายตาไปไหนเลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าผิวแก้มของคนที่หลับอยู่จะนุ่มเหมือนกับซอฟต์เค้กชั้นดีที่หยิบเข้าปากแล้วแทบละลายชนิดที่ว่าไม่ต้องออกแรงเคี้ยว เขาไม่ได้นับหรอกว่าที่ ‘ทำ’ ทั้งหมดบนเกาะกับเพียงใจนั่นมันกี่ครั้ง
รู้แต่ว่า...มันไม่พอ
หากเขาจะบอกว่าเขายังไม่พอใจ คนที่นอนหลับอยู่จะใช้สายตาแบบไหนมองเขากัน รู้แต่ว่าเขาอยากได้เพียงใจทั้งหมดที่ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่อยากได้ทุกๆอย่างที่รวมเป็นเธอ เขาต้องการไว้ในครอบครองหมดนั่น คิดอย่างเอาแต่ใจแบบนั้นแล้ววิชญ์ก็โน้มหน้าลงไปตั้งใจแนบริมฝีปากกับคนที่หลับไม่รู้เรื่อง เขายังไม่อิ่มจากรสสวาทเลยสักนิด แต่แล้วเพียงใจก็ลืมตาโพลงขึ้นมาก่อน
“ถึงแล้วหรือคะ”
วิชญ์ไม่ได้ตอบคำถาม เขาก้มลงต่อตั้งใจจะจุมพิตคนตรงหน้าให้จงได้ เพียงใจที่เพิ่งตื่นและสติเริ่มกลับคืนมาบ้างแล้วเบี่ยงหน้าหลบได้ทัน คนจ้องเอาเปรียบเลยได้ทาบลงที่ซอกคอของเธอแทน แต่ตรงนี้เขาก็ถือว่ายังกำไรอยู่ดี ตรงไหนบนตัวของเพียงใจก็ได้ทั้งนั้น เขาชอบทั้งหมดบนเนื้อตัวนุ่มนวลนี่ บอกได้เลย
“นี่คุณจะทำอะไรอีก” เพียงใจถามทั้งที่ยังเบี่ยงหน้าหลบอยู่ วิชญ์ตอบโต้งๆแบบคนหน้าด้าน ไม่รู้จักพอ “จูบ”
เธอยกมือขึ้นดันหน้าเขาให้พ้นไปพร้อมกับว่าเสียงแข็ง “คนอะไรไม่มียางอาย”
คนไม่มียางอายรับคำด้วยใบหน้าภาคภูมิใจเสียหนักหนา “ขอบคุณ”
เพียงใจเม้มปากแน่นอย่างขุ่นเคืองแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูหอบของข้างๆตรงที่วางเท้าเดินจากไปโดยไม่มองกลับมาที่เขาอีกเลย วิชญ์มองตามจนหญิงสาวลับตาไปด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แล้วกระตุกยิ้มอย่างดูแคลน
หึ! ผู้หญิง!
กลับเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกปั่นป่วนมวนในช่องท้องจนอยากจะสำรอกออกมานัก ทยอยเก็บของออกจากกระเป๋าจนหมด ตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเรียกสติของตนเองให้กลับคืนมาหัวหนักอึ้งราวกับมีหินหนักๆฝังอยู่ในนั้น ความรู้สึกเกลียดชังวิชญ์พุ่งพล่านไปทั่วกาย อัดอั้นเจ็บใจและเสียใจอย่างที่สุด
เพียงใจสูดหายใจเข้าลึกจนเสียดปอด บอกตัวเองว่าพอแล้ว เธอจะไม่ไปเสียใจกับเรื่องพรรค์นั้นอีก ถือเสียว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วให้จบสิ้นกันไปเสีย แล้วเธอจะไม่เอาไปฟ้องร้องอะไรกับใครทั้งนั้น แล้วชนิตาเล่า เธอจะจัดการต่ออย่างไรดี ถอนใจยาวเฮือกใหญ่ ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามหนทางที่มันจะเกิด เธอคงช่วยเหลืออะไรไม่ได้อีกแล้ว นับประสาอะไรกับตัวเองยังไม่รอดเลย
น้ำตาไหลอาบลงข้างสองแก้มอย่างเจ็บใจ แค้นใจยิ่งหนักที่ถูกรังแกแต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นนี้ เอาเถอะ เลิกคิดเสียแล้วเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปดีกว่ามานั่งหมดอาลัยแบบนี้
เป็นเช้าแรกที่วิชญ์มาทำงานก่อนผู้ช่วยของตัวเอง ที่โต๊ะของเพียงใจยังว่างเปล่าไม่มีร่างเล็กๆที่ชอบทำใบหน้าเฉยเมยนั่งอยู่ตรงนั้น เขารีรออยู่จนเกือบเวลางานยังไม่ปรากฏเงาของเพียงใจ
หรือจะไม่มา? ไม่ใช่นอนร้องไห้คนเดียวอยู่ในห้องจนเป็นลมไปแล้วหรือ แล้วถ้าเกิดคิดสั้นขึ้นมาจนทำร้ายตัวเองล่ะ... คิดมาถึงตรงนี้หัวใจของวิชญ์ก็เสียดแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แล้วประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่วิชญ์คำนึงหามาตลอดตั้งแต่ไปส่ง วิชญ์กอดอกถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ทำไมมาสาย”
เพียงใจไม่มองที่เขา เธอเงียบไปอึดใจก่อนตอบ “ยังไม่ถึงเวลางานนี่คะ คุณมีอะไรจะใช้ฉันอย่างนั้นหรือ”
เงียบไปครู่ แล้วว่า “ผมขอสรุปรายงานที่เกาะฟ้าครามด้วย”
“ค่ะ” บอกเสร็จจัดแจงนำงานไปให้เขาที่ในห้อง พอดีกับที่มีสายสำคัญ วิชญ์ที่อยากคุยอะไรด้วยหน่อยเลยละไปรับสายอย่างหัวเสียเล็กน้อย เพียงใจจึงกลับมาที่โต๊ะของเธอเพื่อทำงานต่อ
วิชญ์สนทนาเรื่องงานของเขาอยู่ร่วมชั่วโมงอย่างที่สมาธิมีเหลือไม่เท่ากับทุกวันที่ผ่านมา ใจเขามันพะวงถึงแต่เรื่องที่อยากคุยกับเพียงใจ วางสายลงแล้วว่าจะตามคนที่ปั้นหน้าเก่งนักให้เข้ามาคุยกันในห้อง แต่แค่เอื้อมมือไปที่อินเตอร์คอม ประตูห้องทำงานของเขาก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีการขออนุญาตใดๆทั้งสิ้น
“วิชญ์คะ กลับมาแล้วเหรอ ไม่บอกนิต้าเลยนะว่ากลับมาแล้ว”
วิชญ์พ่นลมหายใจออกอย่างเซ็งๆ ก่อนถามเป็นการเป็นงาน “มีอะไรหรือครับนิต้า”
“ไหนก่อนไปเกาะคุณว่ากลับมาแล้วจะพานิต้าไปร้านของเพื่อนคุณไงคะ”
“งานผมยังไม่เรียบร้อย”
“งานอะไรกันนักกันหนา นิต้าไม่เข้าใจ” แอนนิตาเกือบกรีดเสียงออกมาอย่างคนที่ไม่เคยถูกขัดใจแล้ว แต่ยั้งไว้ทัน สาวสวยปั้นหน้าใหม่ค่อยชวนเสียงหวาน “ออกไปหาอะไรกินด้วยกันนะคะ นิต้าเหงา ไม่อยากกินข้าวคนเดียว”
“คุณก็กลับไปกินข้าวบ้านสิ เห็นคุณลุงบ่นว่าไม่ค่อยมีใครอยู่ร่วมโต๊ะกับท่านเลยนี่” อ้างถึงส.ส.เอนก บิดาของหญิงสาวเสียเลย แอนนิตาเบ้หน้าตอบกลับทันที
“คุณพ่อน่ะหรือคะจะไม่มีใครร่วมโต๊ะ นิต้าเห็นอีหนูเปลี่ยนกันมาไม่ซ้ำหน้า เถอะค่ะ ไปกินข้าวกับนิต้านะคะ”
วิชญ์ระแคะระคายมาแล้วว่าที่แอนนิตาเข้าหาเขาเพราะหนึ่งเหตุผลสำคัญคือเรื่องซองประมูลที่เขากำลังจะยื่นกับจังหวัด ใครก็แล้วแต่ที่วานหญิงสาวคนนี้มาทำงาน ช่างคิดสั้นนัก และหากว่าเขาจะไม่จับโจรให้ได้คามือ คงตะเพิดแอนนิตาออกไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำได้คือสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้เท่านั้น
เพียงใจมองตามหลังวิชญ์และแอนนิตาไปด้วยสายตาไร้ความหมาย เรื่องบนเกาะยังสดและใหม่สำหรับเธอ เก็บของเรียบร้อย ประตูหน้าห้องเปิดออกพร้อมเสียงหวานๆของชนิตา
“เพียงจ๋า”
เจ้าของชื่อฝืนยิ้ม ตอบรับกลับไปทันที “ว่าไงน้ำตาล”
“มารับไปกินมื้อเย็นจ้ะ” ชนิตาว่ายิ้มๆ พอเห็นเพียงใจขยับปาก ทั้งสีหน้าแววตาดูออกว่าจะไม่ไปเลยรีบอ้าง “วันนี้วันเกิดพี่อิทธินะ”
เพียงใจเลยต้องตามชนิตามาที่ร้านของอิทธิในที่สุด งานวันเกิดของอิทธิไม่ได้จัดเลี้ยงแบบทุกปี คงเพราะเจ้าตัวบ่นว่าไม่อยากเห็นตัวเลขบนเค้ก เลยเป็นการกินอะไรกันง่ายๆกับเด็กในร้าน แถมร้านยังเปิดให้บริการอีกด้วย เจ้าของร้านบ่นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี จะปิดร้านบ่อยๆก็ใช่ที่ เลยแบ่งโซนเอาไว้จัดเลี้ยง คนไหนกินอิ่มให้ผลัดเพื่อนมากินบ้าง บรรยากาศแบบพี่น้อง สบายๆอย่างที่อิทธิต้องการให้เป็น นั่งกันได้ครู่ใหญ่ ชนิตาเดินแยกออกไปรับสายสนทนาเห็นหลังไวไวว่าเปิดห้องทำงานของอิทธิไปแล้ว บนโต๊ะเลยมีเจ้าของวันเกิดนั่งกับเพียงใจสองคน
“เป็นไงบ้างงานเรา” อิทธิถามขึ้นทำลายความเงียบ ผิดสังเกตบ้างกับท่าทีเซื่องซึมของเพื่อนน้องสาว ปกติเพียงใจไม่ใช่คนร่าเริงแบบชนิตา แต่ก็ไม่ใช่แบบที่จะมานั่งหงอเช่นนี้
เพียงใจรู้สึกตัวแล้วรีบดึงสติกลับมาตอบ “...เรื่อยๆค่ะ”
“นี่สนใจมาช่วยที่ร้านพี่ไหม”
“ให้เพียงทำอะไรคะ”
“เราเคยทำอะไรมา ผู้ช่วยนายวิชญ์ไม่ใช่เหรอก็มาช่วยงานพี่ที่ร้านนี่ไง เวลาพี่ไปออกทริป จะได้มีคนคอยดูแล”
“อ้าว แล้วคุณเหมียวละคะ” เพียงใจที่พอรู้จักกับคนในร้านบ้าง ถามถึงผู้จัดการร้านของอิทธิ
“ลาออกไปแล้ว”
“เหรอคะ”
“เจ้านายเรา เขาจะปล่อยมาไหม”
“เกี่ยวอะไรกันละคะ” เพียงใจรู้สึกทะแม่งๆกับคำถามของอิทธิ แต่ก็ทำเฉยเสีย
“ไม่รู้สิ ตายยากชะมัด นั่นน่ะใช่นายเราไหมเพียง” เพียงใจหันขวับไปมองตามสายตาของอิทธิก็พอดีกับที่ทางนั้นมองสบมาเช่นกัน แล้วหันกลับมามองอิทธิด้วยใบหน้าที่ชักจะออกร้อนนิดๆอย่างที่บอกไม่ได้ว่าเพราะสาเหตุอะไร
ทางโต๊ะที่วิชญ์นั่งอยู่ก็สนทนาท่าทางเคร่งเครียดไม่แพ้กัน “เป็นอะไร ทำหน้ายังกับกินเบียร์บูด”
วิชญ์บังเอิญเจอกับธรรศในร้านอาหารที่เขาออกไปกินข้าวกับแอนนิตา จังหวะดีจริงๆที่กินเสร็จ อีกฝ่ายชวนวิชญ์มานั่งดื่มต่อที่ร้านนี้ วิชญ์ไม่อิดออดตามญาติผู้พี่มาทันที โดยแยกกับแอนนิตาในตอนนั้นเอง คนแก่อาวุโสถามขณะจิบเครื่องดื่มของตนเอง สายตามองตามที่น้องชายโฟกัสไปด้วย ไม่วายยิ้มยียวนเมื่อเห็นแล้วว่ามองไปทางใด
“อ้อ หวงเลขาฯ”
“หวงเหิงอะไรพี่ แล้วยัยนั่นก็ไม่ใช่เลขาฯผมด้วย” แค่นเสียงขำที่ดูรู้ว่าไม่ได้ตลกเลยสักนิด ตรงข้ามเสียมากกว่าก่อนว่า “ก็แค่ผู้ช่วย”
“อ้าว เห็นมองเขาแล้วก็ตาขวางเชียว ไม่หวงจะจ้องเขาขนาดนั้นทำไมวะ”
“ตาผมก็แบบเนี้ย” วิชญ์ยังคงแถไปเรื่อย
ธรรศเบ้ปากแล้วเลยแกล้งอือออตามน้ำไป น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง แต่น้ำที่ด้านบนนิ่งๆแต่ลึกลงไปนั้นมีกระแสวนไปมาแบบวิชญ์ยิ่งต้องนิ่งเฉยไว้อย่างเดียวเท่านั้น อย่าไปยุ่งกับมัน วิชญ์มองไปที่โต๊ะของเพียงใจอยู่ตลอด เขารู้สึกแปลกๆ ที่เห็นเพียงใจพูดคุยด้วยท่าทีสนิทสนมกับอิทธิ แม้จะไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวอะไรกันเลย แต่ท่าทีผ่อนคลาย แววตามองค้อน และสีหน้าเป็นธรรมชาติของเพียงใจที่มีในตอนนี้ มันทำให้วิชญ์เหมือนจะ...คลั่ง
แล้วก็เกิดความอยากขึ้นมาในบัดดล เขาอยากให้เพียงใจมีท่าทีแบบนั้นกับเขาบ้าง แต่แล้วก็เมินหน้าหนี ไม่หันไปมองที่ตรงนั้นอีก เขาจะอยากไปทำไมวะ!
“ตามนั้นนะ” ธรรศสรุปเรื่องที่คุยกันค้างเอาไว้เมื่อครู่แล้วถาม “เบียร์อีกไหม”
“ไม่ละครับ กลับดีกว่า”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้น” ธรรศว่ายิ้มๆยกมือเรียกพนักงาน วิชญ์มีอาการฮึดฮัดมากขึ้น เมื่อเหลือบตาไปมองที่โต๊ะของอิทธิ แล้วก็เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นมายีผมของเพียงใจ ความรู้สึกหึงหวงพุ่งทะยานออกมาจากภายในจนเผลอเสียงดังลั่นร้าน เมื่อมีคนมาแตะตัวเพียงใจมากเกินกว่าที่จะทนมองได้
“เฮ้ย!”
ธรรศเลยพลอยโวยตามบ้าง “อะไร!”
วิชญ์ที่ลืมตัวเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อครู่ กระแอมทีหนึ่งบอกปัดไป “เปล่าครับ”
แล้วจัดแจงชำระค่าอาหาร แยกกันขึ้นรถ กลับบ้านด้วยหัวใจร้อนดั่งไฟ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หรือเพราะว่ายังไม่อิ่มจากเนื้อตัวที่ได้ลิ้มลองเป็นคนแรก ถึงทำให้เขาออกอาการได้ขนาดนี้ หากได้กินบ่อยๆมันจะเอียนไปเองไหม เพียงใจก็แค่ของแปลกที่เขาไม่เคย พอได้มาใหม่ก็คงมีบ้าง ที่จะหวง
หวง?
เขาหวงเพียงใจอย่างนั้นหรือ ก็อาจเป็นได้จะว่าไปเขาเพิ่งได้ลิ้มรสยัยนั่นไปไม่เท่าไรเอง แถมยังได้เปิดสาวเสียอีก ถึงว่าทำไมเพื่อนที่สนิทๆกันหลายๆคนถึงชอบนัก พวกสาวๆเด็กๆ มันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง ถ้าเป็นด้วยเรื่องพวกนั้นก็ขอให้เป็นเพียงแค่นั้นทีเถอะ อย่าให้เตลิดออกไปมากกว่านั้นเลย
‘นี่เขาลือกันด้วยนะว่าคุณอานนท์กับเจ๊คนนั้นน่ะมีลูกด้วยกันคนหนึ่ง’
‘จริงเหรอ?’
‘ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน ก็เจ๊ไก่ไงจำได้ไหม เล่าว่าตอนแรกมาตรวจ พอรู้ว่าท้องก็หายไปไม่ยอมมาฝากท้อง ป้าแถวบ้านเรานะยังเม้าท์ว่าวันดีคืนดีถัดไปเกือบๆปีน้องสาวที่ไม่มีผัวก็มีลูกสาวตัวน้อยๆโผล่ออกมาเฉยเลย’
เพียงใจที่แวะเข้าห้องน้ำก่อนจะตรงไปเยี่ยมอรสาหูผึ่งในทันทีกับบทสนทนาเมื่อครู่ เย็นของอีกวันหลังจากเลิกงานเธอแวะมาดูอรสา เมื่อรู้ว่าท่านยังนอนรักษาตัวอยู่ ขณะจะขึ้นไปด้านบนเลยว่าจะแวะเข้าห้องน้ำเพราะอั้นมานาน แต่ห้องน้ำของคนไข้ติดป้ายว่ากำลังทำความสะอาดอยู่ เผอิญที่งามพิศอยู่แถวนั้นด้วยเลยพามาเข้าห้องน้ำด้านในนี้แทน เธอไม่อยากขัดความหวังดีของอีกฝ่าย เลยเดินตามมาด้านใน จัดแจงธุระจนเรียบร้อยก็บังเอิญได้ยินเรื่องเมื่อครู่นี้เข้า
คุณอานนท์ที่ได้ยิน จะใช่คุณลุงอานนท์หรือไม่
แล้วเจ๊คนนั้นที่พูดถึง จะใช่อรสา ป้าสาของเธอไหม
เพียงใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หัวใจเต้นกระหน่ำไม่หยุด รอจนเสียงด้านนอกเงียบถึงค่อยแง้มประตูออกดู แล้วจึงเร้นตัวออกมาไม่ให้เป็นที่สังเกตของใคร สาวท้าวตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังชั้นที่อรสาพักอยู่ สมองของเธอกำลังคิดอะไรวุ่นวายอยู่ในนั้น
หากเป็นความจริง
หากเธอเป็นลูกของอรสา ที่มีบิดาเป็นคุณลุงอานนท์ ถ้าอย่างนั้น วิชญ์กับเธอ...ก็คือพี่น้องกันน่ะสิ!