ปัง ปัง ปัง
" ตื่นนะนังเจียซิน แกกล้าดียังไงมานอนกินบ้านกินเมืองขนาดนี้ "
หลี่เผิงผู้มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเจียซินทุบประตูเพื่อเรียกร่างที่นอนไร้ลมหายใจออกไปทำอาหารให้กิน
แอดดดดดด
" นังเจียซิน ฉันบอกให้แกตื่น "
ซูหนี่บุตรสาวของหลี่เผิงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องหมายจะทำร้ายร่างกายของเจียซินอีกครั้งหากเธอยังไม่ยอมลุกไปทำอาหาร
" หนอยแนะนังขี้เกียจสันหลังยาว แกกล้าดียังไงมานอนกินบ้านกินเมืองไม่ยอมลุก ถ้าวันนี้แกหาเงินไม่ได้เหมือนเมื่อวานอีกละก็ แกเตรียมตัวหลังขาดได้เลย "
หลี่เผิงด่ากราดคาดโทษเอาไว้อย่างหนัก แต่ที่แปลกก็คือร่างของเจียซินกลับนอนนิ่งไม่สั่นไหวเเม้แต่น้อย
" แม่ ทำยังไงดี มันไม่ยอมลุก หรือว่ามันคิดอยากจะลองดีกับแม่กันแน่จ๊ะ " ซูหนี่ได้ทีก็ยั่วยุให้มารดาโมโหหนักกว่าเดิม
" เข้าไปลากตัวมันออกมาเลยซูหนี่ลูกแม่ มันคิดว่ามันเป็นใคร มาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นแล้วยังจะมานอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้อีก "
ซูหนี่ที่รอโอกาสนี้อยู่นานแล้ว เธอจึงรีบเดินไปดึงผ้าห่มออกจากร่างของเจียซิน
ภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าซูหนีคือร่างบางที่นอนนิ่งไม่ไหวตีง ซ้ำตามตัวยังมีรอยฟกช้ำอยู่เต็มไปหมด บนหน้าผากของเจียซินมีรอยแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดแห้งเกรอะกรังติดอยู่
ซูหนี่สังเกตเห็นความผิดปกติ เธอจึงใช้นิ้วอังที่จมูกของเจียซิน
" มะ แม่ นังเจียซินมันไม่หายใจแล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดี "
ซูหนี่ถอยห่างออกจากร่างที่ไร้ลมหายใจของลูกพี่ลูกน้อง เธอกับมารดาต้องการมาปลุกให้หลี่เจียซินลุกไปทำอาหารให้กิน
ปกติป่านนี้หญิงสาวต้องออกไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว แต่วันนี้ไม่รู้เหตุใดสายป่านนี้เจียซินถึงไม่ยอมออกจากห้องไปเตรียมอาหาร
" ระ หรือว่าเป็นเพราะเราทำร้ายมันเมื่อวานอย่างนั้นเหรอแม่ ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำนะ "
ซูหนี่คิดทบทวนเรื่องในวันวานที่เธอกับมารดาลงมือทุบดีเจียซินจนหัวแตกแล้ว เหตุเป็นเพราะเจียซินไม่สามารถหางานรับจ้างเพื่อหาเงินมาให้พวกเธอได้
" หุบปากของแกซะ แล้วรีบไปหารถเข็นมาเอาศพของมันไปทิ้ง ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้รอให้พ่อแกกลับมาเห็นคงเป็นเรื่องแน่ ๆ "
หลี่เผิงรีบตั้งสติแล้วคิดหาแผนการเพื่อนำร่างของเจียซิน ออกไปทิ้งให้พ้นเขตบ้านของเธอ
" ดะ ได้จะแม่ "
หลี่ซูหนี่รีบไปเอารถเข็นที่อยู่หน้าบ้านเข็นมาให้ใกล้ประตูมากที่สุด เธอยังคงมีอาการตื่นกลัวความผิดอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่อาจชักช้าได้เลยต้องรีบทำตามที่มารดาบอก
หลี่เผิงกำลังยืนคิดว่าจะบอกสามีว่าอย่างไร เมื่อสามีของเธอทั้งรักทั้งห่วงหลานสาวคนนี้มาก แต่โชคดีหน่อยที่เขาต้องเข้าเมืองไปทำงานทุกวันจึงพอมีเวลาให้เธอคิดหาทางออกได้
" เร็วเข้าสิซูหนี่ มาช่วยแม่ยกตัวมันขึ้นไปบนรถเข็นเร็วเข้า "
" หื่อ ไม่นะแม่ ฉันไม่อยากโดนตัวมัน ฉันกลัว "
ซูหนี่ยังคงไม่กล้าเข้าไปช่วยผู้เป็นแม่จัดการกับร่างที่แข็งทื่อไร้ลมหายใจของเจียซิน
" ถ้าแกไม่มาช่วยฉัน งั้นแกก็รอติดคุก ข้อหาฆ่าคนตายแล้วกัน "
" ไม่นะแม่ ฉันไม่เข้าคุกเด็ดขาด ช่วยก็ช่วย "
ซูหนี่รีบเดินไปยกส่วนขาของเจียอีช่วยมารดาแต่โดยดี ร่างกายของเจียอีค่อนข้างซูบผอมจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ทั้งสองคนจะยกขึ้นรถเข็น
" อึ๊บ ไปเอาผ้าห่มของมันมาคลุมไว้เร็วเข้า "
" จ้ะ ๆ แล้วเสื้อผ้าของมันล่ะแม่ ถ้าตัวมันหายไปแต่เสื้อผ้าของมันยังอยู่ พ่อจะไม่สงสัยหรือว่านังเจียอีมันหายไปไหน "
" เก็บใส่กระเป๋ามาเร็วเข้า เอาไปทิ้งพร้อมกับร่างของมันเลย ฉันจะได้บอกพ่อแกว่ามันหนีออกจากบ้านไปแล้ว "
" จ้ะแม่ "
สองคนแม่ลูกช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเจียอีกขึ้นรถเข็นแล้วเอาผ้าห่มคลุมร่างและสิ่งของไว้อีกชั้นหนึ่งก่อนจะรีบเข็นรถออกไปที่หน้าบ้าน
" เดี๋ยว ๆ เอาหญ้าพวกนี้ขึ้นปกทับไว้อีกชั้นดีกว่า ถ้าขืนออกไปแบบนี้ชาวบ้านคงมองเห็นแน่ ๆ "
" หมดกองนี่เลยหรือแม่ "
" ใช่ เร็วเข้า "
สองคนแม่ลูกรีบหอบหญ้าแห้งที่กองอยู่หน้าบ้านขึ้นปกทับผ้าห่มอีกชั้นหนึ่ง ไม่นานทั้งคู่ก็เข็นรถออกไปทางภูเขาลูกใหญ่ท้ายหมู่บ้าน
ระหว่างทางมีชาวบ้านเพียงไม่กี่คนที่หันมามองสองคนแม่ลูกด้วยความสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครเห็นทั้งคู่ทำงานทำการ วัน ๆ เอาแต่จิกหัวใช้เจียซินเสียยิ่งกว่าทาส
" เดินเร็ว ๆ หน่อยสิแม่ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นเหรอ ทำตัวเป็นยายแก่ชักช้าอืดอาดอยู่ได้ " ซูหนีหันไปบ่นให้มารดาที่เดินไม่ทันใจเธอ
" เดี๋ยวปะตบปากแตกเลยนังลูกบ้า แกวิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูมให้ชาวบ้านสงสัยทำไม "
หลี่เผิงกำลังสอดส่ายสายตามองดูบริเวณรอบทางเดินว่ามีใครแอบมองพวกเธอสองคนอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกแล้วจึงเร่งฝีเท้าให้ทันบุตรสาวที่อยู่ข้างหน้า
เดินมาเกือบ 20 นาที ทั้งคู่ก็เข็นรถมาถึงเชิงเขาที่ไกลหูไกลตาผู้คน ทั้งสองช่วยกัน ยกร่างของเจียซินลงจากรถเข็น แล้วปล่อยให้ไหลลงไปตามเนินเขาลึกที่ไม่ค่อยมีคนเดินเข้าไป
" เอากระเป๋าของมันโยนลงไปด้วย " หลี่เผิงหันไปบอกบุตรสาวที่อยู่ข้าง ๆ
" จ้ะแม่ "
ซูหนี่รีบเดินไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเจียซินโยนลงไปบริเวณเดียวกันกับที่ทิ้งร่างเธอ
" หมดปัญหาสักที เหลือแต่แกทำตัวให้มันเป็นปกติอย่าให้พ่อของแกสงสัยเข้าใจไหมซูหนี่ "
" ฉันรู้แล้วแม่ เรากลับกันเถอะฉันรู้สึกขนลุกยังไงบอกไม่ถูกแถวนี้น่ากลัวบรรยากาศวังเวงแปลก ๆ "
เมื่อปกปิดความผิดของตัวเองเสร็จแล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน พร้อมกับ เตรียมแต่งเรื่องราวคำพูดไม่ให้พูดเป็นบิดาและสามีสงสัย
อีกฟากฝั่ง ร่างกายของเจียซินยังคงมีผ้าห่มห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้อยู่ ร่างของเจียซินไหลลงไปตามเนินเขาแล้วหยุดอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอ ที่ถูกทิ้งลงไปในบริเวณเดียวกัน
ตกค่ำวันนั้นหลี่จื้อกลับมาจากทำงานรับจ้างในตัวเมือง ก็ได้ยินข่าวจากภรรยาและบุตรสาวว่าหลี่เจียซินหลานสาวเพียงคนเดียวของเขาได้หนีออกจากบ้านไปแล้ว
หลี่จื้อไม่เชื่อในสิ่งที่ภรรยาและบุตรสาวพูด เขาคิดว่าเจียซินจะต้องถูกบุตรสาวและภรรยาของเขารังแกเป็นแน่
แต่ตนเองกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ค่ำมืดแล้วจึงไม่สามารถออกไปตามหาที่ไหนได้อีก
เขาจำเป็นต้องนอนทั้งที่ไม่อาจข่มตาหลับได้ อย่างไรเสียก็ต้องรอให้ท้องฟ้าสว่างก่อน ถึงจะไปพิสูจน์อะไรบางอย่างได้ หากหลานสาวของเขาหนีไปจริง ๆ เธอจะต้องแวะไปที่นั่นก่อนเป็นแน่
" ฉันรู้ว่าเธอสองคนแม่ลูกโกหกฉัน บอกฉันตามความจริงได้ไหมว่าเธอทำอะไรกับเจียซิน เธอก็รู้ ว่าบ้านหลังนี้เป็นเงินของพ่อแม่เจียซินที่ส่งเงินมาให้เราสร้าง ทำไมเธอถึงกล้าทำร้ายลูกของเขาขนาดนั้น "
หลี่จื้อเอ่ยถามภรรยาที่นอนอยู่ข้างกันเขารู้ว่าภรรยายังไม่หลับ และมีเรื่องปิดบังเขาอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่เจียซินหายไปแล้วหลี่เผิงจะไม่รู้สึกอะไร เพราะงานบ้านทั้งหมดจะต้องตกมาอยู่ที่เธอกับลูก
เดิมทีเขาพยายามช่วยหลานสาวอยู่ตลอด แต่ด้วยว่าตนเองก็ต้องออกไปรับจ้างนอกบ้านจึงไม่สามารถคอยปกป้องเจียซินได้ตลอดเวลา
" พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง พี่หาว่าฉันทำร้ายหลานรักของพี่อย่างนั้นเหรอ นังนั่นมันเป็นแค่หลานพี่นะ ซูหนี่ต่างหากที่เป็นลูกของพี่ พี่จะมารักมันมากกว่าลูกของเราไม่ได้นะ หรือว่ามันเป็นลูกพี่อย่างนั้นเหรอ "
หลี่เผิงพยายามยกเรื่องอื่นมาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธกรุ่นเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
" เธออย่ามาเบี่ยงเบนประเด็นอาเผิง เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด อย่าให้ฉันต้องมารู้ทีหลัง ว่าเธอกับซูหนี่ทำร้ายเจียซินจนต้องระเห็จออกจากบ้านไป ถึงจะเป็นลูกและภรรยาฉันก็ไม่เข้าข้างแน่นอน "
" พี่!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ ก็ฉันบอกว่ามันหนีตามผู้ชายไปแล้วไง ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อ "
เพียงได้ยินน้ำเสียงและอาการของภรรยาเขาก็มั่นใจ เกิน 10 ส่วนว่าภรรยาของเขาจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเจียซินเป็นแน่
หลี่จื้อเบื่อหน่ายกับความเห็นแก่ตัวของภรรยาและบุตรสาว เขาจึงหันหลังและพยายามข่มตาให้หลับ เพื่อรอเวลาให้ฟ้าสว่างจะได้ออกไปพิสูจน์ความจริงตามที่ตัวเองสงสัย