สองคนลุงหลานปั่นจักรยานไม่นานก็เข้ามาถึงสถานีรถไฟ หลี่จื้อจอดจักรยานไว้ข้างสถานีแล้วเดินตามมาส่งหลานสาวที่ชานชาลาเพื่อซื้อตั๋ว
" เจียซินหลานต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ " หลี่จื้อย้ำเตือนหลานสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ยิ่งหลานสาวไม่เหลือใครเขายิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
" จ้ะลุง ลุงก็ดูแลตัวเองให้ดีเหมือนกันนะจ๊ะ "
หญิงสาวรีบเดินไปซื้อตั๋วรถไฟทันทีอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ารถไฟก็จะมาตามเวลาที่เขียนอยู่บนกระดานใหญ่แล้ว
" ตั๋วรถไฟไปเซี่ยงไฮ้ 1 ที่จ้ะพี่ชาย " เจียซินแจ้งปลายทางของตนเองให้กับคนขายตั๋วได้รับรู้อย่างรวดเร็ว
" ตู้ธรรมดาคนละ 5 หยวน ตู้พิเศษเข้าได้ห้องละ 4 คน ราคา 40 หยวน จะเอาตู้ไหนน้องสาว อย่าลืมว่าเธอต้องใช้ชีวิตอยู่บนขบวนนานกว่าสัปดาห์เลยนะกว่าจะถึงเซี่ยงไฮ้ ยิ่งเดินทางคนเดียวยิ่งอันตราย "
เจ้าหน้าที่เอ่ยถามหญิงสาวอีกรอบ ระหว่างที่เจียซินกำลังครุ่นคิดอยู่ หลี่จื้อก็รีบเข้ามาจ่ายค่าตั๋วแบบเหมาห้องพิเศษให้หลานสาวทันที
" เอาตู้พิเศษครับ นี่ครับเงิน " หลี่จื้อหยิบเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ซ่อนภรรยาเอาไว้ออกมาจ่ายค่ารถให้หลานสาวของเขา
" ลุง ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันจ่ายเองดีกว่า " เจียซินรู้ดีว่านั่นเป็นเงินเก็บของลุง เธอจึงไม่อยากทำให้ลุงของเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย
" ไม่ต้องอาซิน เงินของหลานเก็บไว้เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ เส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ลุงคงต้องกลับก่อนแล้วนะ ลุงขอให้หลานโชคดีนะ "
หลี่จื้อวางเงินไว้แล้วรีบเดินห่างออกไปที่จักรยานของตนเองแล้วปั่นออกไป
เจ้าหน้าที่ออกตั๋วเก็บเงินแล้วรีบออกตั๋วให้เจียซินทันที เพียงไม่กี่นาทีขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าเข้าเซี่ยงไฮ้ก็เข้ามาเทียบชานชาลา
เจียซินหันหลังกลับไปมองเมืองต้าถงอีกครั้งก่อนจะลาจาก แต่สายตาของเธอกลับไปหยุดอยู่ที่จักรยานคันเก่าของลุงที่เธอคิดว่าเขากลับหมู่บ้านไปแล้ว
หลี่จื้อนี่นั่งอยู่บนจักรยานที่จอดอยู่ห่างชานชาลาออกไปเล็กน้อย เขารอส่งหลานสาวขึ้นรถไฟก่อนจะโบกมือลาเธอทั้งน้ำตา
ความรู้สึกผิดถาโถมใส่เขาไม่หยุดที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ การให้หลานสาวไปเริ่มต้นชีวิตใหม่คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
เจียซิน เดินขึ้นขบวนรถไฟไปยังตู้พิเศษตามที่เจ้าหน้าที่ได้บอกเอาไว้
" ขออนุญาตตรวจตั๋วด้วยครับ "
เจ้าหน้าที่ประจำตู้พิเศษขอตรวจตั๋วรถของหญิงสาว เธอจึงรีบส่งให้ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
" เชิญฝั่งนั้นครับ ห้องของคุณเป็นห้องพิเศษ 2 หากมาคนเดียวก็ล็อกประตูได้เลยนะครับจะได้ปลอดภัย "
เจ้าหน้าที่เห็นเธอมาเพียงคนเดียวจึงแนะนำไปแบบนั้น การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลานานหลายวันหากใครที่มาคนเดียวย่อมเป็นเป้าหมายของโจรขโมยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่งยิ่งอันตรายขึ้นอีกหลายเท่า
" ขอบคุณจ้ะพี่ชาย "
เจียซินรีบเข้าไปยังห้องพิเศษของตนเองแล้วปิดล็อกประตูอย่างมิดชิด
ห้องนี้สามารถนั่งได้ ไม่เกิน 4 คน แต่ตอนนี้มีเธอเพียงคนเดียวจึงรู้สึกเงียบเหงาอยู่ไม่น้อย แต่ก็เป็นการดีที่เธอมีเวลาคิดทบทวน ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไงและจะไปทำอะไรต่อดี
ตอนนี้สถานการณ์ บ้านเมืองดีขึ้นหน่อยแล้วแต่ สินค้าจำพวกอาหารและเนื้อสัตว์ยังคงหาซื้อยากและมีราคาแพงอยู่
พอรถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เจียซินจึงลองเข้าไปภายในมิติด้วยตัวเอง เธอหลับตาลงแล้วนึกถึงภายในมิติจิต ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นดูว่าสำเร็จหรือไม่
" เข้ามาได้จริง ๆ ด้วย "
หญิงสาวเดินสำรวจดูบริเวณโดยรอบ ว่ามีอะไรที่เธอสามารถนำไปใช้ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้บ้าง มือเรียวจุ่มลงในธารน้ำมรกตที่กำลังไหลเอื่อย ๆ เธอไม่อาจรู้ว่าธารน้ำวิเศษแห่งนี้ไปสิ้นสุดที่ใด
" ไปเดินดูผักสักหน่อยดีกว่า ว่ามีผักอะไรบ้าง "
เจียซินเดินเข้าไปในสวนผักที่เขียวชอุ่มอวบอิ่ม เธอมองเห็นหัวไชเท้าและแครอทที่ปลูกเรียงรายอยู่ หัวของมันดูอวบอ้วนน่ากินอยู่ไม่น้อย
" เอ๊ะ หรือว่าเราจะใช้ของพวกนี้ทำอาหารขายดีนะ ผักก็มีตั้งหลายชนิด "
สายตาของหญิงสาวหันไปเห็นกะหล่ำปลี ผัดกาดขาว คะน้า ผักบุ้งอีกมากมาย ผักทุกอย่างสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในนี้เพื่อคอยดูแลรดน้ำด้วยซ้ำ
เจียซินตัดสินใจได้ทันที ว่าอาชีพใหม่ของเธอคือการทำอาหารขาย จากวัตถุดิบที่มีอยู่ภายในมิติจิตแห่งนี้
" นั่นมันต้นแอปเปิลนี่นา ขอลองชิมหน่อยแล้วกัน "
หญิงสาวรีบเดินเข้าไปยังต้นแอปเปิลที่มีผลสีแดงอมชมพูดูน่ากิน เธอเอื้อมมือไปเด็ดแอปเปิลที่อยู่บนต้นที่ไม่สูงสักเท่าไหร่ลงมากัดกินไปหนึ่งคำ เจียซินเพลิดเพลินกับรสชาติที่หวานกรอบของแอปเปิลจนไม่ทันสังเกตว่ามีแอปเปิลลูกใหม่ขึ้นมาทดแทนลูกที่เธอเด็ดออกไปแล้ว
ก๊วบบบ
" อื้อ หวานอร่อย ผลไม้อะไรทำไมถึงอร่อยได้ขนาดนี้นะ "
เจียซินกัดกินแอปเปิลลูกนั้นต่อจนหมดด้วยใบหน้าที่เป็นสุข นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กินของอร่อย หากจำไม่ผิดคงเป็นตอนที่พ่อกับแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่
เจียซินรีบสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนที่เธอจะเดินตรงไปยังกระท่อมเล็กกลางสวน
" กระท่อมนี้มีอะไรกันนะ หนูขอเข้าไปดูหน่อยนะคะท่านตา "
เจียซินเอ่ยขอ ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไปดูว่าด้านในมีอะไรอยู่บ้าง
แอดดดด
เมื่อเจียซินเดินเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กกลางสวน ด้านในมีบรรยากาศเรียบง่ายและอบอุ่น ผนังก่อด้วยไม้กระดาน หลังคามุงด้วยหญ้าแห้ง
แต่ด้านในตัวกระท่อมกลับมีเตียงนอน หมอน ผ้าห่มอยู่อีกมุมหนึ่งของกระท่อม บนโต๊ะติดหน้าต่างมีเนื้อหมูสด ๆ ก้อนใหญ่ประมาณ 5 ชั่ง มีทั้งเนื้อแดง หมูสามชั้นและไข่ไก่วางอยู่ ถัดไปมีถังข้าวสารขนาดใหญ่ด้านในบรรจุข้าวสารเต็มถังตั้งอยู่
" นะ นี่มันอะไรกัน "
เจียซินเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เนื้อหมูไม่มีกลิ่นคาวออกมาแม้แต่น้อย เธออดสงสัยไม่ได้ว่าหากนำไปทำอาหารเนื้อหมูจะมีรสชาติเป็นอย่างไร
" สมกับเป็นสถานที่วิเศษจริง ๆ "
เจียซินใช้เวลาอยู่บนรถไฟทั้งหมด 7 วัน กว่าจะมาถึงเซี่ยงไฮ้ ถิ่นฐานบ้านเดิมที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่ก่อนเกิดการปฏิวัติ
เมื่อลงจากรถไฟมาได้เธอก็เดินไปหน้าสถานีรถไฟ แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าตนเองจะต้องไปตั้งหลักที่ไหนทำอะไรก่อนแต่สิ่งแรกที่เธออยากไปดูคือบ้าน
บ้านที่ครั้งหนึ่งเธอเคยอยู่อาศัยกับพ่อและแม่สถานที่ ที่มีความทรงจำดี ๆ ของเธออยู่ในนั้น
" พี่ชายไปทำตามที่อยู่นี้จ้ะ "
เจี่ยซินเห็นสามล้อถีบอยู่ไม่ไกล เธอจึงเดินเข้าไปหาและเอาที่อยู่เก่าของครอบครัวเธอที่จดไว้ในกระดาษยื่นให้ชายเจ้าของสามล้อถีบดู
หญิงสาวมั่นใจว่าเธอจำบ้านหลังนั้นได้แน่นอน แต่เส้นทางภายในเมืองใหญ่แห่งนี้ วันเวลาผ่านไปถึง 12 ปีแล้ว เธอจึงไม่อาจจำได้ทั้งหมดค่ะ ซึ่งตอนนั้นเธอก็มีอายุเพียง 12 ปีก่อนจะถูกส่งตัวไปอยู่ที่ต่างเมือง
" น้องสาวจะไปทำอะไรแถวนั้น ที่นั่นมันมีแต่บ้านร้างทั้งนั้นเลยนะ "
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามเจียซินด้วยความสงสัย ละแวกนั้นเมื่อหลายปีก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นที่มีฐานะ
หลังจากเกิดสงครามกลางเมืองในช่วงที่มีการปฏิวัติ กลุ่มคนที่ต่อต้านส่วนใหญ่ที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นถูกจับตัวไปสถานกักกันเพื่อปรับทัศนคติใหม่ แต่ไม่มีใครเหลือรอดกลับมาสักคน
หมู่บ้านแห่งนั้นจึงกลายเป็นหมู่บ้านรกร้างเพราะไม่มีคนดูแลและอยู่อาศัย
" ไปเถอะจ้ะพี่ชาย ฉันแค่อยากไปดูอะไรสักหน่อย "
" มา ๆ ขึ้นมาเลยน้องสาว ค่ารถ 3 เหมานะ "
" ได้จ้ะ "
พูดจบเจียซินก็เดินขึ้นไปนั่งบนสามล้อทันที เมื่อเธอนั่งเรียบร้อยแล้วชายเจ้าของรถก็ปั่นจักรยานพาเธอมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชานเมืองตามที่อยู่ทันที
" พี่ชายพอจะมีที่พักถูก ๆ แนะนำไหมจ๊ะ ฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับสามี แต่ยังไม่มีที่พักเลยจ้ะ "
ระหว่างที่อยู่บนสามล้อปั่นเจียซินก็ถามหาที่พักไปด้วย แต่เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนเองอยู่คนเดียวจึงพูดออกไปแบบนั้น
" ถ้าเป็นห้องเช่าถูก ๆ ก็จะอยู่หลังตลาดสดแต่ว่าห้องมันเล็กมากเลยนะ ถ้าน้องสาวอยู่กับสามี 2 คนก็น่าจะอยู่ได้ทน ๆ ไปก่อน ทำงานมีเงินค่อยขยับขยายใหม่ "
ชายเจ้าของสามล้อปั่นรีบให้คำแนะนำแก่ลูกค้าทันทีไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องเป็นคนพาเธอไปดูห้องพักแห่งนั้นก็ได้
" หลังตลาดเหรอจ๊ะ ได้อย่างนั้นก็ดีสิพี่ชาย เดี๋ยวเสร็จจากธุระแล้วพี่ชายช่วยพาฉันไปดูที่นั่นหน่อยนะจ๊ะ "
เจี่ยซินคิดว่าคงจะเหมาะไม่น้อยหากเธอจะทำ กับข้าวขายแล้วยังมีห้องพักอยู่ใกล้ ๆ ตลาดเวลาไปซื้อของจะได้สะดวกหน่อย ตอนนี้เธอต้องสำรองเงินไว้ก่อน แม้ว่าจะเป็นห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็ไม่เกี่ยง
" ได้ ๆ เดี๋ยวเสร็จธุระตรงนี้แล้วเราค่อยไปต่อเลย " 15 นาทีต่อมาสามล้อปั่นก็เร็วเข้าซอยตามที่อยู่ในกระดาษ
" หลังไหนหรือน้องสาวพอจะจำได้ไหม " เจ้าของสามล้อเอ่ยถามเจียซินในระหว่างที่กำลังปั่นเข้าซอยไปเรื่อยๆ
" ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะเป็นหลังข้างหน้าจะพี่ชาย " เจียซินชี้เป้าหมายของเธอให้ เจ้าของสามล้อจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
เอี๊ยดดดดดด
เจ้าของสามล้อรีบหยุดรถทันทีที่เคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านหลังที่หญิงสาวบอก
เจียซินลงจากสามล้อแล้วยืนมองบ้านที่เหลือแต่เค้าโครงเดิม สภาพบ้านผุพังไปตามกาลเวลา กระจกประตูหน้าต่างทั้งหมดล้วนแตกหักหลุดออกจนไม่สามารถใช้งานได้
ภาพความทรงจำระหว่างเธอและพ่อแม่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอแม้จะเลือนราง แต่ก็ยังไม่จางหาย
" พี่ชายรอฉันตรงนี้สักครู่นะจ๊ะเดี๋ยวฉันออกมา "
คนชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับหญิงสาวแม้นเขาจะสงสัยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรออกไป
เจียซินเดินเข้าไปในตัวบ้าน มีกิ่งไม้ใบไม้มากมายที่ถูกพัดเข้ามาทับถมกันอยู่ โต๊ะเก้าอี้ตัวเก่าที่เธอเคยนั่งยังคงตั้งอยู่ที่เดิม แต่สภาพผุพังไปตามกาลเวลา
หญิงสาวเดินเข้าไปดูในห้องนอนของพ่อแม่ของเธอ เธอจำได้ว่าพ่อและแม่ของเธอเก็บของสำคัญไว้ในช่องลับใต้ตู้เสื้อผ้า
เจียซินรีบเดินตรงไปใช้แรงทั้งหมดที่มีเลื่อนตู้เสื้อผ้าที่ผุพังออก ก่อนจะใช้เหล็กแถวนั้นงัดแผ่น กระเบื้องขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในช่องนั้นหรือไม่
ก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปต่างเมืองพ่อและแม่ของเธอเคยบอกเอาไว้ว่าของสำคัญของครอบครัวและเอกสารต่าง ๆ ถูกเก็บอยู่ในช่องลับแห่งนี้