เอาคืน : 1.3

1025 Words
"เจ้าไม่เป็นอะไรมากนะ" อี้เฟยวางซูเหยาไว้บนตั่งนั่งที่ศาลาริมน้ำ คราแรกเขาตั้งใจจะพานางไปส่งที่กระโจมของนาง ทว่าซูเหยาขอออกมานั่งสูดอากาศหายใจด้านนอกแทน "หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ" แค่กัดปากตนเองเพื่อให้เขาสงสารและป้ายความผิดให้เจินซู่เท่านั้น นางรู้สึกสะใจเสียมากกว่าเจ็บอีก "เจ้าไปนำน้ำอุ่นกับผ้ามา" อี้เฟยหันมาสั่งสาวใช้ของฟ่างเซียนเซียน "เพคะ" อาถังน้อมรับคำสั่งก่อนจะเร่งเดินออกจากศาลาตรงนี้ "ข้าไม่คิดว่าเทียนฮูหยินจะกล้าทำร้ายเจ้า" แม้ฟ่างเซียนเซียนจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงของเทียนเจินซู่ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจินซู่จะมีจิตใจโหดร้ายกล้าทำร้ายสายเลือดของเสวียนสวี่ในค่ายทหารแห่งนี้ "จะโทษฮูหยินรองฝ่ายเดียวคงมิได้ เป็นข้าเองที่ทำร้ายพี่รองก่อน" ซูเหยาเล่าพร้อมใบหน้าที่สลดลง "เจ้าทำร้ายเจินเม่ยด้วยเหตุใด" อี้เฟยจ้องสตรีตรงหน้าอย่างใคร่รู้ "พี่รองจะทำร้ายอาถัง หม่อมฉันเลยจำเป็นต้องปกป้องบ่าวข้างกาย" "เหตุใดเจินเม่ยต้องทำร้ายสาวใช้นางนั้น" "เพราะเรื่อง..." ซูเหยาทำท่าทีอึกอัก ทั้งอยากพูดแต่สีหน้ากลับหวาดระแวง "หากเชื่อใจข้าก็พูดออกมาเถิด" สายตาของอี้เฟยบ่งบอกว่าเขาจะปกป้องนางเองทำให้วูบหนึ่งหัวใจซูเหยากลับหวั่นไหว แต่เป็นเพียงชั่วเวลาขณะหนึ่งเท่านั้น "หม่อมฉันแค่เล่าเรื่องที่ถูกโจรดักปล้น แต่พี่รองกลับพูดจาเลือดเย็นอยากให้โจรนั้นฆ่าหม่อมฉันเสีย อาถังเลยพูดปกป้องหม่อมฉันจนเกือบถูกพี่รองสั่งสอน" ซูเหยาเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้านางก้มมองแต่พื้นเพราะมิกล้าสู้หน้าอี้เฟย "ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าในสกุลฟ่างเป็นเช่นไรกันแน่" อี้เฟยพึมพำออกมาเบา ๆ เขามองสตรีตรงหน้าที่ดูเหมือนอ่อนแอแต่ก็ไม่ทั้งหมด เหมือนนางมีความลับอะไรบางอย่างแอบซุกซ่อนไว้มากกว่า "น้ำอุ่นมาแล้วเจ้าค่ะ" อาถังยกกะละมังไม้เนื้อดีที่บรรจุน้ำอุ่นพร้อมผ้าผืนเล็กเข้ามา "เจ้ามีอะไรไปทำก็ไปเถอะ" ซูเหยาเหลือบตามองอี้เฟยที่สั่งสาวใช้นางเงียบ ๆ "เพคะ" แม้จะอยากอยู่ดูแลคุณหนูนาง แต่พอเห็นว่าองค์ชายสามเอ่ยเช่นนั้นนางได้จึงถอยออกห่างศาลาแห่งนี้ไป "พระองค์มีเรื่องสำคัญจะคุยกับหม่อมฉันหรือเพคะ" ซูเหยาลอบสังเกตเห็นท่าทางอี้เฟยเหมือนมีความในใจและการที่เขาไล่สาวใช้นางออกไปทำให้ซูเหยามั่นใจว่าอี้เฟยต้องมีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับนาง "หันหน้ามานี่ก่อน" มือหยาบกร้านที่จับแต่ดาบและสายบังเ**ยนม้าเอื้อมไปหยิบผ้าผืนเล็กจุ่มลงในน้ำอุ่น บิดพอหมาดแล้วเรียกสตรีตรงหน้าให้ทำตามคำสั่งเขา "หม่อมฉันทำเองเพคะ" ซูเหยาไม่สบายใจที่ต้องให้บุรุษเช่นเขามาจับเนื้อต้องตัว แม้ไม่ใช่เนื้อหนังของนางจริง ๆ แต่ตอนนี้นางครอบครองร่างกายนี้อยู่ คนที่รู้สึกถึงสัมผัสจากกายนี้ก็คือนาง "อย่ารั้น" เหตุใดแค่ค้านเล็กน้อยก็หาว่านางดื้อรั้นกัน แต่มองจากแววตาบุรุษตรงหน้าแล้ว อี้เฟยคงไม่ยอมถอยง่าย ๆ หากนางไม่ยอมทำตาม ซูเหยาค่อย ๆ หันใบหน้าข้างที่มุมปากที่ปริแตกให้อี้เฟยได้ทำความสะอาดแผลให้สะดวก ๆ "ข้าทำเจ้าเจ็บ" ซูเหยาแสร้งสูดปากแสดงความเจ็บแสบออกมาทำให้มือหนาชะงักเล็กน้อยเพื่อดูอาการของนาง "เปล่าเพคะ หม่อมฉันแค่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากบุรุษผู้อื่น" "ข้าจะเป็นบุรุษอื่นได้เยี่ยงไรในเมื่อตอนนี้เรากำลังเรียนรู้ใจกัน" อี้เฟยเอ่ยถึงข้อเสนอของซูเหยาก่อนหน้านี้ "นั่นสิเพคะ พระองค์จะเป็นบุรุษอื่นได้เยี่ยงไร" เสียงนางอ่อนหวานดูเคอะเขินขึ้นทันตา อี้เฟยมองเห็นทางหางตาว่ามีคนอื่นยืนมองพวกเขาอยู่ คนผู้นั้นคือเจินเม่ย "องค์ชายมียาแก้ฟกช้ำใช่หรือไม่เพคะ" นางได้กลิ่นสมุนไพรที่คัวอี้เฟย อีกอย่างบุรุษที่ออกสนามรบบ่อยครั้ง ซ่อมกระบี่ยิงธนูบ่อยหนย่อมพกยาเหล่านั้นติดตัวเป็นแน่ อี้เฟยได้ยินคำถามจึงหยิบขวดยาที่พกไว้ในผ้าคาดเอวออกมา "องค์ชายช่วยทายาให้เซียนเอ๋อร์ได้ไหมเพคะ" เสียงออดอ้อนดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อจากอาการเขินอาย อี้เฟยเป็นคนฉลาด เขาจึงเดินตามแผนการนั้นของซูเหยาอย่างไม่ขัดข้อง มือหนาแตะผงยาสีนวลที่ปากขวดก่อนจะเอามาจรดลงเบา ๆ ที่มุมปากช้ำเลือดของซูเหยา สายตาสองคู่ประสานกันอย่างไม่รู้ตัว ผ่านไปชั่วขณะทั้งสองจึงได้สติจากเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น "หม่อมฉันคงมาผิดเวลากระมัง" เสียงเจินเม่ยเหมือนรู้สึกผิด ทว่าแววตาของนางกลับถลึงจนแทบจะถลนออกมายามมองซูเหยาใกล้ชิดบุรุษของนาง ซูเหยาแสร้งทำตัวสั่นเมื่อด้านหลังนางมีร่างของเจินซู่ปรากฎขึ้น "ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว" อี้เฟยโอบกอดร่างเล็กที่แสดงความหวาดกลัวได้แนบเนียนเข้ามาสู่อกอุ่น สองแม่ลูกแทบจะถลาเข้ามากระชากหนังศีรษะศัตรูหัวใจของบุตรสาวให้หายแค้นใจหากแต่ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้ "หม่อมฉันมาเพื่อดูบาดแผลของเซียนเอ๋อร์" เจินซู่กล่าวราวสำนึกผิด "ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฮูหยินรองอย่ารู้สึกผิดเลยเจ้าค่ะ" ซูเหยาตอบนางทั้ง ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของอี้เฟย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD