“กรี๊ด!!”
เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของสาวใช้ในเรือนหลานฮวาดังลั่น ส่งผลให้บรรดาบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงวิ่งแตกตื่นมาตามต้นตอของเสียง
“อาถังเจ้าเป็นอันใด”
สาวรับใช้นางหนึ่งที่วิ่งตามเสียงร้องเข้ามาคนแรกถามไถ่กับสาวรับใช้คนสนิทข้างกายเจ้าของเรือนหลานฮวาแห่งนี้
“ค..คุณหนู คุณหนูสาม”
ดวงตาเล็กเบิกกว้าง สีหน้าอาถังซีดเผือดด้วยอาการตกใจจนถึงขีดสุด ได้แต่ยกมือที่สั่นเทาชี้ไปด้านหน้าที่เป็นเตียงไม้สี่เสามีม่านสีสดใสทำจากผ้าเนื้อดีมัดไว้อย่างเรียบร้อย
บนเตียงนุ่มนั้นมีร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งนอนหงายอยู่
หากมองเพียงผิวเผินเหมือนสตรีผู้นั้นกำลังหลับสู่ห้วงนิทรา ทว่ามือข้างหนึ่งกลับตกออกมาจากเตียงกว้างตามแรงโน้มถ่วง ใบหน้าสวยเรียวไร้เลือดฝาดเอียงมาทางสาวใช้ที่ห้อมล้อมมุงดู ริมฝีปากบางเริ่มขึ้นสีคล้ำมองอย่างไรคนผู้นี้ก็ไร้ลมหายใจแล้ว
"ตามท่านหมอเร็วเข้า"
เสียงทุ้มกังวาลของพ่อบ้านกุ้น พ่อบ้านประจำจวนฟ่างตะโกนสั่งบ่าวรับใช้
ทุกคนดูวุ่นวายและแตกตื่นกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนทำอันใดไม่ถูก
"อาถังเจ้าเข้าไปดูอาการคุณหนูสามเร็วเข้า"
พ่อบ้านกุ้นสั่งสาวรับใช้คนสนิทที่ยังคงสติแตกตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้น
เมื่อได้ยินคำสั่งพ่อบ้านใหญ่อาถังรีบตั้งสติคลานอย่างทุลักทุเลเข้าไปบีบนวดคุณหนูของนาง
"วุ่นวายอันใดกัน"
เสียงเล็กแหลมของผู้มาใหม่ดังขึ้น
การแต่งกายหรูหราราวนางพญา แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าด้วยเครื่องประทินโฉมจนขาวโพน คิ้วเรียวถูกลงสีน้ำตาลเข้มให้ดูโก่งโค้งได้รูป ริมฝีปากแต้มสีแดงโดดเด่นขับให้ทั้งดวงหน้าสวยร้ายอย่างมิปิดบัง
"ฮูหยินรอง"
บ่าวรับใช้ทั้งหมดทำความเคารพฟ่างฮูหยินรองอย่างพร้อมเพียง
เจินซู่กวาดสายตามองฐานกำนันที่ต่ำต้อยในสายตานางอย่างลวก ๆ ก่อนจะลากสายตาเฉี่ยวคมดุดันไปยังเตียงสี่เสากลางห้อง
"เสี่ยวเซียน!"
มือที่แต่งแต้มสีตามเล็บยกขึ้นทาบอกคล้ายตกใจ ทว่าหากมีคนช่างสังเกตจะเห็นว่ามีรอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากร้ายนั้นเล็กน้อย
"ฮูหยินรองอย่าเพิ่งตกใจ ข้าให้บ่าวในจวนไปตามหมอแล้ว"
พ่อบ้านกุ้นรายงานเสียงสั่นเครือ ทั้งตกใจกับสภาพคุณหนูสามทั้งหวาดกลัวต่อคนตรงหน้าที่ไม่รู้จะมาร้ายหรือดีกับเจ้าของเรือนหลานฮวาแห่งนี้
"ตามหมอ? สภาพเช่นนี้เจ้ายังให้คนไปตามหมองั้นรึ ควรจะไปซื้อโลงมาใส่นางมากกว่า"
คุณหนูรองเจินเม่ยที่เพิ่งมาถึงเอ่ยอย่างมิได้มีความตกใจหรือเสียใจกับคนที่นอนแน่นิ่งบนเตียงสักนิดเดียว
เหตุเพราะว่า บุตรีต่างมารดาทั้งสองนางมิถูกกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ฟ่างเซียนเซียนหรือคุณหนูสามเป็นบุตรีของฮูหยินเอกเหวินเหม่ยเซียวกับฟ่างเสวียนสวี่ ทำให้เจินซู่ที่ถูกตบแต่งเข้ามาทีหลังเกลียดชังลูกเลี้ยงนางนี้เป็นที่สุด ส่งผลให้เจินเม่ยบุตรสาวของตนเกลียดน้องเล็กอย่างฟ่างเซียนเซียนตามมารดาไป
"เหตุใดคุณหนูรองกล่าวเช่นนั้นเจ้าคะ"
อาถังที่รักคุณหนูสามราวน้องสาวแท้ ๆ เอ่ยขัดเมื่อสิ่งที่เจินเม่ยกล่าวมาช่างอัปมงคลเสียจริง
"ข้าพูดอันใดผิด นางไม่หายใจมาตั้งห้าชั่วยามแล้ว แม้แต่หมอเทวดายังช่วยไม่ได้เลย"
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างหันมองหน้าเจินเม่ยอย่างพร้อมเพียง
"เหตุใดคุณหนูรองถึงกล่าวว่าห้าชั่วยามเจ้าคะ"
อาถังเช็ดคราบน้ำตาออกพร้อมจ้องหน้าคุณหนูรองของจวนฟ่างอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกลงโทษ
เช้านี้อาถังเข้ามาเตรียมปลุกฟ่างเซียนเซียนไปอาบน้ำเพราะเลยเวลาไปถึงหนึ่งถ้วยชาแล้วแต่คุณหนูที่แสนตรงเวลาของนางมิเรียกหาจึงเร่งมาดู จนเห็นสภาพฟ่างเซียนเซียนเข้า
ผิดกับเจินเม่ยที่เพิ่งเข้ามาที่ห้องนี้สายตายังมิทันผินมองคนบนเตียงให้ทั่วถึงกลับคาดเดาสภาพของคนบนเตียงราวกับรู้เห็นว่าฟ่างเซียนเซียนอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่เวลาใด
"เม่ยเอ๋อร์ก็แค่คาดเดา พวกเจ้าแหกตาดูปากนางสิ เริ่มจะคล้ำแล้วแปลว่านางไม่หายใจนานแล้วก็เท่านั้น!"
เจินซู่รีบแก้ต่างให้บุตรสาวพร้อมหยิกเข้าที่ด้านหลังเจินเม่ยเล็กน้อยเป็นการลงโทษที่พูดจาไม่ระวัง
"เกิดอะไรขึ้น!"
เสียงกังวาลอันทรงพลังของฟ่างเสวียนสวี่ผู้นำตระกูลฟ่างที่เพิ่งกลับมาจากค่ายทหารส่งเสียงถาม
"ทะ ท่านพี่ ท่านมาได้เยี่ยงไร"
เจินซู่ปากซีดตัวสั่นเทาทว่าเก็บอาการได้ในเวลาต่อมา นางรีบปรี่เข้าไปควงแขนล่ำสันภายใต้ชุดนักรบทว่าไร้เกราะอีกทอดอย่างแนบแน่น
"เซียนเอ๋อร์ นั่นเซียนเอ๋อร์เป็นอะไร"
ฟ่างเสวียนสวี่ แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวงถังเหลียนตวาดถาม พลางรีบเดินไปยังเตียงที่มีร่างของบุตรสาวนอนแน่นิ่งอยู่
"คือว่า... นายท่าน คุณหนูสาม..."
อาถังหลบให้เสวียนสวี่เข้าไปดูอาการบุตรสาวพลางรายงานเสียงตะกุกตะกักพร้อมเสียงสะอื้นไห้
"มีใครตามหมอหรือยัง!"
ฟ่านเสวียนสวี่ตะเบ็งเสียงถามอีกครั้ง สองมือกุมมือแน่งน้อยของบุตรสาวเอาไว้อย่างเป็นห่วง
เหตุใดครั้งนี้ตัวนางถึงได้เย็นยะเยือกเช่นนี้ มิเห็นจะเหมือนทุกครั้งที่นางมีสภาพเช่นนี้แต่ร่างกายยังอบอุ่นอยู่ หัวใจผู้เป็นบิดาเกิดสั่นกลัวขึ้นมาทันที
"ครั้งนี้เซียนเอ๋อร์ของเรานางคง..."
เจินซู่เอ่ยเสียงอึกอักพร้อมมีก้อนสะอื้นออกมาเล็กน้อย ช่างต่างจากบทบาทก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิงที่ทั้งเย็นชาและไร้น้ำตาเช่นตอนนี้
"เจ้าจะพูดอะไร เซียนเอ๋อร์ต้องกลับมา นางเคยกลับมาแล้วตั้งหลายครั้ง"
แม้ลึก ๆ เสวียนสวี่จะสิ้นหวังไปแล้ว ทว่าอีกใจกลับยังอยากลองมีความหวัง เพราะอาการเช่นนี้ฟ่างเซียนเซียนใช่ว่าจะเพิ่งเคยเป็น ร่างกายนางอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด โรคประหลาดอย่างหัวใจอ่อนแรงจึงติดตัวนางมา ฟ่างเซียนเซียนเคยเหมือนคนตายแล้วฟื้นกลับมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เด็กจนโต