"เหตุใดเจ้าถึงกล่าวว่าไม่กล้าเอ่ยปาก เป็นทหารต้องซื่อสัตย์ ซื่อตรง มิใช่หรือไร"
เสียงอี้ซินดุดันขึ้น ทำเอาทหารนายนั้นนั่งคุกเข่าก้มหัวราบกับพื้นด้วยความสั่นเทิ้ม
"กระหม่อมมิกล้าเล่าจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ"
เสียงทหารผู้นี้สั่นราวคนใจเสาะ
ฟ่างเสวียนสวี่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่าการพลัดตกน้ำจากอุบัติเหตุแน่นอน
"คือว่า..."
นายทหารคนเดินยังคงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยากเล่าเรื่องทั้งหมดแต่ก็กลัวจะหาว่าเขาใส่ร้ายฮูหยินของแม่ทัพ
"เจ้ามิต้องหวาดกลัว ข้าสัญญาจะไม่ให้ผู้ใดลงโทษเจ้า"
อี้ซินออกหน้ารับรองความปลอดภัยให้ทหารต้อยต่ำเชื่อมั่น ทหารนายนั้นจึงค่อย ๆ เงยหน้าแล้วเริ่มเล่าความจริงออกมา
"ค...ความจริงแล้ว คุณหนูสามถูกฮูหยินทำร้ายร่างกายก่อนจะพลัดตกน้ำไปทั้งคู่พ่ะย่ะค่ะ"
สิ่งที่ได้ยินจากปากทหารหนุ่มนายนี้ทำเอาเสวียนสวี่กำมือแน่น ข่มกัดฟันอยากกักกั้นความกรุ่นโกรธเอาไว้
"เจ้าพูดเรื่องจริง"
"กระหม่อมมิกล้าโกหกต่อหน้าพระพักตร์องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"
ถ้อยคำตอบกลับนั้นหนักแน่นมีความน่าเชื่อถือ
"ท่านแม่ทัพคิดเช่นไร"
อี้ซินหันมาถามความเห็นของฟ่างเสวียนสวี่ที่นั่งเงียบแต่แววตากลับแดงก่ำ
"ข้ายืนยันว่าเรื่องที่ทหารนายนั้นเล่าคือเรื่องจริง"
เสียงบุคคลมาใหม่ดังขึ้นที่หน้ากระโจม ก่อนจะปรากฎร่างกำยำของไป๋เจิ้นหยางเดินเข้ามาพร้อมอาถังสาวใช้ฟ่างเซียนเซียน
"ท่านนี้คือ"
"ถวายบังคมองค์ชาย ข้าไป๋เจิ้นหยางศิษย์ร่วมสำนักเกาอี้เฟยพ่ะย่ะค่ะ"
ไป๋เจิ้นหยางยกมือสองข้างประสานกันระดับอกพร้อมกับค้อมหัวลงเล็กน้อย
"ที่แท้ก็องค์ชายไป๋แห่งแคว้นไป๋นี่เอง"
"ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์ชายทรงรู้จักข้าด้วย"
"เหตุใดข้าจะไม่รู้จักท่าน ศิษย์คนโตของสำนักเขียวขจีผู้ฝึกเคล็ดวิชาได้เก้าเคล็ดวิชาเพียงแค่สิบวัน"
ที่อี้ซินกล่าวมาล้วนถูกต้อง
"องค์ชายทรงชมข้าเกินไปแล้ว เก้าเคล็ดวิชาที่ว่าเป็นเพียงแค่วิชาเอาตัวรอด มิใช่วิชาหายากอันใด"
"ถ่อมตัว ถ่อมตัว"
ไป๋เจิ้นหยางแย้มยิ้มออกไปพร้อมค้อมหัวให้เล็กน้อยเป็นการน้อมรับคำชมของอี้ซิน
"ว่าแต่เมื่อครู่ท่านบอกว่าที่ทหารนายนั้นเล่าเป็นเรื่องจริง ท่านเห็นกับตาหรือ"
องค์ชายห้าวนกลับเข้าเรื่องสอบสวนที่ค้างคาต่อ
"เจิ้นหยางมิได้เห็นกับตา ทว่าจากคำบอกเล่าของเหล่าทหารที่ข้าแอบไปถามก่อนมาที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่ฮูหยินรองกับแม่นางเซียนเซียนจะตกน้ำ พวกเขาเห็นทั้งสองคนมีปากเสียงกันหลังจากนั้นฮูหยินรองก็ปรี่เข้าไปทำร้ายแม่นางเซียนเซียนจนทั้งคู่พลัดตกน้ำไป"
ไป๋เจิ้นหยางเล่าสิ่งที่ตนไปตามสอบถามกับเหล่าทหารนายอื่นที่ไม่ได้ถูกเรียกเข้ามาในกระโจมแห่งนี้จนได้ความเท็จจริงจึงรีบมารายงานเสวียนสวี่
"เทียนเจินซู่"
ฟ่างเสวียนสวี่เอ่ยนามฮูหยินตนออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น หากแต่อี้ซินกลับเก่งเรื่องการอ่านปากผู้คนจึงจับใจความได้ เขาแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ต่อจากนี้
"ข้าว่าทางที่ดีเรารอให้คุณหนูสามตื่นก่อนดีหรือไม่"
องค์ชายอี้ซินยังคงไกล่เกลี่ยปัญหาด้วยความนิ่งสงบบ่งบอกถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดี ทำให้ทหารที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเหมาะกะบตำแหน่งรัชทายาทเป็นที่สุด
"อ้อ ที่ข้ามาเพราะมีอีกเรื่องจะแจ้งแก่ท่านแม่ทัพใหญ่"
ไป๋เจิ้นหยางเก็บพัดที่คลี่ไว้ด้วยการตบเพียงหนึ่งครั้งลงที่ฝ่ามือก่อนจะสบตากับเสวียนสวี่
"คุณชายไป๋ที่มีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้า"
"อาถัง"
ไป๋เจิ้นหยางเอียงหน้าเล็กน้อยเรียกอาถังที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังเขาให้ก้าวออกมา
"เจ้ามีเรื่องอันใดรีบเล่ามาเถิด"
อาถังคุกเข่านาบลงกับพื้นจรดหน้าผากลงกับพรมปูพื้นสีเข้ม
"อาถังถวายบังคมองค์ชายห้าอี้ซินเพคะ"
"ลุกขึ้นเถิด"
"ขอบพระทัย"
"ไหนเจ้ามีเรื่องอันใดจะแจ้งแก่แม่ทัพใหญ่ฟ่าง"
อี้ซินอยากรู้ใจจะขาดเรื่องวุ่นวายวันนี้มีอะไรน่าสนุกรอเขาอยู่อีกหรือไม่
"เรียนนายท่าน หลังจากที่ท่านหมอตรวจอาการคุณหนูเรียบร้อยแล้ว บ่าวได้ทำการเช็ดเนื้อตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนู พบว่าตามเนื้อตัวคุณหนูมีร่องรอยขีดข่วนรวมถึงรอยฟกช้ำภายใต้อาภรณ์ที่ปกปิดมากมาย เกรงว่าน่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายเจ้าค่ะ"
ฟ่างเสวียนสวี่ได้ยินสาวใช้ข้างกายบุตรสาวกล่าวมาเช่นนั้นยิ่งรู้สึกโกรธแค้นในอก
"รู้หรือไม่ สิ่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมด หากไม่ใช่ฝีมือฟ่างฮูหยิน เท่ากับว่าเจ้ากำลังใส่ร้ายฮูหยินของท่านแม่ทัพอยู่"
ตุ้บ!
อาถังรีบคุกเข่ากับพื้นก้มหน้าลงจนหน้าผากแทบจรดพื้นตัวสั่นเทา
"บ่าวมิกล้าใส่ร้ายฮูหยินรองเพคะ" เสียงนางสั่นเครือไม่ต่างจากหัวใจที่เต้นรัวเร็วเพราะกลัวจะถูกลงโทษ
"ทรงเย็นพระทัยก่อน อาถังเจ้ายังมีหลักฐานอยู่มิใช่หรือ เอาออกมาให้ท่านแม่ทัพและองค์ชายห้าดูสิ"
ไป๋เจิ้นหยางเตือนสติสาวใช้ที่เกือบลืมเรื่องสำคัญไป
อาถังรีบหยิบเอาของที่ว่าออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นมันให้กับองครักษ์ของฟ่างเสวียนสวี่
ทันทีที่เสวียนสวี่เห็นกำไลหยกที่เขามอบให้เจินซู่ในคืนเข้าหอถึงกับลืมตัวข่มความโกรธแค้นไว้ไม่อยู่ทุบกำปั้นลงกับตั่งน้ำชาข้าง ๆ จนพื้นไม้สั่นสะเทือน
"นั่นคือ..."