“ค่ะพ่อ” ดารินขานรับก่อนจะหยิบกระเป๋าถือยืนขึ้น
“ท่านจะออกไปข้างนอกอีกแล้วเหรอคะ” ดอกฟ้าขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะอีกฝ่ายเพิ่งจะกลับมาถึงหยกๆ ก็จะออกไปข้างนอกอีกแล้ว มันเป็นแบบนี้มาได้เดือนกว่าๆ เขาพูดกับเธอน้อยลง และไม่มีความสัมพันธ์บนเตียงอีกเลย
“ใช่ พอดีเพื่อนฉันกลับมาจากต่างประเทศน่ะ ว่าจะพารินไปแนะนำให้รู้จักสักหน่อย อาจจะกลับดึกนะ ไม่ต้องรอ” ธาดาหาข้ออ้าง
“ค่ะ” ดอกฟ้ารับคำเบาๆ พร้อมกับจ้องมองสองพ่อลูกเดินออกไปขึ้นรถที่ดิลกนั่งรออยู่
ยี่สิบนาทีต่อมา...ร้านกาแฟ
“วันนี้พ่อดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้” ดารินถาม หลังเริ่มสังเกตอาการของบิดาที่มีต่อดอกฟ้ามาได้สักพัก
“เฮ้อ...เอาเรื่องของลูกก่อน” คนที่เพิ่งไปเจอและพูดคุยกับเจ้าพ่อเขียดคา ที่เชียงใหม่มา บวกกับ...รับรู้เรื่องของดอกฟ้ามาได้สักพัก ก็ทำให้เครียดนิดๆ แต่กระนั้น ตนก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องที่จะเกิดในเร็วๆ นี้เพราะเราทุกคนล้วนมีกรรม อยู่ที่ว่าจะยอมชดใช้มันในรูปแบบไหน ซึ่ง...ไม่ว่าจะเร็วหรือช้ายังไง ทุกคนก็ล้วนต้องชดใช้อยู่ดี
“คือว่ารินอยากจะเปิดห้างสรรพสินค้าน่ะค่ะ โดยสร้างบนที่ดินแปลงข้างๆ บ้านของเรา” ดารินเอ่ยเข้าเรื่องทันทีเพราะรู้ว่าบิดาต้องรีบไปทำธุระต่อ
“นี่แม่มาเข้าฝันลูกหรือเปล่าเนี่ย?” ธาดาถามยิ้ม เพราะครั้งหนึ่งภรรยาก็เคยพูดเรื่องนี้กับตนมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตนก็เห็นด้วย แต่ไม่อยากให้บุตรสาวลำบาก จึงปัดที่จะสานต่อเรื่องสร้างห้างสรรพสินค้า ทั้งที่ที่ดินตรงนั้นเป็นทำเลทอง มีแต่คนเข้ามาขอซื้ออยู่ไม่ขาด แต่ตนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจึงบอกปฏิเสธไปทุกราย
“เปล่าค่ะ หนูประเมินจากสถานที่รอบๆ ของเราซึ่งมีทั้งบริษัท มหาลัย หอพักและคอนโดกระจายอยู่โดยรอบ” ดารินบอกด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงาน
“อืม...แม่ของลูกก็เคยบอกแบบนี้เหมือนกัน”
“พ่อหลับตาลงแล้วนึกภาพตามเล่นๆ ดูสิคะ ห้างสรรพสินค้า...สิรันปรียา มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ผู้คนได้เข้ามาเดินเลือกซื้อของกินของใช้ มีร้านอาหารอร่อยๆ เอาไว้รองรับความหิว มีร้านกาแฟเอาไว้ให้นักศึกษา พนักงานออฟฟิตและผู้คนทั่วไป ให้เข้ามานั่งดื่มผ่อนคลายตอนพักเบรก หรือคุยงาน” ดารินขยายภาพต่อ
“อืม...เข้าท่านะ” ธาดาอมยิ้มนิดๆ ที่เห็นดวงตาเป็นประกายของบุตรสาว
“และที่ขาดไม่ได้คือสถานที่รองรับเด็กๆ เวลาที่พ่อแม่อยากจะเดินเลือกซื้อของแบบชิลล์ๆ ก็ให้เอาลูกมาฝากไว้ที่ศูนย์รวมเครื่องเล่นที่ปลอดภัย แบบนี้แฮปปี้กันทุกฝ่ายค่ะ”
“มีแบบแปลนหรือยัง?”
“ยังค่ะ หนูกำลังปรึกษา เอ่อ...เพื่อนๆ อยู่ค่ะ” คนที่เคยเข้าไปปรึกษาคนหล่อไร้มารยาทค้างไว้ เอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะตั้งแต่วันนั้น...ก็ยังไม่ได้คุยกันเรื่องงานต่อ และเธอก็ยังไม่ได้ไปปรึกษาบริษัทอื่น
“มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะริน หากคิดที่จะลงทุนจริงๆนั่นแปลว่าเงินเก็บครึ่งหนึ่งของพ่อจะหายไป ไม่สิ! เงินที่จะเป็นของหนูในอนาคตต่างหาก” ธาดาบอกยิ้มๆ
“เงินหนู?” ดารินเอ่ยทวน
“ใช่! ถ้าพ่อตายจากไปวันไหน ลูกก็จะมีเงินใช้เดือนละห้าล้านบาทไป อีกหนึ่งร้อยปี ซึ่งลูกอยู่ได้แบบสบายๆ อยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้ก็ใช้เงินเดือนละไม่ถึงหนึ่งแสนบาทด้วยซ้ำ แต่หากลูกอยากจะทำมันจริงๆ พ่อก็ไม่ขัดอะไรนะ ”
“งั้นรินขอไปทำการบ้านเพิ่มก่อนนะคะ แล้วเราค่อยคุยกันใหม่อีกที”
“โอเคจ้ะ ไม่ว่าลูกจะทำหรือไม่ทำอะไรเลยในชีวิตนี้ โปรดรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า...ทรัพย์สินหรือทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของพ่อจะเป็นของหนูทั้งหมด” ธาดาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ละ...แล้วดอกฟ้าล่ะคะ” ดารินถามเผื่ออีกคน
“เขาได้เงินเดือนที่ดูแลพ่อทุกเดือนไปแล้ว” ธาดาบอกพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ
“นี่พ่อพูดจริงเหรอคะ” ดารินถามย้ำอย่างดีใจ เพราะตอนแรกก็กลัวว่าบิดาจะหลงดอกฟ้า และยกสมบัติให้กับอีกฝ่าย
“ก็จริงน่ะสิ” ธาดาบอกพร้อมกับหัวเราะขึ้นเบาๆ
“รักพ่อที่สุดเลย” ดารินขยับเข้าไปกอดบิดาอย่างดีใจ
“หึๆ ลูกจะนั่งที่นี่ต่ออีกไหม” ธาดาเอ่ยถามหลังพนักงานยกกาแฟแบบเย็นและร้อนที่สั่งเอาไว้ มาวางให้อย่างเงียบๆ แล้วเดินจากไป
“ค่ะ” ดารินที่ยังอยากจะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่ออีกสักพัก แล้วค่อยโทร. ให้คนขับรถมารับ เงยหน้าขึ้นตอบยิ้มๆ
“โอเค! งั้นพ่อจะเดินทางไปทำบุญต่อที่เชียงใหม่นะ ลูกอยู่ได้ใช่ไหม?” ธาดาบอกเรื่องสำคัญ
“ได้ค่ะ พ่อไปทำบุญให้แม่เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ชาติหน้าพ่อจะได้เกิดมาคู่กับแม่อีก”
“ชิ! ว่าแต่...พ่อมีปัญหาอะไรกับดอกฟ้าหรือเปล่าคะ” ดารินมองค้อนกับความหวานของบิดา ก่อนจะถามเรื่องที่แอบคาใจ