‘พ่อพร้อมไปทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วงกังวลทางนี้ แม่จะดูแลให้เอง’
‘แต่คุณอาหมอแนะนำให้พาหล่อนไปที่ศิริราชนะครับคุณแม่ อาการที่หล่อนเป็นอยู่ควรจะได้รับการรักษาจากคุณหมอที่เชี่ยวชาญ และผมก็เห็นมีเพียงแค่ศิริราชเท่านั้นที่จะช่วยหล่อนได้’
‘พ่อพร้อมแน่ใจรึที่จะพาหล่อนเข้าพระนคร ขนาดอยู่ในเรือนเรา หล่อนยังกรีดร้องเป็นบ้าบอได้ขนาดนี้ แล้วหากไปถึงพระนคร หรือแค่ที่สถานีรถไฟ หล่อนจะไม่สำแดงฤทธิ์จนก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้เราหรือลูก แม่ว่าให้หล่อนอยู่ทางนี้จะดีกว่า พ่อพร้อมไม่ต้องห่วงดอก แม่จะดูแลหล่อนเอง’
‘แต่คุณแม่ครับ’
‘หรือพ่อพร้อมไม่ไว้ใจแม่’
‘มิได้ครับ ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น’
‘ถ้าเช่นนั้นก็เอาตามที่แม่บอกนี่แหละ แม่จะอยู่ทางนี้ดูแลหล่อนให้เอง พ่อพร้อมไปทำงานให้สบายใจเถิด แม่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่เห็นลูกนกลูกกาตกยากแล้วจะฆ่าฟันเอาไปกินเสีย หากหล่อนวิปลาสจริง แม่ก็คงต้องเลี้ยงไว้เอาบุญ แต่หากหล่อนดีขึ้น แม่ก็จะให้พ่อพร้อมพาหล่อนไปรักษาที่ศิริราช พ่อพร้อมเบาใจเถอะ’
‘ผมขอบพระคุณคุณแม่มากครับ ที่เมตตาหล่อน’
‘แม่จะเมตตาหล่อนมากกว่านี้แน่ หากพ่อพร้อมจะรับปากแม่เรื่องหนึ่ง’
‘เรื่องใดหรือครับคุณแม่’
‘หากว่าแม่นุชไม่ได้เป็นเมียที่พ่อพร้อมลักซ่อนนำมาจากเมืองเหนือจริง พ่อพร้อมก็ต้องรับปากแม่ ว่าจะไม่คิดเกินเลยกับหล่อน รับปากแม่ได้หรือไม่’
นั่นคือสิ่งที่แม่ต้องการให้เขารับปาก แต่เขาถูกสอนให้ซื่อสัตย์กับตัวเองเสมอ คำพูดเป็นนายกายเป็นบ่าว เมื่อพูดสิ่งใดไปแล้วเขาย่อมต้องทำให้ได้ ทว่าสิ่งที่แม่ขอนั้น เขาทำไม่ได้เสียแล้ว เพราะคำว่า ‘ไม่คิดเกินเลย’ นั้น สั่นสะท้านหัวใจเหลือเกิน หัวใจที่เต้นตึกตักยามได้แนบชิดหล่อน และก็เป็นหัวใจดวงเดียวกับที่เต้นรัวเร็วเมื่อคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้แนบชิดอีกแล้ว จะมีความหมายใดตรงใจได้เท่า เขาคิด ‘เกินเลย’ ไปแล้ว
‘ว่าอย่างไรเล่าพ่อพร้อม รับปากแม่ได้หรือไม่ ว่าลูกจะไม่คิดเกินเลยกับหล่อน’
‘ไม่ได้ครับคุณแม่ สิ่งที่คุณแม่ขอ... ผมคิดไปแล้ว’
แม่พยักหน้าน้อยๆ และกล่าวอวยพรให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรต่อแต่แววตานั้นหมองลง แต่เขาก็เชื่อว่าแม่จะดูแลนิราวดีเป็นอย่างดีตามที่ท่านบอกไว้ และหากเขากับหล่อนมีวาสนาร่วมกันจริง หล่อนย่อมชนะใจแม่ได้อย่างแน่นอน
พ่อพร้อมกระชับกระเป๋าใบย่อมในมือก้าวขึ้นรถไฟ จุดหมายปลายทางอยู่ที่พระนคร เพราะสุดสัปดาห์นี้เขาต้องแสดงละครพูดสลับลำในเรื่อง ‘สาวเครือฟ้า’ ซึ่งบทบาทที่เขาได้รับก็คือ ‘ร้อยตรีพร้อม’ และในครั้งนี้เขารู้ตัวดีว่าการแสดงจะไม่เหมือนกับทุกครั้ง เพราะเดิมนั้นเป็นการรับบทบาทตามหน้าที่
แต่ครั้งนี้... การจากลา ความโหยหา และความคิดถึงเขาสัมผัสได้แล้วอย่างแท้จริง
สิ่งที่แตกต่างจากบทประพันธ์ก็คงเป็นแทนที่ร้อยตรีพร้อมจะความจำเสื่อมจำเครือฟ้าไม่ได้ แต่เรื่องราวของเขานั้นหล่อนเป็นฝ่ายความจำเสื่อมไม่รู้ว่าตัวเองมาจากที่ใด แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เขาก็จะเร่งฟื้นความทรงจำของหล่อนให้จงได้ เพื่อที่วันชื่นคืนสุขจะมาเยือนเขากับหล่อนในเร็ววัน
เขามั่นใจว่าสัมผัสดูดดื่มที่เกิดขึ้นคือสัญญาณว่า ‘แม่นุช’ เกิดมาเพื่อเขา และสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบย่อมก็คือสิ่งที่เขาตั้งใจนำมาพิสูจน์ เพื่อค้นหาที่มาของหล่อน
ดวงตาคมเข้มทอดมองผ่านช่องหน้าต่างรถไฟไปยังทิศทางเรือนที่จากมา นานหลายวันกว่าที่เขาจะกลับคืนเรือนบางขนากอีกครั้ง หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึงอะไรอะไรก็อาจคลี่คลาย
.
.
เรือนบางขนาก
ป้าอ้อยที่ยกสำรับอาหารออกมาจากห้อง เดินตรงไปยังระเบียงซึ่งมีแม่พิศนั่งรออยู่ วางสำรับบนตั่งด้านข้าง และนั่งลงรอคำสั่งของผู้เป็นนาย
แม่พิศชำเลืองมองและก็พบว่าอาหารไม่ได้พร่องลงเลยเสมือนคนที่อยู่ด้านในนั้นไม่ได้แตะเลยสักนิด
“ไม่กินข้าวกินปลาเลยหรือพี่อ้อย”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ไม่แม้แต่จะมองอิฉัน เรียกหลายครั้งก็เฉยเจ้าค่ะ”
แม่พิศมองไปยังประตูห้อง แววตาไม่พอใจอ่อนลง “แล้วอาการเป็นอย่างไรบ้างเล่า หยุดร้องไห้คร่ำครวญแล้วหรือยัง สติสตังดูเหมือนคนปกติหรือเปล่า”
ป้าอ้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่มองไปยังประตูห้องหอของคุณหลวงพร้อม ส่ายหน้าน้อยๆ แววตาอ่อนลงเช่นกัน
“ยังร้องไห้อยู่เลยเจ้าค่ะ แต่ไม่ได้กรีดร้องเสียสติเหมือนตอนที่ตื่นขึ้นมาใหม่ๆ คุณเธอนั่งชันเข่า น้ำตาไหลพรากพราก ไม่พูดไม่จาสักคำเจ้าค่ะ ส่วนสติจะเหมือนคนปกติหรือไม่นั้น อิฉันก็ไม่รู้ได้จริงๆ เจ้าค่ะคุณหญิง”
แม่พิศมองตรงไปยังประตูห้องหอของลูกชาย ชั่งใจว่าควรจะเข้าไปหรือไม่ เพราะเมื่อเช้าหลังจากพ่อพร้อมออกจากเรือนไปได้ครู่หนึ่ง หญิงแปลกหน้าที่ละเมอพร่ำเพ้อไขว่คว้าหาแต่พ่อพร้อมก็ตื่นขึ้นมา แค่ลืมตาหล่อนก็กรีดร้องเหมือนคนเสียสติ กระเถิบตัวไปจนชิดติดหัวเตียง ตัวสั่นงันงก
‘กรี๊ดดดดด... อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา! กรี๊ดดดดด... อย่าถูกตัวหนู! อย่า!’
หล่อนกรีดร้องไม่ให้ทุกคนเข้าใกล้ ยิ่งใครขยับ หล่อนก็ยิ่งกระเถิบจนแทบจะแทรกหัวเตียงเข้าไปอยู่แล้ว ก่อนที่แม่พิศจะรู้ถึงสาเหตุการกลัวนั้น เมื่อหญิงแปลกหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นยกมือไหว้ปลกๆ ราวกำลังเผชิญหน้าภูตผี
‘หนูกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนหนูเลย หนูจะทำบุญกรวดน้ำไปให้ หนูกลัวแล้ว...’