ตอนที่หนึ่ง
คุณอาจอมเผด็จการ
“อ๊า อู้ว... เสียวจัง หนุ่มน้อย เข้ามาลึกๆ เลยค่ะ อ๊า นั่นล่ะค่ะ เข้ามาอีก”
ภาพบนจอโทรทัศน์แอลซีดีขนาดใหญ่ทำให้คนสองคนที่อยู่ตรงหน้าจออ้าปากค้าง... ชายหญิงสี่คนเปลื้องผ้านัวเนียกันอยู่บนโซฟาและแนบชิดกันแบบสุดๆ ทั้งภาพซูมชัดอวัยวะที่ควรปกปิดเสียดสีกันระหว่างชายหญิงรวมทั้งเสียงสูดปากเหมือนกินพริกเผ็ดเป็นไร่ทำให้พราวดาวและนภัสคอแห้งผาก ดวงตาเบิกกว้าง
“นะ หนังอะไรเนี่ย ไหนเขียนว่าหนังบู๊ไง” พราวดาวหยิบกล่องใส่หนังในคอลเลคชันของพี่ชายของนภัสขึ้นมาดู
“ปิดก่อนเถอะ ดาว เสียงดังมาก เดี๋ยวมีคนได้ยินแล้วหาว่าเราดูเอง”
“แล้วรีโมตอยู่ไหน” พราวดาวถามเจ้าของบ้านที่เธออาสามาติวหนังสือให้ถึงบ้านหลังจากที่รู้จักและเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานนัก นภัสลุกขึ้นยืนมองหารีโมตเช่นกัน
ยังไม่ทันที่สองสาวจะหารีโมตพบ ประตูห้องก็เปิดผลัวะออกพร้อมกับเจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก้าวพรวดเข้ามาพร้อมกับดวงหน้าถมึงทึง
“นี่พวกเราทำอะไรกัน!”
เสียงเอ่ยถามแผดก้องจนคนที่หันรีหันขวางอยู่สองคนหันขวับมาทางต้นเสียง
พราวดาวหันไปเลิกคิ้วมองงงๆ ส่วนนภัสเบิกตากว้าง แข้งขาอ่อนแรงเหมือนจะเป็นลม ไม่ได้ทำผิดก็เหมือนทำเพราะหลักฐานอยู่ตรงหน้า ท่าทางดุๆ ของคชา หรือคีท อาผู้แสนเข้มงวดจนเข้าขั้นดุดันสำหรับหลานๆ
ผู้เป็นอาเห็นหลานๆ ดูท่าทางแตกตื่น เขาจึงเดินอาดๆ ไปกระชากปลั๊กไฟโทรทัศน์ออก ภาพที่เด็กๆ ไม่ควรได้ดูจึงดับพรึบลงทันตา
สายตาเข้มงวดเปล่งรัศมีร้อนหันไปทอดมองหลานสาวและเพื่อนใหม่นภัสที่แม่บ้านเพิ่งมารายงานว่าหลานสาวพาเพื่อนมีชื่อว่าดาวเข้าบ้าน ท่าทางแตกตื่นของหลานสาวเหมือนคนไม่เคยทำความผิดทำให้เขามุ่งสายตาไปยังดาวผู้ซึ่งยืนจ้องเขาตาแป๋วอยู่
“ไหนดาว อธิบายเป็นภาษาไทยให้อาเข้าใจหน่อย ตอนที่อาเข้ามา หนูกำลังจะทำอะไรกับน้องเนส” เสียงเข้มงวดเย็นชาชวนขนหัวลุกสำหรับ นภัสไม่ได้ทำให้พราวดาวสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด... การสอบสวนเข้มงวดจากอาคีทเป็นสิ่งที่หลานๆ ทุกคนนึกถึงก็ขนหัวลุก...
แต่สำหรับพราวดาวน่ะเหรอ นภัสแอบเหล่มองแล้วก็แทบกลอกตาทั้งที่ตัวยังสั่นเทาจากเสียงเยียบเย็นของคุณอา... เพื่อนเธอยืนตรงแหน่วตามที่อาเธอสั่งหากแต่กลับมองหน้าอาของเธอแล้วดวงตาเคลิ้มลอยเหมือนเจอศิลปินคนโปรด แถมเรียวปากบางๆ ของพราวดาวนั้นกำลังยิ้มอยู่อีกต่างหาก
รู้ตัวไหมว่ากำลังรนหาที่ตายสุดๆ ไปเลยยายพราวดาว นภัสเตือนเพื่อนในใจ... ก่อนพาเพื่อนมาที่บ้านเธอน่าจะเล่าเรื่องความดุของอาให้เพื่อนฟังจะได้ไม่มาหลุดกับอาคีทแบบนี้...
“ดาว... อาถามให้ตอบ ไม่ใช่ให้เงียบครับ” เสียงขรึมและเย็นชาขึ้นกว่าเดิมเอ่ยถาม...
แต่ก็นั่นล่ะ เสียงดุๆ มันไม่ได้ทำให้รอยยิ้มสวยๆ บนหน้าพราวดาวหุบลงเลย... คิ้วของคชาขมวดเข้า เขาก็แน่ใจว่าเพื่อนที่โรงเรียนของหลานสาวคงไม่ใช่เด็กสติไม่ดี แต่อาการของเด็กตรงหน้ามันทำให้เขาอยากพาไปพบจิตแพทย์ให้แน่ใจว่าสมงสมองเด็กนี่ยังอยู่ดีหรือเปล่า มีที่ไหนไม่เกรงในความดุของเขาเหมือนเด็กทั่วไปแล้วยังยิ้มเหมือนสติไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวอีก...
“ยิ้มอะไรครับ...”
“ดาวมีความสุขค่ะ” คำตอบแรกที่ได้จากเด็กสาวทำให้เขาเงี่ยหูฟังอีกครั้งให้แน่ใจ
ส่วนนภัสหลุดขำพรวดออกมาแบบอดทนไม่ได้อีกต่อไป... เพื่อนใหม่ของเธอนี่รั่วได้ใจเหลือเกิน แถมยังเจ๋งสุดๆ ที่ไม่กลัวคุณอาของเธอเลย คชาหันมามองหลานสาวขวับ หน้าเคร่งๆ นั้นทำให้หลานสาวถึงกับหุบยิ้มทันควัน...
“ตอบอาได้หรือยัง ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่”
“ดาวกับเนสจะดูหนัง แต่ว่าไปหยิบผิดไปโดนแผ่นของพี่นภเข้า เรารู้ว่าหยิบผิดตอนเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นที่หน้าจอ แล้วเอ่อ... เรากำลังจะเปลี่ยนแผ่น จากนั้นพี่คีทก็เข้ามาพอดี”
“อาไม่ใช่พี่ของดาวครับ... อาเป็นอาของเนสดาวเป็นเพื่อนของเนสจะต้องเรียกอาว่าอาไม่ใช่พี่”
“ก็ได้ค่ะ อาคีท” พราวดาวหยักหน้าหงึกๆ ต่อปากต่อคำกับอาของ นภัสได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ถ้าเป็นนภัสเองโดนถามเช่นนี้มีตอบเสียงสั่นพูดไม่รู้เรื่อง แล้วต่อมาก็คงต้องโดนผู้เป็นอาดุที่ไม่ตั้งใจพูดดีๆ แล้วเธอก็จะร้องไห้ตามสเต็ปแต่พราวดาวไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด...
“ยืนยันคำตอบใช่ไหมว่าแผ่นหนังผู้ใหญ่นั่นเป็นของนายนภเขา” คราวนี้คชาจ้องหน้าพราวดาว ยิ้มที่เพิ่งกลั้นได้ก็เบ่งบานอีกรอบ...
พราวดาวรู้สึกเหมือนตกหลุมรักซ้ำๆ เหมือนโดนผลักลงหลุมกระหน่ำเพราะดวงตาสีแปลกของอาคีท ท่าทางดุๆ ของเขานั่นทำให้เธอเขินและไม่กลัวสักนิด... เธอยิ้มและพยักหน้าตอบอย่างมั่นใจเพราะซีดีที่มีทั้งหมดก็ของพี่นภเพียงแต่เธอหยิบผิดแผ่นไปเท่านั้น...
แม้ดวงหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่มีสตินั่นจะไม่น่าเชื่อถือนัก แต่ว่าคชาก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดของเด็กๆ ที่เขายังมองเป็นผ้าขาวอยู่ นภัสกำลังจะออกจากโรงเรียนประจำเผชิญโลกกว้างในอีกไม่กี่อาทิตย์ เขาคงต้องจับตาดูหลานสาวให้มากกว่าเก่าเพราะดูท่าทางแล้วความเข้มงวดของเขาอาจจะทำให้นภัสไม่ทันโลกกว้างใบนี้ โดยเฉพาะโลกที่มีเด็กพฤติกรรมประหลาดอย่างแม่หนูดาวคนนี้...
“หนังพวกนั้นไม่เหมาะสมที่จะดู และจะทำให้หมกมุ่น อาจะให้ซิสเตอร์เรียกพวกเราไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวทีหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อาจจะสงสัยจากการดูหนัง... อาหวังว่าคงไม่ได้จำแล้วเอาไปทำตามเพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราสองคนออกไปได้แล้ว อ้อ เนส ไปสั่งคนไว้ว่านายนภกลับจากมหาลัยแล้วให้มาเจออาที่ห้องทำงานอาด้วย เราสองคนก็ควรไปท่องหนังสือเตรียมสอบกันได้แล้ว อาจะเข้ามาดูเป็นระยะ”
คชาธารพยักหน้าให้เด็กสาวทั้งสองออกไปได้... เจ้าหลานสาวตัวจริงที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเดินออกไปก่อน แต่เด็กสาวที่เอาแต่ยืนยิ้มและจ้องหน้ายังไม่ก้าวขาไปไหน
คิ้วหนาขมวดอีกรอบจะถามอยู่แล้วว่าเธอมีอะไรสงสัยหรือไม่ นภัสก็เดินมาสะกิดพราวดาว จนเด็กสาวที่ยืนสติหลุดอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนย้ายเบิกตากว้างอย่างน่าขันแล้วก็วิ่งตื๋อไปพร้อมกับหลานสาวของเขาอย่างรวดเร็ว
ความเชื่อมั่นในหัวของเขาบอกชัด... เด็กนี่ต้องผิดปรกติแน่ๆ เขาคงต้องคุยกับหลานอย่างใกล้ชิดเรื่องการเลือกคบเพื่อนเสียบ้างแล้ว... นภัสเป็นหลานสาวคนเดียวของตระกูลที่เติบโตมาแล้วน่าเป็นห่วงที่สุด เขาเพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้นี่เอง
“ยายดาว... เธอกล้าต่อล้อต่อเถียงอาของฉัน เธอไม่กลัวเหรอ นั่นคุณอาผู้มาจากขั้วโลกเหนือเลยนะ พี่เนม พี่นภ เป็นผู้ชายแท้ๆ ยังกลัวไม่กล้าหือกล้าอือด้วยเลย แล้วผีอะไรเข้าเธอเนี่ย”
“ไม่เห็นน่ากลัวเลย พี่เขาน่ารักออก”
“เอ๋ อย่าไปเรียกเขาว่าพี่สิ อาคีทไม่ค่อยชอบให้ขัดใจเขา เขาให้เรียกอา...”
“ดูห่างเหินชะมัด... อายุห่างกันแค่สิบห้าปีเอง... พี่หนูดีพี่สาวคนโตของดาวยังอายุเท่าพี่คีทเลย... แต่ให้เรียกอาก็จะเรียกให้เขาสบายใจ ไม่ชอบให้หน้าของอาเนสมีรอยย่นระหว่างคิ้ว มันดูไม่เจริญตา หน้าตาของเขาน่าจะทำให้ยิ้มแล้วโลกสดใสขึ้นมากกว่าจะทำหน้าบึ้ง”
นภัสมองพราวดาวเหมือนตัวประหลาด...
“ดาวพูดอะไรของดาว เนสงง อย่าบอกนะว่าดาวชอบอาของเนส”
“รักเลยล่ะ” พราวดาวรีบเถียง เธอไม่ชอบให้ใครมาเข้าใจผิดในตนเอง... “ต่อไปนี้เนสห้ามชวนเพื่อนมาบ้านนะ เดี๋ยวจะมีคนมาตกหลุมรักอาคีทแล้วเป็นคู่แข่งของดาว แค่ช่องว่างระหว่างวัยก็ลำบากพอแล้ว ดาวไม่ขอมีคู่แข่ง เดี๋ยวเหนื่อยเพิ่มจะไม่มีสมาธิเรียน พอดาวไม่มีสมาธิเรียนก็จะโง่ พอโง่ก็จะติวเนสไม่ได้ ติวเนสไม่ได้เราก็สอบเข้ามหาลัยไม่ได้ทั้งคู่...”
“ดาวต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ” นภัสขลาดกลัวความคิดของดาวสุดๆ เคยคิดว่าเพื่อนไม่ได้ชอบผู้ชาย หรือไม่ก็ไร้เดียงสาจนไม่รู้จักความรัก แต่ตอนนี้เธอว่าความคิดของเธอที่เคยมองดาวผิดไปทั้งหมด ผิดไปมากเสียด้วย เลิกคบก็ไม่ทันแล้วด้วยเพราะดาวจำทางมาบ้านเธอถูก นภัสคิดติดตลก
“ไม่ได้บ้า... แต่ตกหลุมรักเข้าไปแล้วแค่นั้นเอง... เนสสัญญากันก่อนว่าจะไม่ชวนคนอื่นมาติว เราจะติวกันสองคน ดาวจะติวให้เนสเอง”
พราวดาวชูนิ้วก้อยมาต่อหน้านภัสซึ่งทำสีหน้าลำบากใจ... ตำแหน่งอันดับหนึ่งของชั้นเรียนทำให้เธอยอมยกมือมาเกี่ยวก้อยกับพราวดาวอย่างเสียไม่ได้... แลกกับการเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่ปรินซ์ได้และการเปลี่ยนตัวเองให้เข้าใกล้การเป็นหญิงนิดหน่อยแต่ต้องแลกกับการที่คุณอาเธอโดนเพื่อนสาวจอมแก่แดดแทะโลม น่าจะคุ้มกันอยู่อาคีทของเธอมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอต่อต้านกับความบ้าระห่ำของพราวดาวได้แน่ๆ เธอมั่นใจ
“นี่ยังไม่ไปอ่านหนังสือกันอีก” เสียงห้วนๆ เอ่ยขึ้น นภัสผวาเฮือก พราวดาวหันไปมองคนที่โผล่มาเงียบๆ และแอบตกใจเล็กน้อยในความหล่อของเขา
สองสาวเผ่นผล็อยไปห้องนภัสในบัดดลเพราะว่านภัสดึงพราวดาววิ่งหนีอาสุดโหดของตัวเองไปก่อนพร้อมกับร้องบอกคุณอาว่า
“ไปแล้วค่ะ ไปแล้ว”
สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้คชายืนนิ่งเหมือนโดนหมุดตรึง... มือเล็กของสองสาวที่เกี่ยวก้อยกันที่โผล่พรวดเข้ามาจับผิดจนเห็นนั้น มันเกิดจากทั้งคู่ตกลงว่าอะไรกันแน่นะ ทำไมเขารู้สึกทะแม่งๆ เหลือเกิน
คชาธารพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่กระนั้นก็ยังไม่วางใจเรื่องความสนิทสนมที่ดูแน่นแฟ้นเกินเพื่อนของสองคนนี้
เขาสั่งให้เด็กในบ้านตามขึ้นไปบอกเด็กสาวทั้งสองคนว่าหากติวหนังสือกันเสร็จแล้วจะพาไปกินไอศกรีมและดูหนัง พักนี้เขาต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเผื่อว่าเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเด็กสาวทั้งคู่จะได้ว่ากล่าวตักเตือนทัน