EP.16 : เอาคืนแบบทบต้นทบดอก

2973 Words
ระหว่างที่กำลังเดินผ่านห้องเก็บของ แขนใหญ่ก็คว้ามือฉันเข้าไปในนั้น เจ้าหมอนี่มาดักรองั้นหรอ “แทนคุณ” ฉันเอ่ยแบบตกใจ “ผิดหวังที่เป็นฉันหรอ” “เปล่านี่” ฉันทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ยัยคนน่าโมโห ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าไปกระดิกหางให้ใคร ฉันไม่ชอบ” “ฉันต้องสนใจมั้ยว่านายจะชอบหรือไม่ชอบ ฉันก็เป็นฉันตามปกติ” “ปากดีนักหรอ” เขาประทับรอยจูบลงมาเพื่อระบายความโกรธ “หึ” ฉันแค่นหัวเราะไปทีหนึ่ง แล้วกระชากคอเขามาจูบแบบดูดดื่ม จนเขาอึ้งไปพักหนึ่ง …. “อะไรกัน มีปัญญาจูบแค่นี้เองหรอ แล้วจะมารับบทร้าย นายโง่หรือเปล่าแทนคุณ ใครเป็นหมาของใครกันแน่ นายลองส่องกระจกดูตัวเองบ้างเถอะ ว่านายน่ะต้องการฉันแค่ไหน” ฉันผลักเขาลงไปบนโต๊ะวางของ ฉันขึ้นคร่อมเขาแล้วจูบไปอีกครั้ง ฉันสอดลิ้นเข้าไปในปากเขา แล้วกัดไปที่ริมฝีปากล่างของเขาแรงๆ จนเขาเผลอร้องออกมา "อ๊ะ เซเลน่า" หน้าอกที่เหมือนจะทะลักอยู่แล้วพออยู่ในท่าแบบนี้และชุดแบบนี้มันยิ่งทะลักแนบกับกับอกเขา “อะไรกัน สีหน้าอวดดีเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ ไหนว่าชอบเถื่อนๆ ไม่ใช่หรอ" ฉันทำคิสมากส์ไปที่คอของเขาแล้วไล่ลงมาจนถึงอก หน้าอกของเขามีรอยสัก น่าจะเป็นรอยสักของพวกแก๊ง แต่ฉันไม่สนใจหรอก ฉันกำลังรุกไล่เขาลงไปเรื่อยๆ สีหน้าของแทนคุณแดงก่ำ เหมือนจะตายให้ได้ เขาน่าจะไม่เคยโดนใครรุกแบบนี้ “นี่… เซลลี่ ยะ หยุดก่อนเถอะ ฉันยอมแล้ว ฉันยอมเธอแล้ว...” ฉันผละออกจากเขาแล้วยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าสุดชั่วร้ายของฉัน ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ “หึ ถ้าจะเป็นประเภท S ครึ่งๆ กลางๆ แบบนายน่ะ หลบไปเถอะ เพราะฉันจะ S มากกว่านายร้อยเท่า แล้วฉันจะสอนให้ว่า ซาดิสจริงๆ น่ะ มันเป็นยังไง เจ้ามาน้อยของฉัน หึหึ” ฉันลูบไปที่คางของเขา ฉันประทับรอยจูบไปที่ริมฝีปากเขาหนึ่งทีแล้วเดินออกมา เชื่อมั้ยว่าตอนนี้ฉันหน้าแดงก่ำ ฉันยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำเรื่องใจกล้าขนาดนั้นลงไปได้ไง ฉันรู้เพียงแต่ว่าจะต้องเอาคืนเจ้าหมอนี่ให้ได้เท่านั้น มีแค่วิธีนี้เท่านั้น แล้วฉันก็เดินหน้าแดงก่ำออกไปหากลุ่มเพื่อน ฉันนั่งอยู่กับพวกกลุ่มเพื่อนของพวกเรา หลังจากที่ไปตามยัยลีมินอาออกมาจากห้องแล้วยัยนั่นก็ไล่ฉันให้กลับมาหาพวกนี้ ฉันนั่งสังเกตอาการของเจ้าแทน หมอนั่นหน้าแดงไม่หยุด สีหน้าของเจ้าแทนคุณ ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมนี้ ⇒ (0//0) สงสัยกันมั้ยว่าทำไมฉันถึงต้องเป็นแบบนี้ เพราะว่าคืนที่ฉันได้คุยกับพี่ชาย ฉันถึงได้รู้ว่า ฉันต้องหาวิธีการจัดการกับความสัมพันธ์ของฉันกับเจ้าแทน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนที่อ่อนโยนและคอยปกป้องฉันขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคนไปได้ จริงๆแล้วหมอนี่กำลังเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพวก S ที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่จริงๆแล้วหมอนี่ไม่ใช่เลย หมอนี่แค่อยากเรียกร้องความสนใจจากฉัน แค่อยากให้ฉันเป็นกังวลและสนใจแต่เรื่องของเขา การกระทำที่ก้าวร้าวที่แสดงออกมานั้นมันก็ไม่สุด และเรียกตัวเองว่าเป็นพวก S เต็มปากไม่ได้ เพราะไม่มีทางที่หมอนี่จะทนเห็นฉันเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดได้เลย แค่ฉันดุหมอนี่นิดหน่อยเขาก็หงอเป็นลูกหมาแล้ว นี่แหละสกิลโกงของลูกรักพระเจ้าไงล่ะทุกคน หมอนี่ไม่มีทางที่จะทนได้ถ้าถูกฉันเกลียด เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอที่ฉันจะกุมอำนาจใว้แล้ว หึ หึ ฉันเดินมาเข้าห้องน้ำ จะว่าไปทางเดินบ้านนี้ชวนสับสนชะมัด กว่าจะมาถึงได้ลำบากพอดูเลย ฉันกำลังจะเดินกลับ ก็มีเด็กหนุ่มผมดำที่มัดผมครึ่งหัว ยืนรอฉันแล้วจ้องมองมาด้วยดวงตาแสนทรงเสน่ห์สุดร้องแรงของเขา ดวงตาที่ปรารถนาเพียงฉัน แต่ขอโทษนายตกฉันไม่ได้อีกแล้ว “เป็นสตอล์กเกอร์หรอ แอบมาดักรอฉันตลอด” ฉันพูดแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาได้แต่จ้องเขม็งมาที่ฉัน ไม่มีการตอบโต้ใดๆ “มีอะไรจะคุยกับฉันรึไง ทำไมไม่พูด” เขาไม่ตอบแล้วเดินเข้ามาหาฉัน “มี อะ… อึก” เขาเดินเข้ามาจูบฉันอีกแล้ว ฉันตอบสนองด้วยการกัดไปที่ปากของเขาเบาๆหนึ่งที เขาผละออกเล็กน้อย แล้วดูเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง “ช่วยจูบฉันเหมือนตอนที่ทำในห้องเก็บของได้มั้ย” เขาหน้าแดงพลางขอร้องฉัน “คิกๆ” ฉันแอบขำออกมานิดหน่อย นี่แหละ ชัยชนะของฉัน “หืม อยากได้รางวัลก็ควรทำตัวให้มันดีๆก่อนมั้ย เจ้าตูบมาโซ” “จะ เจ้าตูบมาโซงั้นหรอ เธอหมายถึงฉันหรอ” (0//0) “แล้วจะมีใครอีกล่ะ แถวนี้มีแค่นายกับฉัน” หึ ฉันกระชากคอเขาแล้วผลักไปติดกำแพง สีหน้าแดงก่ำของเขาบ่งบอกถึงความกระวนกระวายที่ว่า ฉันกำลังจะทำอะไรกับเขา เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นสำหรับวัยรุ่นแบบพวกเรา ช่วงเวลาลองผิดลองถูกและทำตามหัวใจของตัวเอง ด้วยความสูงที่ห่างกันทำให้ฉันต้องเขย่งตัวเพื่อจะจูบเขา ฉันใช้หนึ่งแขนคว้าคอเขาใว้ และอีกแขนดันเขาเข้าผนัง ฉันจูบ จูบ แล้วก็จูบอีก ฉันกำลังรุกไล่ลงมาตรงใบหู ต้นคอ กำลังจะลามมาตรงอก ที่กระดุมเสื้อเม็ดแรกถูกติดอยู่ แล้วฉันก็หยุด “คิกๆ” ฉันหัวเราะน้อยๆแล้วผละออกจากเขาเพื่อแกล้งเขา ฉันกำลังจะเดินจากไป เขาคว้าแขนฉันเอาไว้ หน้าแดงก่ำพร้อมเอ่ยเบาๆ “อย่าพึ่งไปนะ เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้” หมอนี่กำลังเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากฉันทั้งๆตัวเองก็เคยทำแบบนี้กับฉันมาก่อนเนี่ยนะ หึหึ “ถ้าเป็นหมามีเจ้าของ เจ้าของก็ต้องรับผิดชอบสินะ แต่ว่าเอ๊ะ เหมือนนายจะไม่อยากเป็นหมาของฉันหรือป่าวน้าาา” เขารีบพูดอย่างกระวนกระวาย “ฉะ ฉันจะเป็นหมาของเธอ” “หืม แน่ใจนะ” “แน่ใจ ฉันจะเป็นหมาของเธอเอง” เยสส ชนะแล้ว ฉันคิดในใจพลางยิ้มกริ่ม “งั้นก็ทำตัวให้น่ารักหน่อยนะ เพราะเจ้านายแบบฉันน่ะ ดุมากก” ฉันกระซิบข้างหูเขาแล้วเดินจากมาแบบอารมณ์ดี นี่ฉันโคฟเป็นสายS ได้เนียนมากจนคิดว่าตัวเองจะกลายเป็น S จริงๆแล้วมั้ย ฉันคิดในใจ แต่ก็ดีใจมากกว่าที่แก้ปัญหานี้ได้ ฉันกับยัยแพร ยืนรอเพื่อนๆอยู่ที่หน้าโรงเรียนตามปกติ “เอ้า มาแล้วหรอ เจ้าตูบมาโซ” ฉันเอ่ยทักทายเจ้าแทนคุณ “อืม มาแล้วครับ” “หืม ทำตัวน่ารักจังเลยนะ” ฉันพูดพลางลูบหัวเขา ยัยแพรที่สงสัยบรรยากาศระหว่างฉันกับหมอนี่ก็ถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “พวกนายสองคนผลัดกันเล่นบทตัวร้าย นายกับบ่าวหรอ” คิกๆ ฉันนึกขำที่ยัยแพรพูดแบบนั้นขึ้นมา แล้วตอบไปนิ่งๆ “เรียกว่าผลัดกันก็ไม่เชิง แล้วตอนนี้จะไม่มีนายกับบ่าวมีแต่ฉันกับหมาของฉันเท่านั้น” “เรียกว่าเอาคืนแบบทบต้นทบดอกไงล่ะ” ฉันยิ้มชั่วร้ายออกมาใส่แทนคุณที่กำลังทำหน้าหงอยและเจ็บใจ “แต่ก่อนวันคริสต์มาส เธอมีนัดเดตกับฉันนะเซลลี่” “อื้ม ไม่ลืมหรอก” ฉันยิ้มให้เขาไปหนึ่งที “อาาา ตื่นเต้นจัง” เจ้าแทนยิ้มแบบใส่ซื่อ ตอนนี้ฉันเริ่มจะกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราได้หรือยังนะ ถึงแม้จะคิดว่าเคลียร์ปัญหาบางอย่างได้แล้ว แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่สุดก็คือ ฉันยังไม่รู้ตัวเลย ว่าฉันกำลังรักใครอยู่กันแน่ . (Talk แทนคุณ) เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องนอนที่หรูหรา และถูกประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ตอนนี้เขากำลังคิดไม่ตกว่าจะใส่ชุดไหนไปออกเดต กับเด็กสาวที่ตัวเองได้ชวนไปเดตก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าถูกเลือกและโยนกองทิ้งไว้นับไม่ถ้วน “โอ๊ย ใส่อะไรไปดีว่ะ จะแต่งจัดเต็มเดี๋ยวก็โดนหาว่าเว่ออีก จะใส่สบายๆ ก็เดี๋ยวหาว่าไม่ใส่ใจอีก” เขาบ่นพึมพำคนเดียวในห้อง “ยัยนั่นแม่งขยันมาทำให้ฉันวุ่นวายใจจริงๆ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ใบหน้ากับเปี่ยมไปด้วยความสุขที่จะได้ไปเดตกับเธอสักที แล้วของขวัญที่เขาได้เตรียมไว้ให้เธอ ก็ยังหวังว่าเธอจะดีใจที่ได้เห็นมัน ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น “แทนคุณเย็นนี้กินอะไรดีลูก” เสียงอีกฟากของประตูเอ่ยถาม เด็กหนุ่มเปิดประตูออกไปหาเจ้าของเสียง ผู้หญิงในชุดสูทเรียบหรูแต่เซ็กซี่ แอบตกใจกับกองเสื้อผ้าในห้องลูกชาย “หืม เลือกเสื้อผ้าขนาดนี้อย่าบอกนะว่าจะออกไปทานข้างนอก” “ครับ วันนี้ผมมีนัด" เด็กหนุ่มตอบอึกอัก “นึกว่าช่วงนี้ลูกจะเลิกเดตกับสาวๆ ไปทั่วแล้วซะอีก กลับมาเป็นหนุ่มนักรักเหมือนเดิมแล้วหรอ” เธอถามด้วยโทนเสียงที่แอบดุนิดหน่อย “เปล่าครับ ผมนัดกับเซลลี่ไว้น่ะ” “ห๊ะ!!!” เธออุทานแบบตกตะลึง “เดตกับหนูเซลลี่งั้นหรอ โอ้เจ้าแทน ในที่สุดก็ทำสำเร็จสักทีนะ แม่จะไปบอกพ่อบ้านเตรียมขันมากไปสู่ขอสักที” “แม๊ ไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย ยังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ” “ไม่รู้แหละ ถ้าจะเอาสะใภ้เข้าบ้านก็ต้องหนูเซเลน่าเท่านั้น คนอื่นแม่ไม่ยอมแน่” “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ ออกไปได้แล้ว” เขาดันหลังแม่เขาออกจากห้องไป “ถ้าไม่ใช่ยัยนั่น ผมก็นึกภาพตัวเองว่าจะรักคนอื่นนอกจากเธอไม่ออกเหมือนกันแหละครับแม่” เขาพึมพำ 18.00 น. วันคริสต์มาสอีฟ “เจ้าแทนคุณนัดที่ต้นคริสต์มาสกลางเมืองนี่น่า” เด็กสาวพึมพำพร้อมกับมองหาคู่เดตของตัวเอง วันนี้เธอมาด้วยชุดเดรสสั้นรับรูปสีแดงแหวกหลัง แต่ว่ามีผ้าคลุมไหล่ปกปิดความเซ็กซี่นั้นใว้ ด้วยหุ่นที่ไม่เหมือนกับเด็กสาว ม.ปลายเท่าไหร่นักเธอเป็นที่ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเธอไม่ชอบอากาศหนาว แต่เธอก็แต่งตัวจัดเต็มมา เพราะมันเป็นเดตที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับเธอ ตริ้ง เสียงไลน์จากคนที่หายไปตั้งหลายตอนก็ดังขึ้นมา คิริว ⇒ ว้าวสาวชุดแดง แต่งมาเต็มขนาดนี้มาเดตหรอ อิอิ สวยเกินต้าน เด็กสาวเปิดอ่านแล้วตกใจนิดหน่อยหันมองไปรอบๆ คิดว่ารุ่นพี่คนนี้คงมองเธออยู่ที่ไหนสักที่ ฉัน ⇒ แอบมองมันไม่ดีนะคะ แล้วก็เสียมารยาทด้วยค่ะที่ไม่เข้ามาทักทายคนรู้จัก ฉันส่งไปเสร็จแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงนั้น “ไงสาวสวย” เสียงเด็กหนุ่มผมดำเอ่ยทัก “พี่ริว มาได้ไงคะ มาเดตหรอ แล้วคู่เดตล่ะ” “ฮ่าๆๆ เปล่าๆ พี่มาทานข้าวกับพวกคนในค่ายเพลงน่ะ ที่โรงแรมข้างๆ นี่” “อะไรกัน อะไรกัน นึกว่าจะมาพาสาวเดตซะอีก” “ใครมันจะไปเนื้อหอมเหมือนเธอล่ะ ว่าแต่คราวนี้มากับใครล่ะ ถึงจะพอรู้ว่าเป็นหนึ่งในเจ้า 3 คนนั้นแต่นึกไม่ออกเลยว่าเธอเลือกมาเดทกับใคร” “ฉันเปล่าเลือกนะ ใช้คำว่าเลือก มันเสียมารยาทกับเพื่อนฉันนะคะรุ่นพี่” ฉันแอบดุนิดหน่อย แต่ในใจก็กังวลมาก คนรอบข้างกำลังมองฉันแบบนี้ใช่มั้ย เหนือสิ่งอื่นใดคือไม่อยากให้เพื่อนดูไม่ดีในสายตาคนอื่น “อ่าา ขอโทษคร้าบบบ ที่พูดไปแบบนั้น พี่หงุดหงิดหน่ะ” “หงุดหงิด???” “ก็เธอเล่นแต่งซะสวยเพื่อมาเดทกับใครก็ไม่รู้ ทีกับพี่เธอไม่เห็นใส่ใจขนาดนี้เลย” “ก็จริงแฮะ” ฉันพูดหน้าตาย “แงงงง เซเลน่า ยัยผู้หญิงใจร้ายหน้าตาย” ถึงจะพูดแบบนั้น เขาก็ชอบเพราะเธอเป็นคนที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองแบบนี้ที่สุด เขาหลงใหลในความสามารถและนิสัยแบบนี้ของเธอ ชอบหรือไม่ชอบ ก็บอกออกไปอย่างไม่เกรงกลัว มีอิสระในตัวเอง มีชีวิตของตัวเอง ต่างจากเขา “คิกๆ ขอโทษค่ะ” “นี่เธอได้กำลังสำนึกอยู่มั้ย คิกๆ” “ฮ่าๆ ก็สีหน้าของรุ่นพี่มันตลกจริงๆ นี่คะ” เธอขำไม่หยุด “โอเค โอเค งั้นพี่ไปละ ยังไงเราก็ได้เจอกันหลังปีใหม่อยู่แล้วเพราะเรื่องงานเพลง” “ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ รุ่นพี่” บายค่ะ/บาย หลังจากรุ่นพี่เดินลับตาไป ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ ก็เดินมากอดฉันจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมนี้ฉันคุ้นเคยดี “หืม มาตั้งแต่เมื่อไหร่” “มานานแล้ว ยืนมองเธอคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่” “รุ่นพี่นะหรอ เขามาทักทายตามมารยาทน่ะ” “อาาา หึงจัง” เขากอดฉันแน่นขึ้นแล้วจุ้บที่แก้มหนึ่งที …. ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขาไป ถ้าเป็นเจ้าแทนตามปกติ จะต้องเดินเข้ามาขัดจังหวะและทำตัวเสียมารยาทกับรุ่นพี่ไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ทำแบบนั้นแฮะ เดี๋ยวนี้เดาใจหมอนี่ไม่ถูกเลย “วันนี้เธอสวยจัง ตั้งใจแต่งมาเพื่อฉันหรอ” “ตั้งใจสิ ตั้งใจมากเลยหล่ะ ว่าแต่เราจะไปไหนกันด…” พูดยังไม่ทันจบหมอนี่ก็ไม่รอช้า ดึงฉันขึ้นไปจูบทันที แสงไฟจากต้นคริสต์มาสยักษ์ทำให้มองหน้าเขาได้ไม่ชัดนัก แต่ทำไมฉันมองแล้วใจเต้นได้ขนาดนี้นะ จูบหน้าต้นคริสต์มาสยักษ์ ให้อารมณ์เหมือนคนรักเลยแฮะ ฉันคิดในใจ ตึกตัก ตึกตัก เราผละออกจากกัน แล้วหน้าแดงก่ำ บรรยากาศแบบนี้มันคืออะไรกันนะ นี่นะหรอชีวิตวัยรุ่น แต่ฉันไม่อยากคิดอะไรตอนนี้อีกแล้ว รู้แค่ว่าตอนนี้รู้สึกดีมากๆ และอยากอยู่กับเขาต่ออีกสักหน่อย “หวั่นไหวหรือเปล่า” เขาถามทำไมในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว “หวั่นไหวสิ มากเลยล่ะ” “มากพอที่จะทำให้มองฉันแค่คนเดียวได้หรือยัง” …. เอ๊ะ!!! ทำไมฉันตอบคำถามนี้ไม่ได้นะ เหมือนเขากำลังบอกว่าให้เลือกเขา จริงๆ คนเรามันควรจะเป็นแบบนั้นมั้ย เพราะคนเรามันจะต้องเลือกคบแค่คนเดียวสิ แล้วทำไมฉันถึงยังลังเลแบบนี้ล่ะ คำถามมากมายเข้ามาในสมองของฉัน นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?? เห็นแก่ตัวไปมั้ย?? จับปลาหลายมือ?? ไม่ได้เลือกแต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปไหน?? คิกๆ เขาขำออกมาแล้วเอ่ยคำพูดบางคำ “ขอโทษ ที่พูดจาให้ลำบากใจนะ ฉันเข้าใจว่าเธอรักเพื่อนๆ มากแค่ไหน ตอนนี้อาจจะยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าความรักในแบบเพื่อน หรือแบบคนรักมันต่างกันยังไง เพราะเธอก็รักทุกคนแบบสุดหัวใจ คนที่ลำบากใจที่สุดคือเธอสินะ” “แต่ฉันก็ยังพูดจาเอาแต่ใจกับเธออีก” เขาทำหน้าเศร้า …. ไม่มีคำตอบจากฉัน “ป่ะ ฉันจองร้านอาหารใว้แล้ว ไปทานดินเนอร์กัน” เขายิ้มให้ฉันแบบอ่อนโยน “อืม ไปกัน” ระหว่างที่ดินเนอร์กัน เราต่างคนต่างไม่ได้พูดเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกของเราทั้งคู่เลย คุยแต่เรื่องสัพเพเหระ ( Talk แทนคุณ) ระหว่างทางผมคิดมาตลอดว่าผมจะทำยังไงกับเรื่องของเราต่อจากนี้ ถ้าผมขอเธอคบตอนนี้แน่นอนว่าเธอที่ยังไม่ได้เคลียร์กับเจ้าฮารุกะ ต้องลำบากใจมากแน่ๆ ผมคิดไม่ตกจริงๆ แต่เรื่องนี้บางทีคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุด อาจจะเป็นผมคนนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากทำแบบนี้อยู่ดี “เซลลี่ ฉันจองห้องสวีทไว้ คืนนี้เธออยากอยู่ด้วยกันกับฉันมั้ย” ผมถามออกไปแบบนั้น “อืม ได้สิ” เธอตอบมานิ่งๆ “ธะ เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันถามแบบนี้หมายความว่ายังไง อยู่ด้วยกันทั้งคืนหมายถึงอะไร” “อืม รู้สิ” “แน่ใจนะ ผมถามย้ำอีกรอบ” “แน่ใจ” ผมได้แต่ตะลึงกับคำตอบของเธอ สิ่งที่ติดตัวเธอมาตังแต่เกิด คือสกิลการทำอะไรที่เหนือความคาดหมายหรือเปล่านะ แต่ก็เพราะแบบนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ผมหลงใหลเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD