“ฉันไม่มีความลับกับนาดา ให้นาดาอยู่ฟังด้วยคงไม่มีปัญหาอะไร” เธอไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง
“จริงหรือ งั้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน...” ชามิลยั่ว
“ก็ได้” อญู่ร่ารีบยั้งคำพูดของเขาเอาไว้แทบไม่ทัน สายตาหวานวาวโรจน์เหมือนจะจิกทึ้งเขาให้เป็นจุณ ให้สาสมกับความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของเขานัก
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะเจ้าพี่ ราร่า” นาดาถามพี่ชายและเพื่อนสาว มองหน้าคนนั้นทีคนโน้นทีด้วยความไม่เข้าใจ เหมือนทั้งสองจะมีอะไรต่อกัน แต่เธอไม่รู้ว่าเรื่องอะไรนั่นเอง
“เปล่า...”
ชามิลและอญู่ร่าพูดพร้อมกัน เขายิ้มพราวใส่ตา ขมุบขมิบปากว่าเธอช่างใจตรงกับเขาโดยที่ไม่ให้น้องสาวเห็น อญู่ร่าอ่านริมฝีปากเขาแล้วสะบัดค้อนให้คนร้ายกาจด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“งั้นน้องขอตัวก่อนนะคะ ราร่า นาดาไปก่อนนะจ๊ะ ตกลงกับพี่ชามิลเสร็จจะรอทานอาหารด้วยกัน” นาดาขอตัวจากพี่ชายและเพื่อนรัก
เมื่อลับร่างอรชรของนาดา ชามิลก็หันมาหาเป้าหมายที่เขาอยากพุ่งเข้าใส่ทันที
“คุณ!” อญู่ร่าผวาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของเขา
“ที่นี่ไม่เหมาะที่เราจะตกลงพูดคุย ตามมาสิ” ชามิลยืนขึ้นเต็มความสูงด้วยท่าทีสบายๆ
“อย่ามาเผด็จการนะ”
“หรือจะให้เราฉุดเจ้า อย่าคิดว่าไม่กล้า” ชามิลย่างเข้าหา อญู่ร่าถอยหนีก่อนรีบตอบตกลงเสียงระรัว ไม่ใช่เพราะเกรงกลัว แต่ไม่อยากมีเรื่องกับคนบ้าอำนาจเช่นเขาเสียมากกว่า มันอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้ต้องอับอายขายหน้าก็เป็นได้
ข้อตกลง
“อื้อ... ปล่อยนะ ไหนบอกว่าจะพูดธุระของคุณยังไงเล่า” อญู่ร่ากำหมัดทุบอกแกร่งดิ้นเร้าในอ้อมแขนของคนเอาแต่ใจ ที่ทำท่าจะรวบหัวรวบหางเธอเอาอีกแล้ว
เธอไม่ถนัดพูดคำราชาศัพท์ คิดว่าพูดกับเขาเช่นนี้เป็นการให้เกียรติมากแล้ว ปกติเธอคุยกับนาดาก็คุยกันธรรมดา และชีคหนุ่มก็ดูจะไม่ได้ติดใจอะไรกับคำสรรพนามที่เธอเรียกขานเขาและคำแทนตัวเอง
“ค่อยตกลงหลังจากนี้ได้ไหม เราหิว!” สายตากระหายมองลูกขนุนแสนหวานตาพราวระยิบระยับ
“ฉันไม่ใช่ขนมน่ะ” เธอเห็นสายตาของเขาก็รีบพูด มันวาววับร้อนแรงจนขาสั่นไปหมด
“แต่เป็นขนุน”
“กรี๊ดด ไม่ใช่นะ” อญู่ร่าหน้าแดงก่ำเมื่อถูกยั่ว กล้าดียังไงมาหาว่าเธอเป็นขนุน
คนปากเสีย ชีคอะไรปากเสียที่สุด
“เจ้าน่ะเหมือนลูกขนุน ตัวเตี้ยนิดเดียว แต่อวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือไปทั้งตัว หอมหวานไปทั้งตัว ผิวนุ่มนิ่มเรียบตึงไปทั้งตัว แล้วก็ฟิตแน่น ทำเราแทบขาดใจ”
“กรี๊ดดด หยาบคาย คนปากสกปรก อย่าถือว่าเป็นชีคแล้วจะมารังแกคนอื่นได้ตามอำเภอใจแบบนี้”
อญู่ร่าหน้าแดงฉุนจัดเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หัวใจเธอเต้นแรงสูบฉีดด้วยความโมโห ตัวก็ร้อนผ่าวเหมือนเปลวไฟที่ต้องการเผาผลาญเขาให้ไหม้เกรียม
“หึหึ เวลาเจ้าโมโหนี่น่ากินกว่าไม่โมโหอีก คำไหนที่บอกว่าเราหยาบคาย”
เขาว่าไปนั่น อญู่ร่าได้แต่เข่นเขี้ยวอยากฆ่าเขานัก พูดให้เธออายตลอดเวลาสิน่า
อญู่ร่าพยายามสะบัดกายหนีดิ้นรนแต่ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งได้ เรารัดแน่นเหลือเกิน รัดจนแทบขาดใจ หายใจไม่ออกเลยก็ว่าได้
“เราไม่เคยรังแกคนอื่นตามอำเภอใจ แต่เจ้าอยากเกิดมาน่ารังแกเอง แถมยังให้น้องสาวเราส่งรูปมายั่วยวนเราไม่รู้กี่รูปต่อกี่รูป”
อญู่ร่าตาโตแหงนมองคนตัวสูงใหญ่คอตั้งทีเดียวเชียว เขาพูดเอาแต่ได้ ใส่ความเธออย่างหน้าด้านๆ น่าเจ็บใจนัก หลงตัวเองก็ที่สุด เธอน่ะเหรอให้นาดาส่งรูปยั่วเขา ไม่เคยเลยสักครั้ง ทุกรูปก็ถูกนาดาฉกส่งไปโดยที่เธอห้ามปรามไม่ได้ต่างหากเล่า!
หญิงสาวหน้างอมากขึ้นเมื่อทำอย่างไร ก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนแข็งแกร่งได้ เขารัดเธอเอาไว้เหมือนปลอกเหล็กเลยก็ว่าได้
“คนบ้าอำนาจ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่จะให้คุณมารังแกได้ง่ายๆ นะ”
“ใครบอกว่าเป็นเล่า”
เขาตวัดอุ้มร่างอวบอิ่มเต็มตึงไปที่เก้าอี้บริเวณสระว่ายน้ำ
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า ปล่อยนะคนเผด็จการ” อญู่ร่าทุบอกแกร่งที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเมื่อเขาตวัดอุ้มเธออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ใครจะกล้าเข้ามาในนี้” เขาพูดอย่างสบายอารมณ์
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกว่า…” เธอพูดอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ บ้าอำนาจที่สุด เผด็จการที่สุด
“ฉลาดจริงว่าที่เมีย ใช่ เราจ่ายเงินขอความเป็นส่วนตัวตรงบริเวณนี้จนถึงเย็น นักท่องเที่ยวและแขกที่มาเข้าพักโรงแรมก็ไปใช้ที่อื่นก่อน โรงแรมของเจ้าออกจะกว้างขวางไม่ใช่หรือ เราชอบอะไรเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามน่ารำคาญ เกะกะ รกสายตา”
อญู่ร่าได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดของเขา นอกจากเผด็จการวางอำนาจแล้ว ยังอวดร่ำอวดรวยเสียอีก คนรวยเป็นแบบนี้ทุกคนไหมนะ
“ระวังคอเจ้าจะเคล็ดนะแม่ขนุนหวาน” เขายิ้มเอ็นดูคนที่สะบัดหน้าใส่เขาจนคอแทบเคล็ด
“คอของฉัน ไม่ใช่คอของคุณเสียหน่อย” เธอบ่นอุบแต่เขาได้ยินชัดเจน
“อุ๊ย!” เสียงหวานอุทานเมื่อเขาวางเธอบนเก้าอี้ข้างสระน้ำ เธอทำท่าจะลุก เขากดไหล่บอบบางเอาไว้ หญิงสาวแหงนใบหน้าคอตั้งเช่นเดิม นึกเจ็บใจที่ตัวเองตัวเตี้ย และนึกเจ็บใจที่เขาสูงเหมือนเสาไฟฟ้าแบบนี้
... แต่เมื่อเห็นสายตาที่ปรามเธออยู่ในทีว่าอย่าขัดใจ เธอจึงจำต้องนั่งนิ่งแต่แข็งขืนไม่ได้ยินยอมให้เขาย่ามใจ เขาจะได้ใจมากๆ ถ้าไปหงอให้เขาแบบนั้น
“คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาสิ ฉันมีเวลาไม่มากหรอกนะ” เธอเชิดคอตั้ง ไม่ไยดีเขา แม้ในใจจะเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกก็ตามที
ชามิลหรี่ตามองหญิงสาวนิ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มทรงเสน่ห์ชวนน่าหมั่นไส้
“เราต่างหากที่ต้องถามเจ้าว่าต้องการเท่าไหร่ สำหรับการเรียกร้องเงินครั้งนี้”
“เรียกร้องเงิน?” อญู่ร่าพูดเสียงสูง ยิ่งเห็นสายตาของเขาก็ยิ่งเดือดเหมือนน้ำที่อยู่บนเตาไฟร้อนจัด
“ทำหน้าตาใสซื่อเสียจริงนะ แต่ข้ารู้ทันเจ้าหรอก เสียตัวให้เราฟรีๆ แบบนี้เจ้าไม่ได้อะไรเลยก็คงเสียเปรียบ อุตส่าห์ให้น้องสาวเราส่งรูปถ่ายมาให้เราดู พรีเซนต์ตัวเองขนาดนี้ นาดาเป็นคนใจอ่อน เจ้าเลยพูดเรื่องหนี้สินของโรงโรมเพื่อเรียกเงิน เราคาดการณ์ถูกใช่ไหม” ชามิลหรี่ตามองหญิงสาวอย่างรู้ทัน
สิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุดในชีวิตก็คือ ถูกยัดเยียดในสิ่งที่เธอไม่ได้คิดและไม่ได้ทำแบบนี้ เขาจะดูถูกเธอมากไปแล้วนะ
“ถ้าหากจะต่อว่ากันก็ไม่ต้องคุยกัน ฉันขอไม่รบกวนความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้นจากคุณ เพราะไม่ได้คิดแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถือว่าให้ทานกับผู้ยากไร้หิวโซ”
“อย่างนั้นเหรอ เจ้าจะใจร้ายไม่ช่วยเหลือบิดาของเจ้าเชียวหรือ” ชามิลถามอย่างสนใจ แต่มิได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด ไม่ว่าหญิงสาวจะปฏิเสธหรือว่าตอบรับการช่วยเหลือของเขา
เขาไม่ชอบให้ใครปฏิเสธเขาแบบนี้ เธอกล้าดียังไงมาปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา
อญู่ร่านิ่งอึ้งไปเมื่อเจอคำถามนี้ เธออยากช่วยบิดามากจนตอนนี้เครียดและไม่รู้จะทำเช่นไรดี เพราะยังหาทางออกไม่ได้ นึกค่อนขอดคนตรงหน้า พอเธอไม่รับความช่วยเหลือก็เอาบิดามาอ้าง ถ้าเธอรับล่ะ ก็หาว่าเธอหน้าเงินอีกน่ะสิ แถมยังยัดเยียดกล่าวหาว่าเธอแผนสูงอีก คนอะไรคิดเรื่องราวได้เป็นตุเป็นตะ
อาการนิ่งอึ้งของอีกฝ่ายทำให้ชามิลรู้ทันทีว่าเขาจับจุดอ่อนของเธอได้
“อีกอย่างนึงที่ข้าอยากจะถามก็คือ เจ้าไม่เสียดายพรหมจรรย์ของตัวเองหรือไง”