“เจ้าพี่” นาดาเรียกพี่ชายอย่างดีใจ และยิ่งดีใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาบอกว่ายินดีจะช่วยเพื่อนสาว โดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยขอร้อง
“หนีลงมาแบบนี้ไม่รอกันเลย”
ชามิลเอ่ยถามน้องสาวแต่สายตาคมกริบกวาดมองแม่ขนุนน้อยแสนหวานที่เขาได้กลืนกินเจ้าหล่อนก่อนหน้า
จริงๆ อยากถามคนที่นั่งก้มหน้างุดอยู่ข้างน้องว่า กล้าดียังไงหนีเขาลงมาแบบนี้ เดี๋ยวเขาจะจัดการสำเร็จโทษให้ระทวยเลยทีเดียว
อญู่ร่าหน้าแดงซ่านเมื่อสบกับสายตาคมดุจพญาเหยี่ยมคู่นั้น หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก กายสาวร้อนผ่าวจนแดงเถือกไปทั่วด้วยความอับอาย ยิ่งเห็นสายตาลามเลีย คำพูดส่อถึงความหมายคล้ายเขาถามเธอทำให้เธอทำอันใดไม่ถูก
“แหม... ก็น้องคิดถึงเพื่อนของน้องนี่คะเจ้าพี่ น้องเลยลงมาก่อน นี่ก็กำลังจะแนะนำให้เจ้าพี่ได้รู้จักกับเพื่อนรักของน้อง ราร่าดูแลน้องอย่างดีตอนเรียนอยู่ที่ประเทศไทย” นาดาตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสไม่ได้เฉลียวใจถึงคำพูดของพี่ชายเลยสักนิด
อญู่ร่าเห็นเพื่อนรักตอบอย่างมิรู้อีโหน่อีเหน่ก็เม้มริมฝีปากแน่นตวัดสายตามองอีกฝ่ายที่กำลังมองเธออยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะสู้แรงตาร้อนระอุของอีกฝ่ายไม่ไหวเลยจำต้องหลบตาเขาเช่นเคย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อญู่ร่าคงตกใจที่ได้ยินเพื่อนสาวพูดคำราชาศัพท์กับพี่ชายเช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว อยู่กันมาหลายปี นาดาไม่เคยบอกว่ามีสายเลือดของราชนิกูลสูงศักดิ์ เพื่อนรักเพิ่งบอกเธอตอนสำเร็จการศึกษาเมื่อไม่นาน ตอนแรกเธอก็น้อยใจ แต่เพราะนาดาไม่อยากให้เธอเกร็งเวลาคบกัน และไม่อยากเปิดเผยฐานะที่แท้จริง เธอจึงโกรธเพื่อนไม่ลงนั่นเอง
อญู่ร่าประหม่าจนมือสั่น นึกด่าคนที่ข่มเหงเธอในใจ คนบ้า บ้าที่สุด มองเธอเหมือนจะกลืนกิน!
“เรารู้จักกันแล้วละ” คำพูดของชามิลทำให้อญู่ร่าเบิกตากว้าง แต่สีหน้าตระหนกของเจ้าหล่อนทำให้ชีคหนุ่มนึกขบขันระคนเอ็นดูนัก เขาแค่อยากแหย่อยากแกล้ง อีกทั้งรอคิดบัญชีรวบยอดที่เธอกล้าหนีเขาลงจากเตียงมาก่อนหน้า
“รู้จักกันแล้ว” นาดาตะแคงใบหน้าน่ารักมองพี่ชายอย่างงุนงง ก่อนจะหันมองเพื่อนที่ก้มหน้างุด แถมแก้มนวลแดงซ่านด้วยความสงสัย
หรือสองคนนี้จะปิ๊งกันแล้ว แบบนี้ก็ดีสิ เธอจะได้ไม่ต้องลุ้นมากจนตัวโก่ง อยากได้เพื่อนสาวคนสนิทมาเป็นพี่สะใภ้ใจจะขาดอยู่แล้ว เนื่องจากรู้นิสัยใจคอกันดีว่าเพื่อนเป็นคนดี เหมาะสมกับพี่ชายแค่ไหน
“ก็ในรูปไง เราส่งอีเมลให้พี่ดูบ่อยไม่ใช่เหรอ” ชามิลบอกน้องสาวลูบศีรษะที่มีผ้าคลุมผมไปมาเบาๆ อย่างเอ็นดู
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น อญู่ร่าก็ลอบผ่อนลมหายใจออกจากปาก ส่วนนาดานั้นหัวเราะเสียงใสเมื่อพี่ชายทรุดลงนั่งตรงข้ามข้างๆ กับตน แถมยังมองเพื่อนสาวตาหวานหยาดเยิ้มหยดย้อย แบบนี้ไม่ให้เธอคิดได้ไงว่าพี่ชายชอบเพื่อนของเธอและพึงพอใจในตัวเพื่อนของเธอ
“ในรูปจะไปสู้เห็นตัวจริงได้อย่างไรเล่าเจ้าพี่ อันนี้ตัวเป็นๆ เลยเชียว เห็นไหมล่ะเพคะว่าเพื่อนของนาดางดงามเพียงใด” นาดาพูดตาพราว ยิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นพี่ชายดูพึงพอใจในตัวเพื่อนรัก มองไม่ยอมวางตาแบบนี้
“พี่มาขัดเราหรือเปล่า หือ...” น้ำเสียงปรานีเอ่ยถามน้องสาว แต่สายตาคมกล้ามองดวงตาสวยแปลกที่กำลังตวัดมองเขาตาขุ่นเขียว
“ก็ราร่ากำลัง...”
“นาดา หิวหรือยังจ๊ะ ราร่าเตรียมอาหารไว้ต้อนรับแล้ว”
อญ่ร่ารีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้เพื่อนเล่าถึงปัญหาของเธอให้พี่ชายฟังอีก แค่ที่เขารู้ก็เพียงพอแล้ว เขาเดินมาเมื่อไหร่เธอไม่รู้ แต่เขาคงได้ยินที่เธอพูดกับนาดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่เอ่ยแสดงตนว่าจะช่วยเหลือแบบนี้ เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเอาเรื่องไร้สาระหรือความทุกข์ใจไปขอความช่วยเหลือจากน้องสาวเขา แม้แต่เขาเองก็ตามที
ตอนที่เธอรู้ในครั้งแรกว่านาดาเป็นเจ้าหญิงแห่งรัฐไบซา เธอก็ทำตัวไม่ถูก เรียกผิดๆ ถูกๆ แต่นาดากลับให้เธอพูดคุยกันเหมือนเดิม เธอหายเกร็งคลายความกังวลเรื่องการพูดราชาศัพท์ลงไปได้บ้าง แต่เธอก็พยายามหัดพูดเอาไว้เพราะอย่างไรก็คงต้องใช้
“เรื่องกินเอาไว้ก่อนจ้ะ ตอนนี้นาดาร้อนใจอยากช่วยราร่า” นาดานั้นเป็นคนที่รักเพื่อนมาก ด้วยความรักที่มีต่อเพื่อนจึงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
“นาดา คือว่าราร่า...” อญู่ร่ากำลังจะห้ามแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย
“เจ้าพี่คะ นาดาอยากยืมเงินเจ้าพี่ช่วยเหลือราร่าหน่อย กิจการโรงแรมของครอบครัวราร่ากำลังมีปัญหาค่ะ ก็อย่างที่เจ้าพี่ได้ยิน และเจ้าพี่ก็เอ่ยออกมาเองว่าจะช่วย” นาดาไม่คิดอ้อมค้อม มัดมือชกพี่ชายทันที
“อย่างนั้นเหรอ” ชามิลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม สายตาคมตวัดมองร่างหอมกรุ่นตรงหน้า ขนาดเขานั่งห่างเพียงนี้ยังได้กลิ่นหอมเฉพาะกายของเจ้าหล่อนถึงเพียงนี้ ไม่ต้องคิดถึงว่า หากได้แนบชิดเหมือนเช่นหลายชั่วโมงก่อน เขาจะมีความสุขกับความหอมละมุนนี้ขนาดไหน
“นาดา ราร่าไม่อยากรบกวน”
อญู่ร่ารีบเอ่ยปฏิเสธเพื่อนเสียงสั่น นาดาเริ่มหน้างอทันที จนอญู่ร่าทำอันไม่ถูก แต่คนเช่นเธอมิได้ไร้ศักดิ์ศรีจนต้องขอร้องคนแปลกหน้า สำหรับชามิล แม้เขาจะเป็นพี่ชายของเพื่อนรักแต่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ เพราะไม่เคยพูดจาปราศรัยและรู้จักกันก่อนหน้า จวบจนกระทั่งเธอพลาดพลั้งให้เขาเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไม่เห็นจะรบกวนอะไรเลยนี่นา” คำพูดของพี่ชายเรียกรอยยิ้มจากนาดาเป็นระยะ หญิงสาวจับแขนพี่ชายเขย่าแรงๆ ด้วยความดีใจ
“แสดงว่าเจ้าพี่จะช่วยเพื่อนของน้องจริงๆ อย่างที่บอกใช่ไหมเพคะ”
ประโยคที่นาดาเอ่ยถามทำให้ชามิลกระตุกยิ้ม อญู่ร่าเผลอมองเขาตาโต ก่อนจะหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของเขา เธอบีบมือตัวเองแน่นอยู่ใต้โต๊ะเมื่อไม่ว่ายังไงเธอก็สู้แรงตาเขาไม่ได้สักที
เธอเกลียดสายตาแบบนี้ของเขานัก ทั้งเจ้าเล่ห์และกระหาย แถมยังบ่งบอกไปถึงอำนาจที่เปี่ยมล้น
สงสัยคงจะชินกับการวางอำนาจใส่คนอื่นละสิ ชิ!
“แต่พี่ขอตกลงเงื่อนไขกับเพื่อนรักของน้องเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่” ชามิลถามน้องสาวแต่สายตาก็ไม่ได้ละจากร่างเนียนไปเลยสักนิด
“เจ้าพี่ต้องการตกลงกับราร่าสองคนหรือเพคะ ทำไมล่ะ น้องอยู่ฟังด้วยไม่ได้หรือไง” นาดาหน้างอเล็กน้อย เพราะกลัวพี่ชายไม่ช่วยเพื่อนรัก
“ฉันจะไม่...” อญู่ร่าจะปฏิเสธว่าจะไม่ตกลงอะไรกับเขาทั้งนั้น
... แต่ถูกเขาขัดขึ้นก่อน สายตาคมดุดันบังคับเธออยู่ในที จนหญิงสาวจำต้องปิดปากเอาไว้ หากเธอขัดใจเขาคงยกเรื่องน่าอายมาพูด นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
“พี่ขอคุยกับเพื่อนของน้องก่อน จะให้ยืมเงินทั้งทีก็ต้องรู้สิว่าเพื่อนของน้องยินดีหรือเปล่า เราจะไปยัดเยียดความช่วยเหลือให้เขาได้ยังไงกัน” ชามิลให้เหตุผลอย่างเอ็นดูน้องสาว สายคมเข้มดุจเหยี่ยวมองหญิงสาวตรงหน้ายิ้มๆ อย่างเป็นต่อ
นาดามองหน้าพี่ชายที มองหน้าเพื่อนสาวทีก็เผยยิ้ม ดีเหมือนกันเธอจะได้ปล่อยให้พี่ชายได้อยู่ตามลำพังกับเพื่อนรัก ทั้งสองจะได้เริ่มความสัมพันธ์เร็วๆ โดยไม่มีก้างชิ้นน่ารักอย่างเธอคอยขวาง
“ก็ได้ค่ะเจ้าพี่ แต่เจ้าพี่ห้ามคิดดอกเบี้ยราร่า เพื่อนรักของน้องนะเพคะ เพราะเราช่วยเหลือกันโดยไม่คิดถึงผลตอบแทน” นาดาสั่งกำชับพี่ชาย
“แน่นอน พี่ไม่คิดดอกเบี้ยเพื่อนรักของน้องแน่นอน มันผิดบาปด้วย เราจะช่วยเหลือกัน” ชามิลเอ่ยยิ้มๆ กับน้องสาว แต่สายตาคมกริบมองหญิงสาวที่เอ่ยถึงไม่วางตา