ทั้ง 3 คนเตรียมปืน มีด น้ำและอาหารใส่เป้ พร้อมออกไปสำรวจ ลุงเจ็ตแล็กค์เปิดประตูออกไปช้าๆ ก้าวขาเดินออกไปคนแรกแล้วเควินกับลาราจก็ตามมาติดๆ
“รถโครตเจ๋งเลยวะ”
เควินยืนอึ้งกับรถเมื่อยืนดูใกล้ๆรถกระบะล้อใหญ่ยักต์ยกสูงลิบจนขึ้นลงลำบาก
“ผมขับให้นะครับ”
ลาราจขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ
~ปึ้งงงง
~บรึ้นนนน
รถเดินทางออกมาได้ไม่ไกลก็ชนเข้ากับอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ด้านหน้าเป็นที่โล่งและว่างเปล่า พร้อมเสียงแปลกๆ เหมือนครื่นความถี่ที่ต่ำมากๆ ที่ได้ยินแล้วรู้สึกหดหู่ รู้สึกเศร้า ลุงเจ็ตเเล็กค์กำลังจะลงไปดู
~หมับบบ
แต่ลาราจกลับดึงห้ามเอาไว้
“อย่าลงไปเลยครับ”
~ปึ้งงงๆ
มีอะไรบางอย่างกระแทกกรถจนสะเทือน เสียงครื่นนั้นก็ยังคงอยู่
“แหม่งเชี่ยอะไรวะเนี่ย!”
เควินเริ่มกลัว มีตัวอะไรมาชนรถแต่มองยังไงก็หาไม่เจอ แล้วเสียงนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว ลาราจตัดสินใจขับรถออกไปต่อทางเดิม แต่คราวนี้กับไม่ได้ชนกับอะไรอีกแล้ว ทุกคนมองหน้ากันด้วยความสับสนและงงงวย
“นี้แหละ ที่ฉันเจอก่อนหน้านี้”
ลุงเจ็ตแล็กค์บอกเล่าด้วยความตื่นตระหนก
“เป็นไปไม่ได้ นอกซะจากเจ้าตัวนั้นมันล่องหนได้”
ลาราจพูดให้คุณลุงปิ๊งความคิดนึงขึ้นมาได้
“ใช่! ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ ไอ้หนุ่ม มันต้องล่องหนแน่นอน”
“สงสัยมันต้องคลุมผ้าคลุมล่องหนไว้แน่ๆ ความคิดดีหนิ”
เควินพูดแซะ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีตัวแบบนั้นโผล่มาแน่นอน
ทั้ง 3 คน ขับรถตรงไปเรื่อยๆ จนเข้ามาในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกหนาแน่น แต่ทว่ามันดูทรุดโทรม ผุพัง ไร้ผู้คน
~ครึ้นนน
ถังขยะด้านหน้าขยับเองต่อหน้าต่อตาชายทั้ง 3
“ลมมันแรงหน่า ถังขยะก็คงจะปลิวได้ มันจะไปมีตัวแบบนั้นได้ยังไง บ้าหน่าา”
เควินพูดด้วยท่าทางชิวๆ
พวกเขาไม่ว่าจะขับมาไกลสักแค่ไหน ก็ยังไม่เห็นเงาของใครซักคนจนรู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ที่นี้มันยังกะเมืองร้าง”
เควินพูดแนะ
“เหมือนร้างมานานแล้วด้วย แล้วเรามาอยู่นี้ได้ไง”
ลุงถามคำถามที่สงสัยมานานแล้ว
“ผมว่าเรากำลังมีปัญหาครับ น้ำมันเจ้ารถยักต์กำลังจะหมด”
ลาราจหยุดรถก่อนจะหันไปบอกทุกคน
“ปั๊มๆน้ำมันไง เราเพิ่งผ่านมาเมื่อ 5 นาทีก่อน”
เควินสายตาเบิกกว้างมีความหวัง ลาราจได้ยินดังนั้นจึงวนรถกลับไปทางเดิม จนมาถึงปั๊มที่ใหญ่โตแต่ร้างทรุดโทรม
“เดี่ยวฉันลงไปเอง”
ลุงเจ็ตแล็กค์เสนอตัว
“ระวังตัวด้วยนะครับ”
ลาราจเกิดเป็นห่วงลุงเจ็ตแล็กค์ขึ้นมา
“โชคดีที่ยังมีน้ำมัน ห๊ะ ห้า ห๊า..(หัวเราะลั่น)”
ลุงเจ็ตเเล็กค์หัวเราะชอบใจ น้ำมันถูกเติมจนเต็มถัง ลุงยิ้มร่ากำลังเดินกลับมาที่รถแต่ยังไม่ถึง ตัวลุงถูกชนกระเด็นมาชนที่รถ
~ปึ้งงง
โดยที่ไม่รู้ว่าอะไรชนลุงกระเด็นมา
“อ๊าา!..ช่วยด้วยมันกัดแขนฉัน”
แขนลุงเจ็ตแล็กค์ถูกกัดขาดครึ่ง แต่แขนอีกครึ่งหายวับไปแล้ว
~ปังงง ~ปังงง ~ปังงง ~ปังงง
ลาราจลดกระจกลงกวาดยิงด้านหน้าลุงเจ็ตแล็กค์มั่วๆ ด้วยความงงงวย เลือดเขียวปริศนาหยดลงพื้น ลุงรีบปีนกลับขึ้นรถอย่างยากลำบากโดยมีเควินกำลังช่วยดึงอยู่ ลาราจรีบถอดเสื้อด้านนอกให้เควินกดห้ามเลือดลุงไว้ ลาราจรีบเลี้ยวรถกลับทางเดิม กว่าจะถึงบ้านก็ราวๆ 15 นาที
~เอี๊ยดดดด
พอถึงบ้านนาตาชาที่ยืนคอยอยู่หน้าประตูก่อนแล้ว จึงรีบเปิดประตู ให้ทั้ง 3 คนเข้ามา แล้วเควินก็รีบปิดประตูอย่างลนลาน
~กริ๊ดดดดด
นาตาชาเห็นแขนลุงเจ็ตแล็กค์ก็ร้องลั่นบ้าน จนทุกคนรีบวิ่งออกมาดู
“กล่องยาๆ หละครับ”
ลาราจตะโกนอย่างร้อนอกร้อนใจ
“แบบนี้มันต้องรัดห้ามเลือดไว้ก่อน”
เจสซิก้าสาวผิวดำตัดเสื้อตัวเอง มารัดแขนลุงไว้เพื่อห้ามเลือด แต่ปากแผลก็ยังคงถูกเควินกดปิดเอาไว้แน่น
~โอ๊ยยยยยยยย
ลุงเจ็ตแล็กค์ที่ท่าทางอ่อนเเรงร้องคร่ำครวญอยู่ตลอดเวลา
“ฉันเจอกล่องยาแล้วค่ะ”
ลอเรนสาวแต่งตัวเซ็กซี่เดินมาพร้อมกล่องยา กล่องใหญ่ ยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อที่มีอยู่ในกล่อง ถูกนำมาให้ลุงเจ็ตแล๊กค์ทาน ก่อนจะผยุงลุงไปนอนที่โซฟาในห้องโถงขนาดใหญ่ และเรื่องที่เกิดทั้งหมดถูกเควินเล่าให้ทุกคนฟัง จนละเอียดยิบ ทุกคนไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เพราะมีแขนลุงเจ็ตแล็กค์เป็นหลักฐาน ลุงนอนเจ็บจนไข้ขึ้น นาตาชาที่ดูน่ารักและแสนดี จึงทำการเช็ดตัวให้ลุงอย่างเบามือ
“ขอให้ลุงหายไวๆนะคะ”
เสียงอ่อนหวานทำให้ลุงเจ็ตแล็กค์มีแรงฮึดสู้อีกครั้ง หญิงสาวก้มลงมองเสื้อของตัวเองก็ตกใจเล็กน้อย เสื้อสีขาวแขนยาวเต็มไปด้วยเลือดของลุงเจ็ตแล็กค์ นาตาชาเห็นเสื้อผ้าในตู้ห้องเธอมีอยู่เยอะแยะมากมาย จึงขอเดินไปที่ห้องของตัวเองเพื่อทำการเปลี่ยนเสื้อเปลื้อนเลือดนี้ออกซักหน่อย เสื้อแขนยาวถูกถกขึ้นด้วยความระวัง
~แอ๊ดดดดดด
ประตูที่แง้มไว้ถูกเปิดออก
“ขอโทษ”
ลาราจที่เพิ่งเดินเข้ามาวกเดินกลับไปแล้วยืนรอตรงหน้าประตู ด้วยหัวใจที่เต้นดังโครมคราม เมื่อเห็นท่อนบนเปลื่อยของนาตาชาอย่างไม่ตั้งใจ
“คะ..คุณ..มีอะไรรึเปล่า ฉันขอเปลี่ยนเสื้อเเปปนึงนะคะ”
น้ำเสียงนาตาชาพูดทั้งๆที่ตกใจ ค่อยเบาลงเพราะความเขินอายลาราจ
“คือ..ผมเห็นคุณไม่ค่อยทานน้ำเลย ผมเลยเอามาให้”
แขนที่มีขวดน้ำอยู่ในมือ โผล่ยื่นเข้ามาในห้อง นาตาชาที่เพิ่งใส่เสื้อตัวใหม่เสร็จ รีบวิ่งมาหยิบน้ำจากมือลาราจ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“ขอบคุณนะคะ ฉันตื้นเต้นมากจนลืมทานน้ำเลย(ยิ้มเขิน)”
ลาราจก้าวขาออกมาปรากฏตัวต่อหน้านาตาชาด้วยความรู้สึกประหม่า ทั้งคู่ยืนจ้องตากัน ด้วยความหวานซึ้ง ทั้งคู่เหมือนจะรู้ใจอีกฝ่ายว่าได้แอบปิ๊งกันเข้าแล้ว ทั้ง 2 เดินกลับเข้าไปในห้องโถงพร้อมกัน ซึ่งทุกคนต่างพากันนอนอยู่ที่นี้กันหมด ทำให้มีคนคอยดูอาการลุงเจ็ตแล็กค์อยู่หลายคน
“นี้ก็เย็นแล้วทุกคนไม่หิวกันหรอ”
เสกิร์ตหนุ่มท่าทางเนี๊ยบๆเนื้อตัวขาวจั๊ว พูดทำร้ายความเงียบขึ้นมา
“ผมก็หิวแล้ว”
ทริคชี่หนุ่มน้อยอายุ 25 ปี ที่เด็กที่สุดใน 8 คน พูดแล้วลุกพรวดขึ้นมา
“เดี่ยวฉันจะทำอาหารให้ทุกคนทานเองค่ะ”
นาตาชาเสนอตัว ยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้ทุกคน เธอไล่เปิดดูอาหารในตู้ ที่เต็มไปด้วยอาหารกระป๋องกับตระกูลบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายรสชาติ ที่ราวกับเพิ่งซื้อนำมาเติมไว้ในตู้ห้องครัวจนแน่นเอี๊ยด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกแกะลงหม้อต้ม แล้วนำปลากระป๋องเทตามลงไป ลาราจที่นั่งจ้องนาตาชาอยู่ก่อนแล้ว รีบเดินมายกอาหารและถ้วยชามไปที่โต๊ะอาหารเมื่อเห็นนาตาชาทำเสร็จ เหมือนเค้าจะเฝ้ามองดูเธอทั้งวันเลยยังไงยังงั้น ทั้ง 5 คนลุกไปนั่งทานอาหารอย่างพร้อมเพรียงหลังจากทนหิวมาแล้วทั้งวัน เหลือแต่นาตาชาที่ยกชามบะหมี่มาป้อนลุงเจ็ตแล็กค์ ที่ร่างกายอ่อนรวยริน
“คุณไม่ไปทานกับเค้าหละค่ะ”
นาตาชาหันไปถามลาราจที่นั่งมองเธออยู่ข้างๆ
“ผมจะรอคุณ”
สายตาหวานซึ้งถูกส่งมาให้หญิงสาว