~ติ๊กก
นาตาชาเปิดทีวีจอใหญ่เพื่อติดตามข่าว
“ขณะนี้ให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านล็อกประตู หน้าต่างทุกบานของท่านให้สนิท กองกำลังกู้ชาติได้รายงานมาว่า สัตว์ประหลาดชนิดนี้มีลักษณะโปร่งแสง ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามเปล่า ลักษณะสูงถึงประมาณ 2-3 เมตร ให้ทุกท่านงดเว้นกิจกรรมที่ใช้เสียงอึกทึกคึกโครม เพราะเสียงจะนำพาสัตว์ประหลาดมายังบ้านของท่าน อีกครึ่งชั่วโมงสะพานที่เชื่อมเมือง BWB จะถูกระเบิดทุกเส้นทาง และกำแพงสูงกำลังจะถูกล้อมรอบเมืองเพื่อป้องกันสัตว์ประหลาดไปเมืองอื่นๆ เพราะฉะนั้นทุกท่านจะไม่สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้ โปรดดูแลรักษา ตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย เพื่อรอการกวาดล้างสัตว์ประหลาดพวกนี้จนหมดสิ้นค่ะ ”
ภาพนักข่าวตัดไปกลายเป็นภาพผู้เสียชีวิตน่าหดหู่ สุดแสนสะเทือนใจ และตารางแจ้งยอดผู้เสียชีวิตที่พบเห็นผ่านทางดาวเทียม จำนวน 75 คน
“พวกเราจะรอกันอยู่เฉยๆหรอ เรารู้วิธีกำจัดมันแล้ว”
ลาราจเอ๋ย ด้วยท่าทางหึกเหิม
“ลูกพ่อ ทหารกำลังจัดการอยู่ ลูกควรจะรออยู่แต่ในบ้านนะ”
นิโคลัสเป็นห่วงลูกตนจึงพูดไปแบบนั้น..
“ผมจะจัดการพวกมันแทนคุณพ่อ ให้ผมอยู่เฉยๆแบบนี้ผมทนไม่ไหวแน่”
นิโคลัสก้มหน้ารู้สึกผิด ที่ต้องมาทำให้ลูกชายมารับเคราะห์จากสิ่งที่ตนสร้างขึ้นแบบนี้
“นายจะเอาอะไรไปจัดการมัน”
ลอเรนพูดแล้วก็เอนหลังลงบนโซฟา แล้วงีบหลับเพราะตอนนี้เวลา ตี 2 กว่าๆแล้ว
“ศูนย์วิจัยมีห้องเก็บอาวุธอยู่ แต่ต้องแสกนม่านตาของฉัน ประตูกลเหล็กหนา 20 เซนติเมตร ถึงจะเปิดออก”
นิโคลัสเสนออย่างสิ้นหวัง เพราะยังไงก็ต้องเอาชีวิตตัวเองกับลูกไปเสี่ยงตาย
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ ผมจะไปเอาอาวุธที่ศูนย์วิจัยกับคุณท่านนะครับ”
จอร์จเอ๋ย และยอมเสียสละตนเองด้วยความเต็มใจ
“งั้นวันนี้ เราไปหาหลับหานอนกันก่อนดีกว่าไหม ว่าแต่คุณเจ้าบ้าน พอจะให้ผมกับลอเรนพักห้องไหนได้บ้างครับ”
เควินพูดด้วยท่าทางกวนๆ แต่ก็ยังจบด้วยความนอบน้อมอยู่บ้าง เพราะยังต้องอาศัยบ้านเค้าอยู่
“ห้องชั้นล่างทางขวามือ ข้างๆห้องครัว เดี่ยวฉันกับนาตาขอตัวไปนอนก่อนแล้วกันนะ”
ลาราจกำลังหันหลังเดินไป แต่เควินนึกอะไรได้บ้างอย่าง
“บ้านนายพอจะมีอาหารเหลือให้ฉันกับลอเรนกินบ้างไหม”
“ฮา ฮ่า..มีสินายบอกแม่บ้านฉันก็ได้ แต่ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าสถานการณ์ตอนนี้ เราควรกินแต่พอดีเท่านั้น”
ลาราจประกาศหนักแน่นทุกคนก็พร้อมปฏิบัติตาม เพื่อความอยู่รอด อย่างเต็มใจ ลาราจหันเดินไปเพื่อรีบพานาตาชาไปเข้านอน เควินก็รีบปลุกลอเรนไปที่ห้องครัว อาหารและน้ำ ขนม ตระการตาถูกจัดเก็บภายในห้องครัวขนาดใหญ่จนล้นทะลัก พร้อมให้อีกหลายชีวิตกินประทังชีวิตได้ไปอีกหลายๆเดือน
“นี้ค่ะ อาหารเหลือจากมื้อเย็น อยู่ในตู้นี้พวกคุณเลือกทานได้เลยนะคะ”
แม่บ้านหญิงแก่เปิดตู้เย็นที่มีน้ำและอาหารเต็มตู้ เควินและลอเรนตาลุกวาว เพราะไม่ได้กินอาหารและเครื่องดื่มดีๆมาเกือบครึ่งปีแล้ว
“โห้! นี่อาหารเหลือหรอ”
เควินพูดไปพร้อมๆกับน้ำลายที่ไหลออกมาจนแทบทะลักออกปาก
“ฉันขอกินกุ้งเผานะ”
ลอเรนหยิบจานกุ้งเผาที่เหลืออยู่เต็มจาน ออกมาแล้วนำเข้าไมโครเวฟก่อน
“ส่วนผมขอกินผัดปลาหมึกนี่แล้วกัน แล้วพอจะมีข้าวบ้างไหม”
“มีเหลืออยู่ค่ะกำลังจะเอาเข้าตู้เย็นพอดีเลย”
แม่บ้านตักข้าวให้ลอเรนกับเควินจนพูนชาม แล้วนำที่เหลือเก็บใส่แช่เย็นไว้ ลอเรนกับเควินค่อยๆกินกันด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยจนตาลอย จนเหมือนลอยอยู่บนสวรรค์ ทั้งคู่นั้นกินไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า
..ช่วงสายๆวันถัดมา..
“คุณท่านพร้อมนะครับ คราวนี้ด้านนอกอาจจะอันตรายยิ่งกว่าเดิม เพราะพวกนั้นอาจจะเดินเตรดเตร่มาถึงบริเวณนี้แล้วก็ได้”
จอร์จพูดแนะนิโคลัสด้วยความเป็นห่วง
“พวกเราไปด้วยกันดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็จะได้ช่วยกันระวัง”
ลาราจกับเควินที่เตรียมตัวมาพร้อมแล้ว เดินมาโผล่ด้านหลังจอร์จ
“อ้าว ลาราจ”
นิโคลัสตกใจนิดหน่อยเพราะเป็นห่วงลูก
“แต่ก่อนที่จะไปที่ศูนย์วิจัย ผมอยากให้ทุกคนไปที่นึงก่อน”
ลาราจขับรถพาทุกคนมาไม่ไกลนัก ก็หยุดรถอยู่ตรงหน้าคลีนิค หู ตา จมูก ปาก
“นี่นายไม่สบายหรอ”
เควินขมวดคิ้วถามลาราจ
“รอผมอยู่ที่รถนะ เดี่ยวผมกลับมา”
ลาราจไม่ตอบคำถามของเควิน เค้าค่อยๆลดหน้าต่างรถยนต์ลง เพื่อฟังเสียงด้านนอกก่อนที่จะรีบวิ่งไปหน้าคลีนิคให้เบาและเร็วที่สุด แล้วกดกริ่งเรียกคนด้านใน
~กริ่งๆ
ยืนรออยู่แปปเดี่ยวก็มีคุณหมอใส่แว่นเปิดหน้าต่างเล็ก พูดเสียงเบาๆถามลาราจ
“คุณมาทำอะไร ผมไม่รับคนไข้ตอนนี้หรอกนะ”
“ช่วยเปิดประตูให้ผมเข้าไปก่อนได้ไหมครับ”
ลาราจพูดพลางหันซ้าย หันขวา ด้วยความระแวง
“เฮ้อ.. คุยธุระคุณเสร็จแล้วรีบกลับไปนะ”
คุณหมอกวาดสายตามองคนในรถแล้วเดินมาเปิดประตูให้ลาราจเข้าไป
~แก๊กๆ ~แอ็ดด
“ผมแค่อยากจะได้เครื่องช่วยฟัง คุณหมอมีกี่ชิ้นผมซื้อหมด”
“งั้นหรอ คุณก็ทำผมตกใจแทบแย่เลย ถ้าเครื่องช่วยฟังผมก็พอจะมีอยู่นะ เดี่ยวผมขอหาแปปนึงนะครับ”
~ขลุก ~ขลัก
คุณหมอรื้อหาของในตู้พักนึง ก่อนจะหยิบเครื่องช่วยฟังมาวางตรงหน้าให้ลาราจ
“ผมมีแค่เนี้ยแหละ ว่าแต่เอาไปทำอะไรครับ คุณก็ดูหูปกติดีหนิ”
ลาราจที่กำลังนับเครื่องช่วยฟังอยู่ ซึ่งมีอยู่แค่ 10 ชิ้น ก็เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามคุณหมอด้วยสายตาที่จริงใจ
“สัตว์ประหลาดพวกนั้นมันมีเสียงครับ ถึงจะมองไม่เห็นก็ตาม พวกผมจะออกไปกวาดล้างพวกมันให้หมด”
“จริงเหรอ! ขอบคุณจริงๆนะ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเอาความกล้าหาญมาจากไหน แต่ขอบคุณจริงๆ”
คุณหมอยิ้มกว้างขอบคุณลาราจและทุกคน
“ครับ(ยิ้ม) ว่าแต่ว่าเท่าไหร่ครับ อันนี้”
ลาราจชี้ลงไปที่เครื่องช่วยฟัง
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกพวกคุณเอาไปใช้เถอะ ขอให้ปลอดภัยนะครับ”
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
ลาราจเอาเครื่องช่วยฟังมาใส่หูทันที ส่วนที่เหลือก็นำมายัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองไว้ แล้วเดินไปเลื่อนหน้าต่างเล็กฟังเสียงด้านนอกก่อน พอเจ้าตัวไม่ได้ยินเสียงอะไร จึงรีบเปิดประตูวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
~ปึ้งงง
“นี่นายไม่สบายรึไง!”
เควินพูดเสียงดังลั่นในรถ
“อ๊ากก.. พูดเบาๆหน่อยสิ ฉันใส่นี้อยู่ ไว้ช่วยฟังเสียงสัตว์ประหลาดไง คราวนี้เราจะได้ยินชัดเจน ถึงขั้นรู้ตำแหน่งของพวกมันแม่นยำขึ้นด้วยนะ”
ทุกคนทำตาใสตั้งใจฟังลาราจ และพยักหัว หงึกๆ เพราะเห็นด้วยกับความคิดของลาราจและรับเครื่องช่วยฟังจากลาราจมาใส่คนละอัน
ลาราจออกรถมาไม่ถึง 10 นาที ก็ชน
~ปึ้งงงงงง
เข้ากับสัตว์ประหลาด เควินจึงรีบเปิดหน้าต่างรถยิงซ้ำจนตาย
~ปังๆๆๆ
“โอ้ยย..ฉันว่าตอนยิงปืนเราควรจะถอดเจ้านี้ออกก่อนดีกว่านะ โอ้ยแสบแก้วหูเป็นบ้า”
เควินปิดหน้าต่างขึ้น แล้วถอดเครื่องช่วยฟังออกก่อนไว้ใช้ยามจำเป็น
ขับมาได้อีกไม่ไกลนักก็ดันมีรถเก๋งข้าวของบนหลังคารถพะลุงพะลัง จอดขว้างถนนอยู่ แต่เจ้าของรถ 3 พ่อแม่ลูกนอนตายสิ้นลมหายใจอยู่ด้านข้างรถ ซึ่งเหมือนพวกเขากำลังเก็บข้าวของ เพื่อเดินทางหนีไปอยู่ที่เมืองอื่นยังไงยังงั้น แต่กลับต้องเจอสัตว์ประหลาดฆ่าตายซะก่อน
ลาราจหักเลี้ยวหลบไปอีกทาง มีศพอยู่หน้าบ้านผู้คนเป็นบางที่ตามข้างทาง พวกเขาไม่อยากแม้แต่จะมองมัน
~เอี๊ยดดดดด
ในที่สุดรถก็วนอ้อมมาเรื่อยๆจนมาจอดอยู่ที่หน้าศูนย์วิจัย แหล่งกำเนิดของสัตว์ประหลาดล่องหน ทุกคนเปิดหน้าต่างรถลงพร้อมๆกัน โดยที่ไม่ได้นัดแนะอะไร เสียงเจ้าพวกสัตว์ประหลาดเซ็งแซ่ มีไม่รู้กี่ตัวก็ไม่อาจทราบได้
~ปังๆๆๆ ~ปังๆๆๆ ~ปังๆๆๆ ~ปังๆๆๆ ~ปังๆๆๆ
ทั้ง 4 คน กวาดยิงสัตว์ประหลาดล้มตายระนาว เลือดเขียวนองเต็มพื้น แต่เหมือนสัตว์ประหลาดจะได้ยินเสียงปืน แล้วต่างพากันวิ่งเข้ามา ยังเสียงนั้น
~ปึ้งงงง
สัตว์ประหลาดประมาณ 3 ตัว วิ่งเข้ามาชน รถพวกเขาจนโยกเยก
~ปังๆๆ ~ปังๆๆ ~ปังๆๆ ~ปังๆๆ
“กระสุนฉันจะหมดแล้ว”
เควินพกพากระสุนมาเยอะ แต่ไม่เยอะพอที่จะกำจัดฝูงสัตว์ประหลาด
~ฟรึบบบ
ลาราจโยนถุงลูกปืนให้เควิน
“ใจเพื่อน!”
เควินเติมลูกกระสุนเสร็จ พวกนั้นก็เงียบไปซะแล้ว จอร์จลงจากรถพ่นสีแดงจนทั่ว เผยให้เห็นฝูงสัตว์ประหลาดนับ 40 ตัว นอนตายกองระเนระนาด จนพวกเขาต้องเหยียบพวกสัตว์ประหลาดเพื่อเข้าตึกวิจัยไป นิโคลัสเสียบบัตร VIP เข้าตึกศูนย์วิจัย ห้องบางห้องมีพนักงานและนักวิทยาศาสตร์ ที่ติดอยู่ในอาคารนี้ หลายๆคนดูซึมเศร้าและสิ้นหวัง นิโคลัสรีบมุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บอาวุธชั้นใต้ดิน
ประตูกลเหล็กหนาถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อนิโคลัสแสกนม่านตาสำเร็จ
~ครืดดด ~ครืดดด
อาวุธหลากหลายมากมายเผยตรงหน้าพวกเค้าจนทุกคนตาโต
“อาวุธพวกนี้มีไว้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด และส่วนนึงที่พวกนายใช้ในเมืองร้างล้วนมาจากที่ห้องนี้”
นิโคลัสอธิบาย
“พวกเรารีบมาขนเจ้าพวกนี้ไปกันเถอะ”
ลาราจเอ๋ยขึ้น แล้วพุ่งตรงไปเลือกอาวุธที่ตนเองต้องการ