ตอนที่ 4

1220 Words
ยามดึกสงัดเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องกันระงม แม้อากาศจะร้อนสักเพียงใดก็ย่อมต้องหลับนอน ทว่าร่างเล็กกับหายใจกระหืดกระหอบ เหงื่อซึมไปทั่วแผ่นหลังและหนังศีรษะจนเปียกชุ่ม ไม่นานก็ลืมตาโพงลงและดีดตัวสะดุ้งตื่น "ฝัน! ข้าฝันอีกแล้ว" เถียนซูหลินยังคงรู้สึกถึงความหวาดกลัวกับความฝันนั้นไม่จางหาย แม้เริ่มต้นจะเป็นความฝันที่ดูปกติแต่ว่ามันจะจบลงด้วยขวัญผวา นางไม่อาจจะฝืนที่จะล้มตัวลงนอนได้อีกต่อไป จึงลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างเพื่อที่จะรับลม นางแหงนหน้ามองพระจันทร์ดวงโตที่สุกสกาวบนท้องฟ้าด้วยแววตาเหม่อลอย "ทำไมในฝันถึงไม่เคยมีเจ้าเลยเล่า และในฝันนางเป็นใครกัน" นางพูดพึมพำกับตนเองและย้อนนึกถึงความฝัน แม้ฐานะของนางในความฝันนั้นจะไม่ใช่สตรีที่ร่ำรวยแต่ก็มากไปด้วยความสามารถ นางยกมือขึ้นมามองภายใต้แสงจันทร์ สองมือนี้หรือที่นางในฝันนั้นทำได้ทุกอย่าง และนางผู้นั้นจะใช่นางที่ยืนอยู่ตรงนี้หรือไม่ หากใช่ นั่นคือนางในภพหน้าที่ต้องประสบหรือ "เหตุใดนางถึงกำพร้า?" คำถามในใจยากยิ่งที่จะมีใครให้คำตอบเพราะนั่นมิใช่คำถามเดียวเพราะมีคำถามอื่นอีกมากมายผุดออกมาอย่างไม่รู้จบ เสียงกุกกักดังจากด้านนอกเรือน แม้จะไม่ดังนักแต่ก็สามารถทำให้เถียนซูหลินหลุดจากภวังค์จนต้องเดินตรงไปเปิดประตู "พวกเจ้ายังไม่นอนอีกหรือ มาป้วนเปี้ยนอะไรแถวนี้" จิวลู่และอาม่านตกใจสะดุ้งเมื่อเห็นคนพร้อมเสียงดุดังขึ้น "บ่าว..บ่าวได้ยินเสียงคุณหนู จึง..." จิวลู่เอ่ยตอบออกมา ทำให้เถียนซูหลินรับรู้ นางปัดมือไล่พวกนางน้ำเสียงแฝงความหงุดหงิดที่มีใครมาก่อกวนความคิด "ข้าไม่เป็นอะไรแค่ฝันร้าย พวกเจ้าไปนอนเถอะ" "เจ้าค่ะ" ทั้งสองกำลังหันหลัง ทว่าถูกเถียนซูหลินที่นึกบางอย่างได้ เรียกให้พวกนางหยุดฝีเท้าไว้เสียก่อน "พรุ่งนี้ข้าจะไปอารามพระใหญ่ พวกเจ้าก็เตรียมข้าวของให้พร้อมด้วย" ทั้งสองหันหน้ามาสบตากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เพราะแค่ไหนแต่ไรมานายสาวมีแต่ยื่นเงินไปบริจาคแต่ไม่เคยไปอารามสักครั้ง ด้านเถียนซูหลินเมื่อเห็นสีหน้าของบ่าว นางก็คร้านที่จะอธิบายอะไรมากนักจึงหันหลังกลับได้ยินเพียงคำตอบรับของสาวใช้ "เอ่อ...เจ้าค่ะ" ทั้งสองเดินกับเรือนพัก โดยมีข้อสนทนาหัวข้อใหม่เรื่องที่นายสาวของตนจะเดินทางไปอารามด้วยตนเอง ยามเช้ารถม้าได้มุ่งตรงไปยังอารามพระใหญ่ โดยมิมีผู้ใดในจวนสกุลเจิ้งทักท้วงกับการเดินทางครั้งนี้ ทั้งที่รู้ว่าสตรีผู้ที่จะออกเดินทางเป็นถึงคุณหนูสกุลใหญ่สกุลเถียนทั้งเพิ่งหายป่วยจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง จนเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงจูลี่ถิงก็ยามที่รถม้าได้ออกไปไกลแล้ว "ทำไมไม่มีใครมารายงานข้าเลยสักคน พวกเจ้ายังมีสติดีกันอยู่หรือเปล่า หากนางเกิดล้มป่วยกลางทางหรือเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาพวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม? แล้วข้าจะเอาคำอธิบายไหนไปบอกกับบิดานาง!" พ่อบ้านที่ถูกฮูหยินตวาดใส่ก็รู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาบ้าง เขาลืมไปได้อย่างไรว่านางอยู่ในฐานะอะไร จะบอกว่าเป็นคู่หมั้นหมายของคุณชายสามก็ไม่แปลก หรือจะเป็นแขกที่นายท่านเถียนฝากให้ดูแลยามที่เขาไปทำธุระต่างเมืองก็ไม่เชิง และนี่นางเพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว เขาไม่น่าเชื่อคำพูดของคุณหนูเจิ้งเลย เป็นจังหวะเดียวกับที่เจิ้งชิวยี่ผ่านเข้ามาได้ยินมารดาต่อว่าพ่อบ้านใหญ่เข้าพอดี ด้วยความที่นามเป็นผู้สั่งการจึงออกมาปกป้อง "ท่านแม่เป็นความผิดของข้าเอง ท่านจะไปกล่าวโทษพ่อบ้านใหญ่ก็ไม่ได้" "เจ้าอีกแล้วหรอ มีเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับนางแล้วเจ้าไม่เอามือเข้ามาสอด มีบ้างไหม" คำพูดของมารดาราวกับนางถูกตบหน้าชาและยิ่งถูกต่อว่าต่อหน้าบุคคลอื่นทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ แต่นางก็มิอาจแสดงอารมณ์ได้ ได้แต่ยิ้มฝืนเอ่ยปากตอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "ท่านแม่นางไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ นางร้ายกาจออกปานนั้นไม่มีใครกล้าทำร้ายนางให้เสียมือหรอก และอีกประการหนึ่งข้าบังเอิญได้ยินจากปากว่าที่นางตกน้ำเป็นแค่แผนการที่ต้องการจับพี่สาม ที่วันนั้นในเรือนของนางข้ามีปากเสียงกับนางเพราะคำข่มขู่ข้าและเอ่ยปากว่าครั้งต่อไปนางจะพุ่งเป้ามาที่ข้า หากท่านแม่เป็นข้าสมควรแล้วหรือที่จะคิดปกป้องนาง" น้ำเสียงแข็งกร้าวที่แสดงความไม่พอใจออกมา "ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือ ข้าเป็นผู้ใหญ่และได้รับการไหว้วานจากบิดาของนาง แค่เรื่องที่นางได้กระทำข้าก็ไม่รู้จะอธิบายกับบิดานางยังไง แล้วนี่เจ้ายังคิดจะก่อเรื่องขึ้นมาเพียงเพราะคำข่มขู่ของนางอีกรึ?" เจิ้งชิวยี่ได้ฟังคำมารดาก็มีสีหน้าสลดลงทั้งที่ใจยังย้อนแย้ง "ลูกขอโทษเจ้าค่ะ นั่นเป็นเพราะลูกไม่ชอบนางนี่เจ้าคะ อยากให้นางไปพ้นๆจวนของเราเสียที ทั้งที่จวนของตัวเองก็มีแต่ไม่อยู่ มาเป็นกาฝากจนเดือดร้อนไปหมด" นางกล่าวน้ำเสียงสำนึกผิดแทรกความไม่พอใจอยู่เนืองๆ แต่จู่ๆ เหมือนคิดอะไรได้ ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงออดอ้อนทันที "ท่านแม่ท่านยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างพี่สามกับนางได้หรือไม่เจ้าคะ ไหนๆ พี่สามก็ไม่ได้ชอบนางและดูเหมือนว่าพี่สามจะชอบคุณหนูหลิน" "เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันง่ายนักหรือไง เรื่องการหมั้นหมายเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเอาไว้ตั้งนานแล้ว ส่วนเรื่องว่าเขาจะชอบคุณหนูหลินจริงหรือไม่เจ้าและข้าก็ยังไม่แน่ใจ" "เรื่องนั้นท่านแม่ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ข้าแอบสังเกตพี่สามมาตั้งนานแล้วดูเหมือนว่าพี่สามจะชอบนางเหมือนกัน" จูลี่ถิงวิเคราะห์คำพูดของเจิ้งชิวยี่ว่าเห็นจะจริง หากสองคนต่างมีใจให้กัน แล้วให้อีกฝ่ายมาแทรกกลางก็คงจะมีแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเกิดขึ้นแน่ ฝ่ายหลินถานซวงมีฐานะไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับเถียนซูหลิน ที่มีเพียงบิดาเป็นแค่คหบดีจะเทียบอะไรได้กลับใต้เท้าผู้ตรวจการ หากกล่าวเรื่องมารยาทและการวางตัวคงไม่ต้องเทียบว่าใครเหนือกว่า "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ เจ้ากลับไปเรียนได้แล้ว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD