bc

ท่านอ๋องมิใช่ท่านชิงชังข้าหรอกหรือ

book_age18+
222
FOLLOW
1K
READ
reincarnation/transmigration
HE
second chance
badboy
sweet
loser
detective
lies
kingdom building
like
intro-logo
Blurb

สามหนาวก่อน'ถานเมิ่งจี'เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้คู่หมายของเขาถึงแก่ความตายพร้อมเด็กในครรภ์พออีกสามหนาวต่อมานางกลับมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าวิงวอนขอความเมตตาจากเขาเช่นนี้หรือ'หลี่ปิงเฉิง'จะไม่ฉวยโอกาสชำระแค้น!

คำเตือน!!!

ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า18+และเซนซิถีฟอ่านโดยเด็ดขาด!!!

ไรต์เตือนคุณแล้ว เพราะนวนิยายเรื่องนี้มีฉากNC18++รวมไปถึงฉากรุนแรงไม่เหมาะสมกับเยาว์ชนและพระเอกแม่พลอยนั้นเป็นพระเอกชั่วหนักมากไม่อ่อนโยนแต่ดันเผือกคลั่งรักล้านเก้า! ส่วนนางเอกไม่เก่ง ไม่ฉลาดแต่นิสัยเสียมากกกกก หากคุณไม่ซีฯกับแนวหลัวมาเฟียชั่วกับทุกคนยกเว้นเมียก็เชิญกดติดตามเลยจร้า

*เน้นฟินไม่เน้นสาระ!

****พระเอกเลวดาร์กสุดใจ****

****นางเอกโง่งี้เง่าเอาแต่ใจ****

*****หลัวชั่ว100%*****

ตัวอย่างความชั่วของท่านอ๋องแปด✍️✍️✍️✍️?????

“ขออภัยนะลู่เจียว”

“!?” ลู่เจียวทำหน้าไม่เข้าใจหลังจากตนเองช่วยแต่งกายให้คุณหนูของตนเรียบร้อยอีกฝ่ายกลับหันมากล่าวขอโทษ

ตุบ!

แต่ก็สงสัยได้ไม่นานเมื่อท้ายทอยของตนคล้ายถูกของหนักกระแทกลงมาจนบงเกิดความเจ็บวูบหนึ่งสติของลู่เจียวก็มืดมนไม่รับรู้อันใดอีก ยังดีที่ขนาดร่างกายของสาวใช้คนสนิทและถานเมิ่งจีไม่ต่างกันมากหาไม่นางคงต้องปล่อยให้อีกฝ่ายล้มลงไปกระแทกพื้นเสียเป็นแน่

ถึงจะเจ็บมือไม่น้อยที่ต้องออกแรงทุบลงไปบนท้ายท้อยของลู่เจียวแต่ทำเช่นไรได้ในเมื่อท่านย่าคาดโทษสาวใช้ของนางเอาไว้มีเพียงต้องลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้จึงค่อยปกป้องอีกฝ่ายได้นางจึงต้องทำเพราะเพียงทบไปหนึ่งตุ๊บยังดีกว่าถูกลงโทษโบยหลายสิบไม้ตามกฏบ้านสกุลถาน

“ขอโทษนะลู่เจียว”

หลังจากลากอีกฝ่ายไปมัดเอาไว้ยังเสาร์เรือนกลางห้องนอนสำเร็จสาวน้อยถานเมิ่งจีจึงถอนหายใจโล่งอกจากนั้นจึงถอยหลังไม่ยืนมองสภาพภายในเรือนอีกรอบสำรวจว่ามีอันใดขาดตกแล้วท่านย่าจะสืบสาวไปเอาความผิดกับลู่เจียวได้อีกหรือไม่ พอแน่ใจนางจึงอาศัยความมืดอำพรางกายจนไปถึงกำแพงจวนด้านทิศเหนือซึ่งต่ำที่สุดแล้วในจสรถานไท่เว่ย

“เฮ้อ! โคตรเหนื่อยบอกเลย”

คนเพิ่งฟื้นไข้ที่ต้องออกแรงมากถึงกับทรุดกายลงนั่งพร้อมกับหายใจทางปากพักเหนื่อยอยู่ราวหนึ่งเค่อจึงปีนป่ายขึ้นไปอยู่กำแพงสำเร็จใบหน้างามบัดนี้มีหยาดเหงื่อชุ่มไปหมดแต่ช้าไปกว่านี้จะเลยเวลานัดกับโต้วซานแล้วแผนอาจล่มหรืออาจช้าไปจนลี่จื่อถูกปิดปากไปตลอดกาลเสียก่อน

แต่พอปีนขึ้นมานั่งบนกำแพงสำเร็จปัญหาใหญ่ก็บังเกิด!

“เพิ่งรู้แจ้งก็วันนี้แหละว่าข้ามันกลัวความสูง”

จับกิ่งหลิวเอาไว้แน่นเรียวปากเล็กพึมพำออกมาด้วยเสียงจวนเจียนจะร้องไห้จากนั้นจึงสวดมนต์มั่วซั่วไปหมดขาเรียวก็สั่นระริกหากรู้ว่ากำแพงสูงเช่นนี้นางยอมมุดช่องสุนัขลอดแต่แรกก็ดีแต่มาคิดได้ในยามนี้ก็สายเสียแล้ว

“เอาน่ามันไม่สูงหรอกสูงที่ใดกันไม่สูง…เล๊ย”

สะกดจิตตนเองอยู่อีกสองเค่อจึงค่อยสงบใจหยิบขลุ่ยดินเหนียวมาเป่าส่งสัญญาณเรียกเด็กหนุ่มโต้วซานให้นำม้ามารอรับแต่จนแล้วจนรอดเด็กสาวกลับทำใจกล้าโดดลงจากกำแพงลงไปบนหลังม้าไม่ไหวก็โธ่…

ใครไม่เคยหวาดกลัวความสูงคงไม่เข้าใจนางเป็นแน่นั่งทำใจอยู่สองเค่อถานเมิ่งจีกลับยากจะตัดใจเคยตายมาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่กลัวตายอีกนี่นานั่งอยู่จนแสงจันทร์มาเยือนถูกแมลงกัดกินจนเลือดแทบหมดตัวกลั้นใจแล้วตัดใจอีกนางก็ไม่กล้ากระโดดกำแพงสักครา…

ผลัก!

“!!!”

ตุ๊บ

จวบจนครึ่งชั่วยามผ่านพ้นกลับถูกมือดี…ไม่สินางรู้สึกว่าที่’ ผลัก’ ตนเองลงจากกำแพงนั้นหาใช่มือแต่น่าจะเป็นเท้าที่’ ถีบ’ ส่งนางลงมาบนหลังอาชาอย่างแม่นยำมากกว่าแต่พอตั้งสติหลังจากหายจุกและตกใจยังดีที่โต้วซานนั้นมีฝีมือบังคับม้ามันจึงไม่ตื่นเตลิดในยามที่นางตกลงมานางแหงนหน้าขึ้นไปมองกลับไม่พบสิ่งใดแม้แต่เงาหรือว่าที่แท้ตนเองจะถูก ‘ผี’ ถีบเข้าเสียแล้ว

…ให้ตายเถอะ!…

ขนลุกไปทั้งกายทันทีที่เมื่อครู่คิดว่าความสูงน่ากลัวแล้วบัดนี้ผีกลับหน้ากลัวว่า ‘เวรกรรมจริงๆ เลยนางจันทร์เอ๊ยสงสัยแต้มบุญที่มีจะใช้ไปหมดแล้วช่วงนี้จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมดราหูอมอยู่แน่ๆ’

“บังคับม้าพาข้าไปหอชุนอวี่”

บ่นในใจเสร็จจึงปั้นเสียงขรึมสั่งการโต้วซานราวกับบุคคลที่นั่งทดท้อกับชีวิตบนกำแพงอยู่ครึ่งชั่วยามนั้นมิเคยมีมาก่อนจวบจนม้าของสองนายและบ่าวพ้นตรอกไปแล้ว บุรุษที่ใช้ความมืดอำพรางกายอยู่จึงใช้กำลังภายในลงมาจากต้นหลิวด้วยกิริยาองอาจอย่างยิ่ง

“ท่านอ๋องผลักคุณหนูสี่ลงมาเช่นนั้นมิกลัวนางพลาดแล้วบาดเจ็บหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เกิดมาจนจะสามสิบหนาวซ่งจินและไป๋ลู่ก็เพิ่งจะเคยเห็นบุรุษเต็มกายใช้เท้าผลักสตรีบอบบางเป็นบุญตาก็ราตรีนี้

“ใครบอกว่าข้าผลักนาง ข้าถีบนางต่างหาก แล้วหากนางเกิดตกลงไปคอหักตายนั่นก็เพราะคนของนางไร้ฝีมือบังคับม้าส่วนข้าถือว่าถีบได้ดีแล้ว”

“…..” ซ่งจิน

“…..” ไป๋ลู่

สององครักษ์อยากหัวเราะก็ไม่กล้าจะร้องไห้กลับไม่สมควรมีเพียงทำหน้าราวกับกลืนก้อนถ่านแดงๆ ลงท้องเท่านั้นที่อีกฝ่ายดูภาคภูมิใจที่ตนเองนั้น'ถีบ'ได้ดีดีจนถึงขั้นมาคุยโอ้อวด

“ไปกันเถอะเผื่อภรรยาของข้านางเกิดเรื่องข้าผู้เป็นสามีที่ดีจะได้ช่วยเหลือนางได้ทัน”

…เกรงว่าที่ช่วยเหลือคงเป็นช่วยซ้ำเติมเสียละมาก…

ซ่งจินและไป๋ลู่ต่างคิดตรงกันราวกับนัดเพราะที่เห็นเมื่อครู่ก็เป็นเช่นนั้นจะให้ดีกล่านั้นเกรงว่าจะมิใช่ท่านอ๋องแปดแล้วแต่กล่าวจากใจถึงพวกตนล้วนทราบว่าท่านอ๋องแปดหาใช่คนดีแต่ถึงขึ้นถีบภรรยาตนเองนี้พวกเขากลับนับถือเพิ่มพูนไปอีกหลายส่วน!

chap-preview
Free preview
บทนำ
บทนำ เสียงดนตรีแสนไพเราะกับอาหารเลิศรสในวันนี้กลับไม่ทำให้คุณหนูสี่ ‘ถานเมิ่งจี’ ดรุณีน้อยวัยสิบหกหนาว บุตรสาวสายตรงเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพใหญ่ถาน หรือก็คือถานไท่เว่ย ผู้มีนามว่า ‘ถานหมิงฮ่าว’ รู้สึกเพลิดเพลินเช่นทุกครั้งเช่นที่นางได้ติดตามบิดามาร่วมงานเลี้ยงใหญ่ภายในวังหลวงเอาเสียเลย นั่นคงเพราะตนเองบังเกิดอาการประหลาดหลังจากผู้เป็นบิดานั้นลุกขึ้นไปทักทายสหายเมื่อครู่ใหญ่ก็เป็นไปได้ ทำให้เด็กสาวต้องเหลียวมองหาว่าบัดนี้บิดานั้นใกล้จะกลับมายังโต๊ะที่ตนนั่งรอหรือยัง แต่ก็เห็นเพียงเงาหลังห่างไกลเท่านั้นครั้นเมื่อเหลียวไปหาพี่ชายคนที่สามที่หายไปกับสตรีสาวนางหนึ่งก็ยังไม่กลับมา เห็นการวันนี้ดูแปลกไปจริง ๆ “น้องสี่เป็นอันใดไปหรือ” คงเพราะนางกระสับกระส่ายเกินไป พี่สาวต่างมารดาจึงร้องทักขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่นางที่เป็นดวงจิตของคนต่างยุคซึ่งเข้ามาอาศัยแทนที่คุณหนูสี่ถานเมิ่งจีคนเดิมได้หนึ่งหนาวกลับไม่เชื่อใจสตรีร้ายกาจเช่น ‘ถานม่านอวี้’ เด็ดขาดหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ถานเมิ่งจีถึงแก่ความตายแล้ว นางที่เป็นดวงจิตของ ‘เจ้าจันทร์ มากมีทรัพย์’ นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมหานครที่ประสบอุบัติเหตุรถชนคอสะพานจนเสียชีวิตเมื่อหนึ่งหนาวก่อนก็เข้ามาอยู่แทนก็แน่ชัด “ลำบากพี่หญิงใหญ่ต้องห่วงใยแล้ว แต่น้องสี่นั้นหาได้เป็นอันใด เพียงห่วงใยท่านพ่อกับพี่สามมากไปเท่านั้น” เพราะวันนี้เป็นงานเลี้ยงใหญ่ เฉลิมฉลองที่ท่านอ๋องแปด ‘หลี่ปิงเฉิง’ นั้นมีชัยชนะเหนือกบฏยังชายแดนแคว้นหย่งโดยเด็ดขาด จนบัดนี้แคว้นหย่งกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทำให้จวนถานไท่เว่ย หรือจวนสกุลถานต้องยกกันมาทั้งหมด ยกเว้นฮูหยินผู้เฒ่ากับเหล่าอนุภรรยาเท่านั้นที่ไม่ได้ติดตามถานไท่เว่ยผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่ง ‘ต้าเซิ่ง’ มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย มีเพียงบุตรสาวและบุตรชายที่ยังรั้งอยู่ที่เมืองหลวงติดตามมาเท่านั้นในวันนี้ “แต่น้องสี่ดูอาการไม่ดีเลย เป็นอันใดก็เร่งกล่าวมาเถิด พี่หญิงใหญ่นี้ยินดีช่วยเหลือ” ‘มองมาจากนอกโลกยังเห็นเลยว่า ‘แม่นาง’ นั้นปลอมมาก!’ สาวน้อยคิดขณะที่ลมหายใจของตนเองเริ่มหอบแรงขึ้น เหงื่อกาฬแตกซ่าน หากเป็นถานเมิ่งจีคนเดิมคงไม่ทราบแน่ว่าตนเองกำลังเป็นอันใด แต่เพราะบัดนี้คือ ‘เจ้าจันทร์’ นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ ถึงจะแค่ปี3 ทว่าอาการที่เป็นอยู่นี้กระจ่างแล้วว่าหาใช่ตนแพ้อาหารหรือเมาสุรา หากแต่ตนคงถูกนางอสรพิษหน้าขาว ‘ม่านอวี้’ เล่นงานด้วยยาปลุกกำหนัดเข้าแล้ว! ยิ่งแลเห็นรอยยิ้มร้ายกาจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ซึ่งมีเพียงถานเมิ่งจีผู้เดียวที่มองเห็นบัดนี้ก็ยิ่งแน่แก่ใจตนเองนั้น ‘เสียที’ ให้ถานม่านอวี้แล้วจริง ๆ “นางอสรพิษม่านอวี้!” เด็กสาวพึมพำด้วยความทรมาน สายตาเริ่มจะมืดมัวไปด้วยเพลิงราคะ ถึงจะพยายามข่มอาการแล้วตั้งสติว่าเหตุใดถานม่านอวี้จึงใจกล้าถึงกับลงมือกับนางภายในงานเลี้ยงใหญ่โตภายในวังหลวง โดยไม่เกรงกลัวบิดาที่หากรู้ความจริงจะต้องขับไล่นางไปอยู่บ้านนอกหรือไร ก่อนที่ทุกสิ่งจะกระจ่าง ทุกสิ่งก็พลันหยุดชะงักไปเมื่อเสียงขันทีร้องบอกว่าองค์ไท่จื่อ ‘หลี่ไท่หยาง’ เสด็จมาถึงภายในงานเลี้ยงนี้เสียก่อน ทำเอาถานเมิ่งจียิ่งร้อนใจ พร้อมสะดุดใจกับบางสิ่ง เพราะในอดีตระหว่างหลี่ไท่หยางกับถานเมิ่งจีคนเดิมที่ตายจากไปนั้นมีสัญญาหมั้นหมายมานับตั้งแต่เด็กสาวยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงทำให้ตลอดมาภายในใจของถานม่านอวี้ที่อิจฉาริษยาน้องสาวมาตลอดจึงไม่เคยยินยอมให้น้องสาวสุดท้ายได้แต่งงานไปเป็นว่าที่ฮองเฮา เพราะนางคิดว่าตนเองนั้นเกิดก่อนถานเมิ่งจีถึงสี่หนาว แต่เพราะฐานะของนางเกิดจากอนุภรรยาจึงมิใช่บุตรสาวสายตรง ดังนั้นถึงถานเมิ่งจีจะเกิดทีหลัง แต่กลับตัดหน้าเอาตำแหน่งว่าที่ไท่จื่อเฟยมาครอบครองตั้งแต่ยังไม่รู้ความเลยด้วยซ้ำ นางยอมไม่ได้จนถึงเคยคิดแผนร้าย จนถานเมิ่งจีในอดีตถึงแก่ความตายมาแล้วเกรงว่าในคราวนี้แค่วางยาหวังทำลายชื่อเสียงให้นางอยู่มิสู้ตายมีหรือจะไม่กล้าลงมือ “หึ! หากคุณหนูสี่ลุกขึ้นมาเปลื้องผ้า งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้คงสนุกสนานยากจะลืมลงเป็นแน่!” นางอสรพิษหน้าขาวม่านอวี้กระซิบอยู่ข้างใบหูเล็กในขณะที่สติของถานเมิ่งจีแทบจะควบคุมไม่ได้ สายตามองหาบิดาและพี่ชายคนที่สาม แต่พวกเขาบัดนี้ยิ่งอยู่ไกล ส่วนสาวใช้ของนางนั้นก็รั้งอยู่ที่รถม้า เหลียวซ้ายแลขวากลับไม่พบคนคุ้นเคยที่พอจะพึ่งพาอาศัยได้เลยสักผู้เดียวในยามยากเช่นนี้ เห็นทีตนคงต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น และหากคิดจะไป นางรั้งรออีกไม่ไหว ขณะนี้มีเพียงกลับไปหาสาวใช้คนสนิทเช่นฮุ่ยลู่เจียว กับคนสนิทของบิดาเท่านั้น นางจึงพอจะมีโอกาสรอดพ้นไปจากแผนการร้ายของถานม่านอวี้ คิดตกจึงไม่รอช้าเด็กสาวกัดฟันควบคุมสติลุกขึ้นเดินออกจากงานเลี้ยงไปชนิดไม่สนใจผู้คนรอบข้างอีกต่อไป แม้แต่เงาร่างของพี่ชายคนที่สามจะผ่านสายตานางก็ไม่หยุด เพราะบัดนี้นอกจากบิดานางก็ไม่วางใจผู้ใดแล้วจริง ๆ พลั่ก! ตุ๊บ! แม้แต่ชนกับคนจนเซถลาล้มลงไปบนพื้น ถานเมิ่งจีก็ไม่สนใจจะดูแล้วว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด นางสนใจเพียงต้องไปให้ถึงรถม้า และคนของบิดาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะควบคุมสติตนเองไม่ไหว ยิ่งเหลียวกลับไปมองด้านหลังแล้วเห็นนางอสรพิษหน้าขาวถานม่านอวี้กำลังลุกเดินตามมาด้วยกิริยาเยือกเย็น นางกลับยิ่งตึงเครียด เพราะคนเช่นนั้นไม่มีทางกลับใจมาคิดดีต่อนางเป็นแน่ “เดี๋ยวสิ! เจ้าจะไร้มารยาทเกินไปหรือไม่คุณหนูสี่ เดินชนคนแล้วไม่ขอโทษ ช่างไม่เหมาะสมกับฐานะคู่หมายของไท่จื่อหลี่ไท่หยางเลยนะ” เสียงของบุรุษที่นางเพิ่งชนจนเซถลาล้มก้นกระแทกพื้นราวกับนกปีกหักกลับไม่ยอมปล่อยนางให้จากไปด้วยดี หันมาจับต้นแขนของนางแล้วบีบเอาไว้จนแน่น ทำเอากายสาวร้อนรุ่มแทบเสียสติ “เมิ่งจีขออภัยที่ไร้มารยาทต่อคุณชายท่านนี้แล้ว ต้องขออภัยจากใจเจ้าค่ะ” นางกัดฟันข่มความทรมานขุมใหญ่ลงท้องก่อนปั้นหน้ายิ้มแล้วเอ่ยขอโทษจากใจจริง แต่รอยยิ้มของนางคงบิดเบี้ยวไม่น้อย บุรุษหน้าตาดุดันจึงมองกันด้วยสายตากังขาอยู่หลายส่วนส่งมาให้เช่นนี้ แต่สงสัยอันใดมันก็เป็นปัญหาของเขาปัญหาเดียวของนางคือต้องกลับรถม้าแล้วเร่งไปพบท่านหมอสักคนให้ได้เท่านั้น “เมิ่งจี นี่เจ้าไม่สบายหรือ?” น้ำเสียงของอีกฝ่ายคล้ายอาทรกันอยู่หลายส่วน นางจึงเพ่งมองบุรุษผู้มีเรือนกายสูงใหญ่อย่างจริงจัง เพราะคาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นคนคุ้นเคยที่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ แต่มองอยู่ครู่หนึ่งนางกลับไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย “ขออภัยเจ้าค่ะคุณชาย หากแต่เมิ่งจีคงต้องขอตัวก่อนแล้ว” ยิ่งหันไปด้านหลังเห็นถานม่านอวี้ใกล้เข้ามา นางเองก็ยิ่งร้อนใจ ในเมื่อบุรุษตรงหน้านางไม่รู้จักย่อมไม่วางใจจนถึงขนาดเอ่ยปากให้อีกฝ่ายช่วย มือเล็กจึงแกะฝ่ามือแกร่งของอีกฝ่ายที่กำต้นแขนของนางเอาไว้แน่นให้เขาปล่อย พอไม่ได้ผลจึงตัดสินใจว่าไม่สนแล้ว ยามนี้นางกำลังแย่ อีกทั้งคนตรงหน้าดูไม่น่าวางใจ นางป้องกันตนเองล้วนไม่ผิด ผลัวะ! “โอ๊ะ!” กำปั้นเล็กพุ่งออกไปและชกเข้าตรงหน้าท้องของบุรุษตัวสูงใหญ่เต็มแรง โดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว หรือคิดระแวงสงสัย เลยเป็นผลดังที่นางต้องการ เพราะมือแกร่งปล่อยต้นแขนเล็กของตนทันที สาวน้อยจึงยืมเท้าสุนัขวิ่งไม่คิดชีวิต แต่เพราะพระราชวังในยามค่ำคืนนั้นตรงไหนก็ดูเหมือนกันไปหมดวิ่งมาจนลิ้นห้อยจึงรู้แจ้ง นางหลงทิศ! “บัดซบ!” เข่าสองข้างของเด็กสาวทรุดลงนั่งกับพื้นหญ้านุ่มนิ่ม เพราะจนปัญญาจะหาทางกลับไปยังรถม้า ภายในใจก็มีเพียงคำว่าแย่แล้ววิ่งวนซ้ำไปมา พลันน้ำตาก็หลั่งรินก่อนจะเริ่มด่าทอตนเองที่โง่เขลา หันไปทางทิศใดต้นไม้ใบหน้ารวมไปถึงโคมไฟตกแต่งประดับประดาก็เหมือนกันไปหมด ความทรมานจากฤทธิ์ยานรกก็พุ่งพรวดเข้าถาโถมแทบจะควบคุมตนเองไม่ไหว จนเผลอดึงทึ้งอาภรณ์งดงามของตนเอง แต่เมื่อตั้งสติได้นางก็หยุดทำวนเวียนอยู่เช่นนั้น จนสภาพงดงามเมื่อตอนออกจากจวนถานไท่เว่ยบัดนี้ไม่มีเหลือ! “หายไปไหนเร็วนักนะ” ถานม่านอวี้คิดว่าตนเองติดตามถานเมิ่งจีมาดีแล้วโดยแท้ แต่เพราะตนเองดันเดินสวนกับท่านอ๋องแปด ‘หลี่ปิงเฉิง’ เข้า จึงจำต้องหยุดถวายพระพรบุรุษผู้หยิ่งยโสเสียก่อน เลยคลาดกันกับนางมารน้อยเมิ่งจีเสียได้ บัดนี้เดินตามหาจนถึงรถม้ายังหน้าประตูพระราชวังทิศใต้กลับไม่พบแม้แต่เงาก็ชักเริ่มร้อนใจ เพราะหากผิดแผนที่นางทุ่มเทจนหมดตัวในราตรีนี้ นางคงจบสิ้นโอกาสได้แก้ตัวอีกแล้วเป็นแน่ “ลี่จื่อมาช่วยข้าตามหาคนเร็วเข้า” หากผิดพลาดนอกจากนางจะพลาดโอกาสได้แต่งงานกับองค์ไท่จื่อหลี่ไท่หยางแล้ว แม้แต่รั้งอยู่เมืองหลวงในจวนถานไท่เว่ยนางก็คงยากจะรั้งอยู่ต่อไปได้เป็นแน่ มีเพียงต้องถูกยกให้ตบแต่งออกไปกับคุณชายสักคนที่ฐานะปานกลางเท่านั้น ซึ่งนางยอมไม่ได้เด็ดขาด ถึงยากจะแต่งเข้าตำหนักบูรพาในฐานะไท่จื่อเฟยได้เช่นถานเมิ่งจี แต่ขอเพียงนางได้แต่งเข้าไป จะฐานะเพียงแค่พระชายารองนางก็ยินดี เพราะด้วยฐานะบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยา หากไม่แต่งงานออกไปกับคุณชายฐานะปานกลางก็อาจต้องแต่งไปเป็นอนุภรรยา หนีชะตาของมารดาไม่พ้น ดังนั้นนางที่พยายามทำทุกวิถีทางไม่ยอมแต่งงานออกไปทั้งที่อายุก็มากถึงยี่สิบหนาวแล้วเช่นนี้จึงไม่ยอมผิดพลาดกับแผนการในวันนี้เด็ดขาด! แต่เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็หาไม่พบ ถานม่านอวี้จึงยิ่งร้อนใจ ไหนจะต้องกลับไปรับหน้าบิดา ไหนจะยังหานางตัวดีไม่พบไม่ร้อนใจอย่างไรไหว ยิ่งเวลายิ่งดึก ถานม่านอวี้ก็แทบจะเสียสติแล้ว บัดนี้ดวงตาคู่งามแดงก่ำเพราะโมโหและแค้นใจที่สวรรค์ไม่เป็นใจให้โอกาสนางเลย คิดด่าทอไปถึงน้องชายของตนที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย แทนที่จะช่วยกันกลับหายหัวไปเสียได้ นางแค้นใจแทบกระอักโลหิตออกมาแล้วในยามนี้ “เจ้าตามหาต่อไป ส่วนข้าต้องกลับไปรับหน้าท่านพ่อก่อน ระวังด้วยล่ะ อย่าให้ถูกจับได้ ที่สำคัญหากพบคุณชายให้เขาช่วยหาคนด้วยอีกแรงจำไว้นะ!” มีเพียงป้ายความผิดให้กับนางสาวใช้หน้าโง่เช่น ‘ชุนลี่จื่อ’ เท่านั้นนางจึงเอาตัวรอดได้ในเหตุการณ์นี้ ส่วนคำพูดของถานเมิ่งจีนั้นนางคิดว่าตนเองพอจะหาทางแก้ไขได้อยู่บ้าง เนื่องจากแต่ไหนแต่ไรนางมารน้อยเมิ่งจีก็ทำอะไรตามใจตนเองเป็นหลัก โกหกจนเป็นสันดาน ถึงหนึ่งหนาวจากอุบัติเหตุรถม้าตกลงไปในแม่น้ำ ‘ฮวงเหอ’ คราวนั้นมันจะเปลี่ยนไปมาก แต่คนเคยไร้แก่นสารมาทั้งชีวิต แม้แต่ฮองเฮาที่คาดหวังกับอำนาจสกุลถานบ่อยครั้งยังไม่พึงใจกับว่าที่สะใภ้ผู้นี้ นางคิดว่าคราวนี้ตนเองจะต้องหาทางออกให้ตนเองได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ถานม่านอวี้คิดหาทางรอดให้ตนเองอยู่นั้น ผู้ที่คนทั้งมหานคร ‘ลั่วหยาง’ ล้วนมอบสมญานามให้ว่าคือ ‘นางมารน้อยเมิ่งจี’ เช่นคุณหนูสี่นั้นกำลังทรมานแทบขาดใจ แม้นเคยได้ยินได้ฟังถึงฤทธิ์ร้ายของยาปลุกกำหนัดมาไม่น้อย แต่พอนางได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเอง ร้อยคำเล่าลือกลับยังน้อยไปราวกับเป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น “น้ำ ข้าต้องไปหาน้ำ” สติอันเลือนรางบอกให้นางเร่งหาน้ำเพื่อลงไปแช่ แต่เพราะสตินั้นแทบไม่เหลือ นางจึงหลงลืมไปจนสิ้นว่าบัดนี้ตนเองหลงทางอยู่กลางพระราชวังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของดินแดนต้าเซิ่ง เรือนกายเล็กเดินโซเซลัดเลาะไปอย่างไร้จุดหมาย เพราะสติแทบไม่เหลือ มีหลายครั้งที่นางสะดุดหกล้ม ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เกิดจากการหกล้มนั้นค่อยฉุดดึงสติของเด็กสาวให้กลับคืนมาบ้าง นางจึงคิดได้ว่าไม่สมควรจะวิ่งราวคนเสียสติ เพราะยิ่งเตลิดก็จะยิ่งหลงทิศไปไกล และหากเป็นเช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องดี ต่อให้นางมีฐานะเป็นพระคู่หมั้นของไท่จื่อหลี่ไท่หยางที่รอให้อายุครบสิบแปดหนาวจึงสมควรแต่งเข้าตำหนักบูรพาได้ก็ตาม เช่นไรนางก็คือ ‘คนนอก’ ที่มาร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น ชื่อเสียงหนึ่งหนาวที่สั่งสมมาคงสลายไปจนสิ้นหากมีคนมาพบเข้ากับสภาพของนางในยามนี้ บุตรีในฮูหยินเอกของถานไท่เว่ยที่เป็นถึงพระคู่หมั้นในองค์ไท่จื่อเห็นทีจะไม่เหลือชิ้นดีสมใจของถานม่านอวี้แล้วเป็นแน่ “คงมีเพียงยอมเสียเลือดแลกสติแล้วกระมัง” ในยามไร้หนทางมีเพียงพึ่งพาตนเอง สุดท้ายถานเมิ่งจีจึงเลือกเจ็บตัวรักษาสติ นางดึงปิ่นบนศีรษะออกมาแล้วแทงลงบนฝ่ามือ เพราะเป็นจุดที่นางสามารถควบคุมมันได้ ส่วนจุดอื่นนางไม่มั่นใจว่าจะทำให้ตนเองบาดเจ็บจนถึงขนาดหมดสติเพราะเสียเลือดมากไปหรือไม่ ฉึก! “เจ็บเป็นบ้า!” แต่ก็เพราะความเจ็บ นางจึงได้สติคืนกลับมา ถึงไม่เต็มสิบส่วน แต่แค่เพียงห้าในสิบส่วนเท่านั้นนางก็สามารถคิดตกว่าตนเองจะหาทางกลับไปยังรถม้าได้อย่างไร ดวงตาคู่งามหลับลงทบทวนในใจว่ารถม้านั้นจอดอยู่ประตูทิศใต้ นางจึงลืมตาแหงนมองขึ้นไปบนท้องนภา ใช้ทักษะด้านการดูทิศจากดวงดาวเข้าช่วย ไม่นานนางก็พบทางที่จะกลับไปยังรถม้า คราวนี้จึงรวบรวมสติให้มั่นคงแล้วเดินลัดเลาะหลบสายตาของทหารยามกับเหล่านางกำนัลและขันทีที่เมื่อครู่นางไม่พบสักคน แต่พอเข้าใกล้ลานจัดเลี้ยงคนยิ่งมาก ปึก! โครม! บัดซบ! เหลืออีกเพียงไม่ถึงห้าสิบเก้านางก็จะหลุดไปถึงประตูทิศใต้อยู่แล้วโดยแท้ ไยสวรรค์จึงรังแกคนดีเช่นนางด้วยการให้วนเวียนกลับมาชนประสานงากับบุรุษร่างยักษ์ที่นางเพิ่งชกใต้เข็มขัดของเขาเช่นนี้ด้วยนะ?! …ถานเมิ่งจีไม่เข้าใจจริง ๆ …

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.1K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.2K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
7.9K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook