@กรุงเทพมหานคร
“พริกเสร็จหรือยังลูก” เจ้าของใบหน้าสวยราวกับปั้นแต่งหันมองยังประตูห้องนอน เมื่อได้ยินเสียงคนเป็นแม่เอ่ยถาม
“เสร็จแล้วค่า” น้ำพริก ตอบกลับก่อนจะหันไปมองยังกระจกอีกครั้ง เพื่อสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมว่าเรียบร้อยดีหรือยัง เมื่อเห็นว่าสวยเป็นที่น่าพึงพอใจแล้วก็รีบคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย จากนั้นก็เดินตรงไปยังประตูห้องนอนทันที...
หลังจากยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อย สองแม่ลูกก็ขึ้นไปนั่งบนรถ นลินญา ผู้ซึ่งเป็นแม่เมื่อนั่งยังตำแหน่งคนขับแล้ว ก็หันไปมองลูกสาวของเธอที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ ครู่หนึ่ง พอเห็นน้ำพริกนั่งรถเรียบร้อยก็ค่อย ๆ เคลื่อนรถขับออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังจังหวัดสุรินทร์ทันที...
รถเก๋งสีขาวแล่นบนถนนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ขณะเสียงบทสนทนาของสองแม่ลูก ดังขึ้นไม่ว่างเว้นตลอดระยะทาง ซึ่งใช้เวลาเดินทางนานกว่าหกชั่วโมงรถคันกล่าวก็เลี้ยวยังทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่สองข้างทางนั้นรายล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี เหนือต้นข้าวเต็มไปด้วยฝูงนกกำลังบินเล่นลมอย่างเริงร่า
บรรยากาศรอบข้างทำเอาร่างอรชรอดที่จะจรดปลายนิ้วเรียวยาวลงยังปุ่มเปิดกระจกไม่ได้ เมื่อบานกระจกเปิดกว้างสายลมเย็น ๆ ก็พัดผ่านเข้ามา ปะทะยังใบหน้าสายจนผมเผ้าปลิวสยาย
ก่อนที่คนตัวเล็กจะยื่นหน้าออกไปด้านนอก ขณะตาคู่สวยมองบรรยากาศรอบข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของต้นข้าวฟุ้งกระจาย...
การกระทำของน้ำพริกอยู่ภายใต้สายตาของนลินญาที่นั่งมองอยู่ เห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้ เมื่อเห็นลูกสาวดูหลงรักที่นี่ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องดีจะได้ไม่มีปัญหาในคราที่น้ำพริกนั้นแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่กับลูกชายของเพื่อนสนิท
“อากาศดีจัง”
“อยากย้ายมาอยู่ที่นี่เร็ว ๆ ไหมล่ะ แม่จะได้คุยกับกัญญา ให้เลื่อนงานแต่งเข้ามาเร็วขึ้น” ขณะตาคู่สวยสนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า พอได้ยินคำพูดของคนเป็นแม่ก็รีบเอ่ยตอบกลับไปทันควัน ราวกับไม่ต้องคิดให้ปวดหัว
“ถ้าเขายอมแต่ง แม่รีบบอกน้ากัญญาให้เลื่อนงานแต่งเข้ามาเร็ว ๆ เลย”
“ไม่ค่อยอยากแต่งเท่าไรเลยนะ” เป็นเรื่องจริงอย่างที่แม่เธอพูดไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเธออยากแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนแม่เธอจริง ๆ เพียงแต่อีกคนนั้นยังไม่พร้อม ขอเวลาอีกหนึ่งปีจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
น้ำพริกไม่ได้ตอบกลับไปเพียงแต่ยกไหล่ขึ้นคล้ายไม่ปฏิเสธในสิ่งที่แม่เธอพูด จากนั้นก็หันกลับไปสนใจทิวทัศน์ด้านหน้าอีกครั้ง ขณะใบหน้าสวยนั้นยิ้มไม่หุบเมื่อรู้สึกสุขใจอีกทั้งตื่นเต้น ที่อีกไม่กี่นาทีก็จะได้พบเจอเขาคนนั้นแล้ว...
รถเก๋งสีขาวยังคงแล่นอยู่บนถนน กระทั่งเข้าเขตหมู่บ้านของกัญญา เหตุต้องมาที่นี่เพราะธุระที่นลินญาจะไปทำ นั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านของกัญญามากนัก เธอจึงเลือกพักอาศัยที่บ้านของเพื่อนในระยะสองสามวันแทนการพักโรงแรม...
รถคันกล่าววิ่งผ่านบ้านเรือนของชาวบ้าน ไม่นานก็เลี้ยวเข้าไปภายในบ้านไม้สองชั้นที่มีใต้ถุนหลังหนึ่ง ซึ่งด้านในมีบริเวณกว้างขวางแม้จะมีตัวเรือนอยู่สองหลัง เอาไว้พักอาศัยและเก็บเศียรที่ลูกค้าสั่งผลิต แต่ก็ไม่ทำให้พื้นที่ด้านในบ้านคับแคบลงเลย
พอรถจอดสนิทตาคู่สวยก็รีบมองไปยังเรือนรับรองเพื่อหวังพบเจอใครบางคน แต่...ก็ไร้ซึ่งเงาของเขา เห็นเพียงแค่คนงานสองคนที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นเท่านั้น รับรู้เช่นนั้นคิ้วเรียงสวยก็ขมวดมุ่น และได้แต่สงสัยว่าอีกคนหายไปไหน
ขณะมัวแต่มองหาใครบางคน พอเห็นคนเป็นแม่ลงจากรถ น้ำพริกก็รีบตามลงไป แล้วกวาดสายตามองรอบบ้านอีกครั้ง
ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับเจ้าของร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลารับกับจมูกโด่งคมสัน สวมใส่เพียงกางเกงยีนขายาวตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ และรอยสักน่าเกรงขาม บนบ่ามีเสื้อยืดสีดำพาดอยู่ ยืนมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึก อยู่ที่บันไดบ้านกับคนงานของเขา
เห็นเพียงเท่านั้นก็ทำเอาหัวใจของเธอเต้นสั่นระรัว ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเจอเขา...
ทางด้าน ก้อง ขณะกำลังก้าวเดินลงบันไดเพื่อไปทำงาน จู่ ๆ ก็เห็น ราม ลูกน้องของตนวิ่งขึ้นบันไดบ้านมาด้วยท่าทีเร่งรีบเสียก่อน เขาจึงหยุดมองแล้วฟังสิ่งที่อีกคนกำลังเอ่ยบอกทั้งที่ยังยืนเหนื่อยหอบ...
“อ้ายก้องเมียกะแม่เฒ่าเจ้ามา” (พี่ก้องเมียกับแม่ยายพี่มา) ตาคมกริบมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ขณะในหัวนั้นเต็มไปด้วยคำถาม เมื่อไม่เข้าใจว่ามันจะวิ่งมาบอกเรื่องแค่นี้ให้เหนื่อยทำไม ทั้งที่ก็แค่คนสนิทของแม่ตนมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเสียหน่อย
ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับใบหน้า...
“บ่แม่นเมียกู” (ไม่ใช่เมียกู) สิ้นประโยคบอกกล่าวก้องก็ละสายตาจากรามไปยังน้ำพริกที่กำลังยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่เขากลับมองเธอนิ่ง ๆ อีกทั้งยังไม่คิดจะรับไหว้อีกต่างหาก ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางนลินญาแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท จากนั้นก็เดินลงบันไดบ้านไปยังเรือนรับรองเพื่อปั้นเศียรและโขนที่ลูกค้าสั่ง...
ท่าทีเมินเฉยของร่างสูงที่แสดงออกมาอยู่ภายใต้ตาคู่สวยที่มองอยู่ เห็นเช่นนั้นน้ำพริกก็หน้าเสียไม่น้อย อีกทั้งยังอดหมั่นไส้ว่าที่สามีของเธอไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่นอกจากคิดในใจ...
อย่าให้ถึงวันแต่งงานนะ จะจับให้อยู่หมัดเลย...
“มาถึงกันเร็วจัง” ขณะร่างเล็กยืนมองแผ่นหลังกำยำของชายหนุ่มที่เธอชอบ แต่พอได้ยินเสียงดังมาจากทางบันไดบ้านใบหน้าสวยจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นกัญญาแม่ของก้องกำลังเดินลงบันไดมุ่งตรงมายังเธอกับแม่ ร่างเล็กจึงยกขึ้นไหว้แม่สามีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็ยืนพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วช่วยกันยกสัมภาระขึ้นไปเก็บบนบ้าน...
ทางด้านก้องเมื่อวางพวงมาลัยลงบนพานด้านหน้าเศียรพ่อแก่ ที่มีเครื่องสักการะไม่ว่าจะเป็นหมากพลู บุหรี่ กล้วย มะพร้าวอ่อนและน้ำเปล่า หลังจากกราบไหว้บูชาเสร็จก็ยกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะเดินออกมาหน้าเรือนรับรองแล้วไปทิ้งตัวนั่งลงยังเตียงไม้สัก
ที่ต้องกราบไหว้พ่อแก่ก่อนเริ่มทำงานทุกครั้ง เนื่องจากในการทำหัวโขนที่มีมาตั้งแต่โบราณจะมีพิธีกรรมและกรรมวิธีการสร้างหลายขั้นตอน เพื่อให้เกิดความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งช่างผู้ทำเศียรจะต้องปั้นหน้าเศียรครูที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเศียรพ่อแก่ พระพิราพ และเศียรพระพิฆเนศ ช่างผู้ทำเศียรจึงต้องทำความเคารพก่อนทุกครั้ง
และไม่ใช่ช่างทุกคนจะสามารถทำเศียรครูเหล่านี้ได้ ต้องผ่านพิธีการไหว้ครูและครอบครูมาก่อนด้วย เพื่อเป็นการตั้งเคารพน้อมบูชาครูผู้ให้ศิลปะการช่างทั้งในโบราณและปัจจุบัน
ทำให้ในแต่ละวันก่อนเริ่มทำงาน ก้องจึงต้องกราบไหว้พ่อแก่เพื่อเป็นการเคารพครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา และขอความเป็นสิริมงคลให้บังเกิดแก่ศิษย์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย รวมถึงเตือนใจว่าเราเป็นศิษย์มีครูจะไม่ทำผิดทำนองคลองธรรม...
เมื่อนั่งลงยังเตียงไม้สักที่มีหุ่นหัวโขนปั้น ผ่านการตากแห้งแล้ววางอยู่ด้านหน้า มือหนาก็เอื้อมไปหยิบซองยาเส้นกับกระดาษมวนมาพันยาสูบ เพื่อเติมสารนิโคตินเข้าปอดก่อนเริ่มงาน
ชายหนุ่มไม่ได้สูบเป็นประจำ เขามักจะสูบก่อนปั้นเศียรเท่านั้น เพื่อให้สมองโล่งและผ่อนคลายจะได้ทำงานอย่างคล่องแคล่ว เพราะงานที่ทำนั้นต้องใช้สมาธิมาก ๆ ...
หลังจากพันยาเส้นเสร็จก็ส่งเข้าปากยกมืออีกข้างป้องลม จากนั้นก็จัดการจุดไฟที่ปลายมวน แล้วสูบควันสีขาวเข้าปอดหนัก ๆ จับมวนยาสูบออกจากริมฝีปาก แล้วพ่นควันสีเทาให้ล่องลอยไปตามอากาศ พอสมองโล่งก็เตรียมจะ...
“อ้ายก้องอย่าฟ้าวถิ่มเสียดายของเบิ่ด เดี๋ยวข่อยสูบต่อเอง” (พี่ก้องอย่าเพิ่งทิ้ง เสียดายของหมด เดี๋ยวฉันสูบต่อเอง)
หลังจากเก็บหัวโขนที่ตากแดดวางลงยังเตียงไม้สัก พอเห็นลูกพี่ตนกำลังจะทิ้งยาสูบชายหนุ่มจึงรีบยกมือห้าม ก้องได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองรามพร้อมกับส่งยาสูบให้ จากนั้นก็เริ่มปั้นหัวโขนทศกัณฐ์ที่ลูกค้าสั่ง...
ในเวลาเดียวกันบนชั้นสองของตัวบ้าน หลังจากนลินญาเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอนเรียบร้อย ก็เดินออกมาข้างนอกเห็นกัญญานั่งอยู่ที่โซฟาจึงเดินไปนั่งลงด้านข้าง
เดิมทีทั้งสองไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เหตุที่รู้จักกันเกิดขึ้นในตอนที่นลินญาถูกพ่อของน้ำพริกทิ้งไปอยู่กับเมียน้อย ทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอพังแถมยังหมดกำลังใจในการเดินหน้าต่อ เพราะไม่คิดว่าชายที่อยู่ร่วมชีวิตกันมาจนลูกโตจะทิ้งกันได้ลงคอ...
ในช่วงเวลานั้นนลินญาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ทำให้พบเจอกับกัญญาที่ไปปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกัน พอได้มีการพูดคุยจึงทำให้ทั้งสองรู้จักและสนิทกันตั้งแต่นั้นมา...
และในตอนนี้นลินญาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธพ่อของน้ำพริกแล้ว เนื่องจากเขานั้นเกิดอุบัติเหตุทำให้จากโลกนี้ไปแล้ว...
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนั้นมาได้ นลินญาก็ไม่อยากให้น้ำพริกต้องพบเจอผู้ชายเหมือนสามีเธออีกเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจ จนมีความคิดไม่อยากให้น้ำพริกนั้นคบกับผู้ชายคนไหนเลย กระทั่งได้มาเจอกับก้องลูกชายของกัญญาทำให้ความคิดของนลินญานั้นเปลี่ยนไปทันที...
ซึ่งไม่ต่างจากกัญญาเมื่อเห็นลูกชายของเธอไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ชีวิตเอาแต่ทำงานทั้งที่อายุอานามก็เข้าเลขสามแล้ว จึงกลัวว่าจะขึ้นคานเสียก่อน อีกทั้งเธอกลัวจะไม่ได้อุ้มหลานด้วย
หญิงวัยกลางคนทั้งสองจึงพูดคุยเรื่องลูก ๆ ของพวกเธอ จบด้วยการตัดสินใจให้เด็กทั้งสองตบแต่งกัน แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ด้วยความรักและความเป็นห่วงจึงทำให้ทั้งสองตัดสินใจทำเช่นนี้...
“เฮ้อ~” หลังจากน้ำพริกจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น แต่ก็เล่นได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ไม่อาจทนต่อความง่วงได้จึงหลับไปในที่สุด...
ร่างเล็กนอนหลับใหลอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมเป็นเวลานานสองนานกว่าจะรู้สึกตัวก็เย็นย่ำ เมื่อสัมผัสได้ถึงแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระทบยังใบหน้า เปลือกตาสีเนื้อจึงค่อย ๆ เปิดขึ้น พร้อมกับร่างเล็กบิดตัวไล่ความขี้เกียจ พอเห็นว่าเย็นแล้วก็รีบดันตัวลุกจากเตียงแล้วเดินออกไปข้างนอกห้องทันที...