@ห้องผ่าตัด
บรรยากาศในห้องผ่าตัดนั้นเย็นเฉียบทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมสำหรับการผ่าตัดหัวใจในครั้งนี้ คนไข้เป็นเด็กอายุเพียง 8 ขวบ เคสนี้ถือเป็นเคสที่ยากเนื่องจากยังเป็นเด็ก และถ้าการผ่าตัดผิดพลาดอาจส่งผลระยะยาวต่อเด็กได้ในอนาคต
“วิสัญญีแพทย์ช่วยเช็คดูความดันชีพจรและดูความพร้อมของคนไข้ด้วย” อาจาย์หมอเขื่อนวันนี้ลงมือผ่าตัดให้กับเคสเด็ก 8 ขวบ โดยมีทีมงานแพทย์พยาบาลคอยเป็นลูกมือ ทุกการรักษาจะสามารถมองเห็นได้จากกล้องวงจรปิดและชั้นบนที่เป็นห้องกระจกใสสำหรับแพทย์ที่ต้องการดูขั้นตอนการผ่าตัด
“หมอภูเย็บต่อเส้นเลือดตรงนี้” อาจารย์หมอสั่งให้หมอภูช่วยเย็บและเค้ากำลังสอน
“ครับอาจารย์หมอ” ทุกคนช่วยกันโดยต้องทำแข่งขันกับเวลาถ้าหากช้าไปกว่านี้จะเกิดอันตราย
“นี่…อย่าตกใจตั้งสติ” อาจารย์หมอที่เห็นหมอภูเริ่มประหม่าเพราะตอนนี้ความดันและชีพจรของคนไข้ต่ำลง
“นี่กูบอกว่าให้มีสติ….” อาจารย์หมอเขื่อนดุหมอภูที่ตอนนี้เค้าวางมือและสนใจแต่ชีพจร ทุกคนต่างกลัวและเงียบกริบ
“พยาบาลขอ forceps” พยาบาลยื่นอุปกรณ์ให้อาจารย์หมอเขื่อนและเช็ดเหงื่อให้เค้า ทุกคนกดดันและตื่นเต้นมากเพราะเวลากำลังจะหมดและการผ่าตัดยังไม่สำเร็จ
“นี่ทุกคนดูผมนะ” อาจารย์หมอเขื่อนได้ทำการผ่าตัดและเย็บแผลให้คนไข้พร้อมกับสอนศัลยแพทย์ทุกคน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการความดันและชีพจรของคนไข้ก็เริ่มดีขึ้น
“complete.” เสียงปรมมือชื่นชมการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดีดังขึ้นจากด้านบนห้องกระจก ซึ่งมีทีมแพทย์และบอร์ดบริหารคอยยืนมองดูอยู่ ทุกคนต่างชื่นชมและทึ่งกับความสามารถของอาจารย์หมออัครินทร์ หรือหมอเขื่อนนั่นเองเขาเก่งและเป็นศัลยแพทย์มือดีคนหนึ่งที่ฝีมือและการวินิจฉัยนั้นเฉียบขาด มีเพียงสายตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่มองดูด้วยความริษยาและพยาบาท
หลังจากออกมาจากห้องผ่าตัดอาจารย์หมอและลูกศิษย์นักศึกษาแพทย์อินเทิอร์นทุกคน ที่ได้ร่วมงานและสังเกตการณ์ต่างมารวมตัวกันที่ห้องทำงานของอาจารย์หมอ
“โหอาจารย์หมอครับ…ผมเพิ่งจะเคยเห็นทักษะการใช้ scalpel ผ่าแบบเลือดไม่ทะลักแบบนี้…สุดยอดมากเลยช่วยสอนผมด้วยนะครับ” คชานักนักศึกษาแพทย์อินเทิอร์นก้มลงพร้อมยกมือไหว้อาจารย์หมออย่างเคารพ เค้าคิดเพียงแค่ว่าตอนนี้อาจารย์หมออัครินทร์คือแสงสว่างที่จะนำทาง และจะเรียนรู้วิชาจากอาจารย์หมอให้มากที่สุด อาจารย์หมอนั้นเก่งสมคำล่ำลือจริงๆที่วันนี้เขาได้เห็นมันกับตา
“ได้สิ…..ผมจะสอนอินเทิร์นทุกคนแต่มีข้อแม้ว่าต้องสามัคคีและทำงานกันเป็นทีม” อาจารย์หมอยิ้มให้กับลูกศิษย์และทีมงานที่วันนี้ได้เจอและร่วมงานกันเป็นวันแรก
“เอาล่ะ…ผมอนุญาตให้ทุกคนไปพักได้ถ้าใครมีคำถามหรือสงสัยอะไรปรึกษาผมได้…เชิญครับ” อาจารย์หมอในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสวมแว่นสายตาสีใส ใบหน้าเรียวขาวสะอาดยืนยิ้มกริ่มให้กับเหล่าทีมงานแพทย์และพยาบาลจนสาวๆแอบเขินและยิ้มตาม
“ก๊อก!!!…ๆๆๆๆเชิญเข้ามาครับ” อาจารย์หมอที่หลังจากแนะนำตัวกับทีมงานและผ่าตัดเคสยากที่ใช่เวลาหลาย ชม. ได้พักผ่อนสายตาที่โต๊ะทำงานและสะดุ้งเสียงเคาะประตูจากพยาบาลสาว
“อาจารย์หมอคะคือท่านประธานเรียกให้เข้าพบที่ห้องค่ะ” พยาบาลสาวที่ทำท่าเอียงอายยืนบิดตัวพูดเสียงอ่อนหวาน จนหมอเขื่อนแอบขำและเผลอส่งยิ้ม
“อ่อครับ…เดี๋ยวผมจะรีบไป” ว่าแล้วขายาวๆก็รีบเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวและไปพบท่านประธาน
@ห้องประธาน
“เขื่อน….หลานปู่” หมอวัยชราเดินเข้ามากอดหลานชายคนโปรดและดีใจที่ไม่ได้เจอในรอบหลายปี
“สวัสดีครับคุณปู่สบายดีนะครับ” มือหนายกไว้ที่อกปู่อย่างเคารพและคิดถึง
“เอ้ออๆๆๆ…ก็ตามประสาคนแก่น่ะดูสิตอนนี้หลานปู่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วและเก่งมากด้วย รู้มั้ยปู่กับย่าภูมิใจในตัวหลานมากๆ” ใบหน้าหมอชราที่ยิ้มจนเห็นริ้วรอยบนใบหน้าและดีใจกับความสำเร็จของหลานชายผู้เป็นที่รัก
“กลับมาอยู่ที่บ้านเรานะเขื่อนปู่กับย่ารอหลานทุกวัน” สายตาเศร้าๆมองใบหน้าหล่อเหลาในชุดกาวน์สีขาวสะอาด
“ผมยังไม่พร้อมในตอนนี้ครับแต่ผมจะไปเยี่ยมคุณย่าบ่อยๆนะ” หมอเขื่อนพยายามให้กำลังใจและสัญญาว่าจะไปหาย่า
“ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนั้นใช่ไหม???…” ปู่เข้าใจในฐานะคนเป็นพ่อก็ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่คิดถึงลูกชายและลูกสะใภ้ที่เป็นหมอด้วยกัน บางวันปู่ยังต้องคอยปลอบย่าเพราะคิดถึงลูกชายเพียงคนเดียวเช่นกัน
“ตอนนี้ผมหายจากโรคซึมเศร้ามาหลายปีแล้วผมกลัวที่จะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้น และมันอาจกระทบกับอาชีพของผมด้วยครับ” หมอเขื่อนเขาก็ไม่อยากปิดบังสาเหตุที่ยังไม่พร้อมกลับบ้านให้ปู่ฟัง
“อื้มม!!…ไม่เป็นไรปู่กับย่ารอได้ไว้เราแวะไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันนะ” ปู่ยิ้มให้กับหลานชายและจับที่มือของเขาอย่างอ่อนโยน
“ครับ…ปู่ตอนนี้ผมเช่าคอนโดใกล้ๆโรงพยาบาลเราผมต้องปรับตัวที่ไทยอีกเยอะเลยครับ” หมอเขื่อนและปู่ต่างพูดคุยและเพลิดเพลินจากการเล่าเรื่องราว ต่างๆ เพราะน้อยครั้งมากที่ปู่และหลานจะเจอกัน เนื่องจากหมอเขื่อนต้องเรียนและรักษาตัวที่ต่างประเทศนานๆที่จะกลับ และปู่กับย่าต้องบริหารโรงพยาบาลจึงไม่มีเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน
@คอนโดหรู
“นี่นังพลอยคืนวันเสาร์ฉันมีนัดดูตัวกับลูกชายเพื่อนแม่อีกแล้ว แกมีแผนอะไรดีๆมั้งที่จะปฏิเสธวว่ะ” ตะวันหลังจากเลิกงานก็หงุดหงิดกับคนเป็นแม่ที่นัดดูตัวหาคู่ให้เธออีกแล้ว จึงโทรปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างพลอยเพราะทั้งคู่ยังอยากครองตัวเป็นโสด และสนุกกับการใช้ชีวิต
“ก็แกล้งป่วยหรือว่าบอกไปเลยว่าไม่ชอบผู้ชายไรงี้สิ” พลอยเธอก็หมดมุขที่จะนำเสนอเพราะตะวันนั้นใช้มาจนหมดแล้ว
“โอ้ยยยย….มันแผนเดิมแก” ตะวันที่หงุดหงิดกับงานแล้วยังต้องมาหัวเสียกับการถูกจับคลุมถุงชนของพ่อแม่
“งั้นมึงก็รีบหาแฟนและแต่งๆไปซะมันจะได้จบๆ” พลอยก็เบื่อที่จะต้องมาคอยสรรหาสารพัดวิธีเอาตัวรอดให้ตะวันเหมือนกัน
“ก็กูยังไม่เจอคนที่ใช่ง่าาาา….พระเจ้าคงสาปให้กูไม่มีคู่แน่เลย…ฮือๆๆๆๆๆ” ตะวันเริ่มงอแงและเบื่อกับการต้องถูกบังคับ