บทนำ 2/2

1726 Words
กนกขวัญกอดรูปยายอันเป็นที่รักไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักสุดหัวใจ เรียวขาสวยก้าวเดินช้าๆ ตามหลังพระสงฆ์ ใบหน้าสวยก้มหน้าลงมองรูปของยาย ทำให้เธอหวนระลึกถึงพระคุณของผู้เลี้ยงดูและให้ชีวิตแก่เธอมาตลอดเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่จำความได้เธอมีเพียงยายอิ่มเป็นญาติเพียงคนเดียว ยายเคยเล่าให้ฟังแค่ว่ามารดาของเธอชื่อ ‘จันทรา’ ทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ทีถึงจะกลับมาหายายบ้าง แต่หลังจากที่มารดาตั้งท้องเธอ มารดาก็กลับมาอยู่กับยาย แต่พอคลอดเธอออกมาแล้วมารดาก็หายตัวไป ยายพยายามตามหามารดาอยู่หลายปี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ ตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตของเธอไม่เคยสวยหรูเหมือนกับคนอื่นๆ ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เรียนจบเพียงแค่มัธยมศึกษาตอนปลาย ถึงแม้จะอยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ แต่เพราะการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอจึงตัดใจแล้วออกมาช่วยยายขายข้าวแกงแทน สำหรับเธอ ยายอิ่มคือแม่และผู้มีพระคุณสูงสุด แม้บางวันต้องอดมื้อกินมื้อ แต่เธอเชื่อมาตลอดว่า ‘ยายอิ่มคนนี้ เลี้ยงเธอมาดีที่สุดเท่าที่ยายคนหนึ่งจะหาให้ได้ ยายเธอของเธอน่ะ เก่งที่สุดแล้ว’ น้ำตาเม็ดโตไหลลงมากระทบกับกรอบรูปที่กอดแนบแน่นไว้กับอก ภาพเปลวไฟลุกโชนก่อนประตูสี่เหลี่ยมจะค่อยๆ ปิดลง เหมือนกับหัวใจของเธอถูกปิดลงไปด้วย “ขิมอยู่คนเดียวได้นะยาย ยายไม่ต้องห่วงขิมนะ อยู่ข้างบนนั้นช่วยเป็นกำลังใจให้ขิมด้วยนะยาย” งานฌาปนกิจถูกจัดตามพิธีทางศาสนาตลอดสามวันสามคืน และจนถึงวันสุดท้ายที่หญิงสาวมาทำพิธีเก็บอัฐิของยายที่วัดพร้อมกับเจ๊ติ๋มและลุงเมฆที่ขันอาสามาเป็นเพื่อนเธอด้วย หลังเสร็จสิ้นงานฌาปนกิจแล้ว จึงกลับมาบ้านหลังเล็กเก่าๆ ที่เมื่อก่อนเคยมีสองยายหลานอาศัยอยู่ร่วมกัน ทว่าในวันนี้กลับเหลือเธอเพียงคนเดียวที่ต้องใช้ชีวิตต่อในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง “เอ็งมีอะไรก็เรียกข้าได้เลยนะขิม ถึงเอ็งจะไม่ใช่ลูกหลานในสายเลือด แต่ข้าก็รักและเอ็นดูเอ็งไม่น้อยไปกว่านังน้ำหวานเลยนะ” เจ๊ติ๋มที่เดินมาส่งหน้าบ้าน ยื่นมือออกมาลูบศีรษะเล็กด้วยความอาดูร “ขิมขอบคุณป้า ขอบคุณลุงเมฆที่คอยอยู่ช่วยงานยายนะจ๊ะ บุญคุณครั้งนี้ขิมจะไม่ลืม” กนกขวัญยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง ซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนบ้านทั้งสองคนมาก “ลุงเห็นเอ็งตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่ใช่ลูกใช่หลานก็เหมือนลูกเหมือนหลานนั่นแหละ ยิ่งยายเอ็งไม่อยู่แล้วลุงก็เป็นห่วง เป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าขิมมีอะไรให้ลุงช่วยบอกลุงได้เลยนะ” “จ้ะลุงเมฆ” รอยยิ้มแรกในรอบหลายวันปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของความเข้มแข็ง จึงทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนใจชื้นขึ้นมาบ้าง “ไปเถอะ ไปนอนพักบ้าง เหนื่อยมาหลายวันแล้ว ข้าก็จะไปดูร้านหน่อย” “จ้ะป้า ขิมขอบคุณลุงกับป้าอีกครั้งนะจ๊ะ” หลังจากเจ๊ติ๋มและลุงเมฆพากันเดินกลับบ้านของตัวแล้ว คงเหลือแต่เธอที่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานเศร้าสร้อยอีกครั้ง ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ หน่วงคลอจวนเจียนจะไหล “กลับบ้านของเรากันนะยาย” เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบากับรูปที่กอดอยู่กับอก พลางก้าวเดินเข้าไปในบ้านเงียบสงบ เพราะตอนนี้ได้มีหนึ่งสมาชิกจากไปแบบไม่หวนคืนกลับ กนกขวัญนำรูปของยายอิ่มมาวางไว้บนหลังตู้เตี้ยๆ เธอยืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “พรุ่งนี้ขิมจะเข้มแข็ง ยายคอยดูขิมนะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นเครือ หลังมือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตา แล้วยิ้มออกมาบางๆ ช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกเสียใจค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา เหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น ตลอดหนึ่งเดือนกับการจากไปของยายทำให้กนกขวัญใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว ถึงแม้จะเหลือตัวคนเดียวแต่เธอก็ยังคงทำกับข้าวไปขายที่ตลาดเหมือนอย่างในตอนที่มียายอิ่มอยู่ด้วย วันนี้เป็นอีกวันที่เธอขายข้าวแกงหมดเร็ว เธอตั้งใจว่าหลังจากเก็บของเสร็จแล้วจะไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านให้กับคุณนายในหมู่บ้านหรูกลางกรุง เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องอีกทางหนึ่ง “นั่นไงๆ พี่กวินภพของฉันออกมาแล้ว” เสียงวี้ดว้ายของเหล่าแม่บ้านสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังจดจ่ออยู่หน้าโทรทัศน์ภายในห้องซักผ้าโดยเฉพาะ ทำให้กนกขวัญที่กำลังรีดชุดสูทอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองจอบ้าง “โฮ หล่อมากเลยเนาะป้า คนอะไรก็ไม่รู้ รูปก็หล่อ พ่อก็รวย ใครได้เป็นสามีต้องโชคดีแน่ๆ” “แน่นอนว่าไม่ใช่แก” “โธ่ป้า ไม่คิดว่าฉันจะกลายเป็นซินเดอเรลลาบ้างเหรอ” หญิงสาววัยไล่เลี่ยกันกับเธอทำหน้ามุ่ย เมื่อถูกป้าแม่บ้านอีกคนพูดดักคอ จนเธอต้องแอบขำเบาๆ “ขำอะไรของเธอ” แล้วต้องรีบหุบยิ้มฉับพลันเมื่อถูกหญิงสาวรุ่นพี่หันมาแว้ดใส่ เธอจึงก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับบ้านก่อนค่ำ ‘ขอแสดงความยินดีกับคุณวิน กวินภพ สุทธาเทพ กับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกครั้งนะคะ’ “สุทธาเทพ...” มือเรียวสวยที่จับเตารีดอยู่ต้องชะงัก เมื่อเสียงของพิธีกรสาวดังออกมาจากโทรทัศน์ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เธอรู้สึกเหมือนเคยได้ยินคำนี้มาจากที่ไหนสักที่ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเงยขึ้นมาจับจ้องไปที่โทรทัศน์อีกครั้ง หน้าจอโทรทัศน์ปรากฏภาพชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนถือถ้วยรางวัลไว้ในมือ ใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตรสะกดให้เธอจ้องไม่อาจวางสายตาไปตรงอื่นได้ ทว่าเสียงร้องของรุ่นพี่สาวเรียกสติให้กลับคืนมา “ตายแล้ว! ผ้าไหม้หมดแล้ว” “อุ้ย! ขิมขอโทษค่ะ ขิมไม่ได้ตั้งใจ” “มัวแต่เหม่ออะไรของเธอ ไม่เห็นหรือไงว่าผ้ากำลังจะไหม้น่ะ นี่ถ้าผ้าไหม้ขึ้นมาแกจะมีปัญญาซื้อมาคืนคุณนายไหม” “พอแล้วน่านังอร เอ็งจะไปว่าอะไรขิมมันหนักหนา อีกอย่างผ้ามันก็ยังไม่ได้ไหม้เสียหน่อย จะตีโพยตีพายไปทำไม” ป้าแม่บ้านเอ่ยห้ามปรามพลางเอ็ดคนขี้โวยวายไปด้วย อรทำหน้าไม่พอใจที่ถูกต่อว่า “ป้าก็เข้าข้างมันเข้าไป” พูดจบก็สะบัดหน้าหนี หันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ ป้าแม่บ้านส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนหันไปยิ้มให้กับหญิงสาว “ขิมรีดแค่ตะกร้านั้นก็พอแล้วนะ เดี๋ยวที่เหลือป้ากับนังอรจัดการกันต่อเอง นี่ก็เริ่มมืดแล้ว กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อันตราย” “ไม่เป็นไรจ้ะ ขิมอยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้ ไหนๆ ก็จะเสร็จแล้ว” “งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวป้าเพิ่มเงินให้อีกนิดหน่อยก็แล้วกัน” “ขอบคุณจ้ะป้า” หญิงสาวดีใจที่ได้เงินเพิ่ม เธอรีบรีดเสื้อผ้าในตะกร้าให้หมด เพราะจะได้รีบกลับบ้าน แม้ชุมชนที่เธออยู่จะมีคนรู้จักอยู่หลายคน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะไว้ใจได้ และนั่นก็หมายความว่ายังมีคนไม่ดีอาศัยปะปนอยู่ในชุมชนด้วย กนกขวัญกลับถึงบ้านในเวลาหนึ่งทุ่มตรง พอทานข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำก็แล้วเตรียมตัวเข้านอน แต่ทุกคืนจะไม่ลืมมาคุยกับรูปของยายอิ่ม “ยายจ๋า วันนี้ขิมได้เงินจากการไปทำความสะอาดบ้านคุณนายมาเยอะเลยนะ ขิมจะเก็บเงินให้ได้เยอะๆ แล้วเอาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยอย่างที่ยายต้องการ ยายสบายดีไหม ยังมองดูขิมจากบนฟ้าใช่ไหมจ๊ะ ขิมคิดถึงยายนะ” เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปแล้วกับการคุยเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอในแต่ละวันให้กับรูปของยายอิ่มฟัง เธอไม่รู้ว่ายายอิ่มจะได้ยินที่เธอพูดหรือเปล่า แต่อย่างน้อยๆ การได้พูดคุยกับรูปของยายมันทำให้เธอรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสบายใจขึ้นมาบ้าง หลังจากยืนมองรูปยายอิ่มอยู่นาน เธอจึงหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทว่าพอขาเรียวก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ ลมจากนอกหน้าต่างก็พัดเข้ามา กนกขวัญรีบเดินไปปิดประตูหน้าต่างและไม่ลืมลงกลอนจนมั่นใจแล้วว่าแน่นหนาพอ “คืนนี้พายุเข้าแหงๆ เลย” แล้วจึงเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองอีกครั้งอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่ระหว่างนั้นกระดาษสี่เหลี่ยมจากไหนก็ไม่รู้ลอยลงมาตกอยู่ตรงหน้าของเธอ คิ้วหม่นเรียงสวยขมวดเข้าหากัน ก่อนย่อตัวลงเพื่อหยิบกระดาษนั้นขึ้นมาดู รูปชายวัยกลางคนดูภูมิฐานทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุก เธอลุกขึ้นยืน พลางหันหน้าไปมองรูปของยายอิ่ม ก่อนจะหันกลับมาพินิจมองคนในรูปอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองอย่างใช้ความคิด พยายามไล่สายตามองหาจุดสนใจแต่ก็ไม่พบ แล้วพลิกดูด้านหลังของรูป “ก้องภพ สุทธาเทพ พ่อของขิม” เสียงหวานอ่านตามตัวอักษรที่ปรากฏบนกระดาษช้าๆ ดวงตาหวานเบิกกว้างกับสิ่งใหม่ที่เพิ่งได้รู้ แล้วคำพูดของยายเมื่อครั้งก่อนจะเสียก็หลั่งไหลเข้ามาในความคิด “นี่หรือจ๊ะ สิ่งที่ยายกำลังจะบอกขิมในวันนั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD