หลังจากวันนั้นมาในทุก ๆ วันของฉันก็เปลี่ยนไปในตอนกลางคืนวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ฉันจะได้เจอพี่สายลมกับเพื่อน ๆ ในชุดบอล ส่วนวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ พี่สายลมจะมาหาฉันคนเดียวมาในช่วงเวลาที่ฉันพักเพื่อแค่มากินข้าวกับฉันแล้วก็กลับไป อีกทั้งในทุกเช้าเขามารอรับฉันทุกวันอย่างไม่เคยว่างเว้นแม้แต่วันเดียวอีกทั้งฉันรู้สึกว่าเราทั้งสองคนก็กำลังสนิทกันมากขึ้นด้วย
“เหนื่อยมั้ยครับ” ฉันออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในตอนเจ็ดโมงสิบห้าซึ่งเป็นเวลาเดิมตามปกติที่ฉันเลิกงาน
“ไม่ค่ะ”
“ง่วงมั้ยครับ” ความง่วงเหรอทุกวันนี้ฉันเคยชินไปแล้วล่ะเพราะว่าฉันได้นอนวันหนึ่งเพียงแค่สี่ถึงห้าชั่วโมงเท่านั้นเองแม้ว่าจะรู้สึกว่านอนไม่ค่อยพอแต่ก็มีความสุขดี เพราะทุกวันนี้ฉันกินอิ่ม นอนหลับสบาย และในตอนนี้เราอยู่ในช่วงทดลองเป็นแฟนกันซึ่งนี่ก็เป็นข้อเสนอของพี่สายลมเหมือนกัน
“นิดหน่อยค่ะ” ฉันพิงศีรษะที่ไหล่กว้างของเขาสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเขา และรับเอาอ้อมกอดอุ่น ๆ ของเขาที่มักจะทำแบบนี้กับฉันหลังจากที่เราทดลองเป็นแฟนกันเราสองคนก็ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น เราจับมือกัน กอดกัน หอมแก้มกัน และแตะริมฝีปากกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แรก ๆ เราก็เคอะเขินกันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ การได้อ้อนเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้น เขาที่ไม่เคยหงุดหงิดรำคาญ หรือมีท่าทีโมโหฉันเลย เขาที่แค่เจอหน้าฉันก็ยิ้มจนลักยิ้มที่แก้มข้างซ้ายบุ๋มลงไปพร้อมกับกางแขนออกเพื่อให้ฉันเข้าไปซุกที่อกอุ่น ๆ ของเขาเพื่อชาร์ตพลังชีวิต
“พี่บอกให้เลิกทำงานก็ไม่เชื่อ น้องฝันตัวแค่นี้เองพี่เลี้ยงได้สบาย ๆ อยู่แล้ว” เขาพูดแบบนี้จริง ๆ ตั้งแต่ที่เราสองคนทดลองเป็นแฟนกันได้สามสัปดาห์แรก
“ฝันบอกแล้วนี่คะ ว่าพี่ลมจะทิ้งฝันไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึงวันนี้รัก พรุ่งนี้เกลียด ก็มีตั้งเยอะแยะ ฝันจะไม่ยอมทิ้งงานเพื่อผู้ชายแน่นอนค่ะ”
“คร้าบ ๆ” เขารับคำฉันแล้ววางมือที่ศีรษะของฉันอย่างเอ็นดู ฉันรู้สึกได้จากสายตาที่เขามองฉัน
“เราไปซื้อกวยจั๊บป้าไปกินที่คอนโดพี่นะ” นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราตกลงกันว่าจะไปที่คอนโดของเขา เขาลองแยบถามฉันอยู่หลายครั้งแรก ๆ ฉันไม่กล้า แต่หลังจากที่รู้จักกันมาสักพักฉันเชื่อมั่นว่าเราสนิทกันมากแล้ว เลยทำให้ฉันมีความกล้ามากขึ้น
“ค่ะ”
พี่สายลมขับรถมาจนถึงร้านของป้าที่ขายกวยจั๊บแล้ว เขาอาสาลงไปซื้อเองฉันจะลงไปด้วยก็ไม่ยอมบอกว่ามันร้อน ฉันทำงานมาเหนื่อย ๆ เขาไม่อยากให้ฉันต้องมาทนร้อนอีก เลยให้ฉันนั่งตากแอร์ในรถ หรือจะหลับไปเลยก็ได้ ฉันก็ไม่อยากดื้อแพ่งเพราะคิดว่าไม่ว่าอย่างไรฉันก็คงดื้อไม่ได้ ยังไงเขาก็คงไม่ยอม
“พี่ไปแป๊บเดียวครับ น้องฝันกินเหมือนเดิมใช่มั้ย”
“ค่ะ” ฉันตอบ ก่อนที่จะมองเขาหลังจากที่เดินลงไปแล้ว
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนฉันมีนัดไปกินหมูกระทะกับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน ตอนที่ฉันไปถึงเพื่อนของฉันก็พาเพื่อนสาวสวยมาด้วยสองคน ทั้งสองคนนิสัยน่ารักมาก น่ารักจนฉันคิดว่าคนเราจะน่ารักได้ขนาดนี้เลยเหรอ ทุกคนดึงฉันที่เรียนคนละมหาวิทยาลัยเข้ากลุ่มแชตที่มีทุกคนอยู่ในนั้น จากนั้นมาฉันก็รู้สึกไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่เพราะได้คุยกับเพื่อนที่น่ารักของฉันทุกคน
“เสร็จแล้วครับ”
พี่สายลมขึ้นรถมาพร้อมกับกวยจั๊บทั้งสองถุงฉันยื่นมือไปรับมันมาแต่พี่สายลมบอกว่าเอาไว้ที่เบาะด้านหลังก็ได้ เขาจัดการทุกอย่างเองโดยที่ฉันยังทำอะไรไม่ทันเลยแม้แต่น้อย พี่สายลมหันมาสบตาฉันหลังจากที่จัดการทุกอย่างหมดแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นมา
“เราไปคอนโดพี่กันเลยนะครับ อยู่ไม่ไกลมาก”
“ค่ะ” ฉันค่อนข้างตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะเป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ไปที่คอนโดของพี่สายลม ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้ หรือว่าฉันกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นมาหรือเปล่า
ใจง่ายจริง ๆ เลยฉันเนี่ย
พี่สายลมขับมาอีกไม่นานก็เลี้ยวซ้ายเข้าคอนโดหรู หรูถึงกับขนาดที่ฉันยังตะลึงงันเพราะไม่คาดคิดว่ามันจะหรูหราอะไรขนาดนี้ อันที่จริงฉันพอรู้ว่าเขาค่อนข้างมีเงิน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้เลยสักนิด
ห้องพักคอนโดหรูแห่งนี้แค่ราคาเริ่มต้นก็สิบสองล้านแล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าห้องที่เขาอยู่มันราคาประมาณเท่าไหร่ พี่สายลมจอดรถในจุดที่มีเลขบอกป้ายทะเบียนรถของเขาอยู่ จากนั้นก็ลงมาเปิดประตูรถให้ฉัน ฉันลงจากรถส่วนเขาก็หยิบเอาถุงกวยจั๊บจากหลังรถแล้วเดินมาจับประสานมือฉันเอาไว้หลวม ๆ ตลอดทางที่เดินเข้าไปมีแต่คนที่โค้งตัวให้เขาทั้งนั้น อาจจะเป็นกฎระเบียบของพนักงานที่คอนโดนี้ก็ได้
ล็อบบี้โอ่อ่า หรูหรามาก ทางเดินสีขาว มีโคมไฟระย้าสีทองห้อยลงมาตามทาง ผนังเป็นลายหินอ่อนสีดำแซมทองที่นี่ค่อนข้างเงียบ พนักงานทุกคนแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย และเมื่อเดินไปถึงลิฟต์พี่สายลมใช้คีย์การ์ดแตะด้านในลิฟต์หลังจากที่เราเข้าไปกันแล้ว ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกฉันถึงกับเบิกตากว้าง และขาแข้งไร้แรงเดินด้วยความหรูหราของทางเดิน และทางเข้าห้อง รวมถึงการตกแต่งที่เน้นแบบเรียบหรู
ทั้งชั้นนี้มีเพียงแค่หกห้องเท่านั้นโดยแบ่งเป็นฝั่งล่ะสามห้อง ห้องของพี่สายลมอยู่ด้านในสุด พี่สายลมใช้คีย์การ์ดอันเดิมแตะที่หน้าประตูทางเข้าหลังจากที่ประตูห้องเปิดออกฉันก็แทบช็อกอีกครั้ง
นี่เรียกว่าคอนโดแน่เหรอ ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่คฤหาสน์ หรือเพนต์เฮาส์ ฉันเข้าใจมาโดยตลอดว่าคอนโดก็เป็นเหมือนห้องของฉันที่มีขนาดกว้างกว่า และมีการจัดห้องอย่างลงตัว แต่ห้องของพี่สายลมนอกจากจะใช้คำว่า ‘กว้าง’ ได้เปลืองมากแล้ว ฉันก็เพิ่งจะรู้ว่าที่นี่มันมีสองชั้น ชั้นบนเป็นห้องนอน ห้องทำงาน ห้องหนังสือ ส่วนชั้นนี้มีห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องกินข้าว แถมยังมีสระว่ายน้ำ และห้องออกกำลังกายด้วย
“รกหน่อยนะครับ แม่บ้านจะมาเช้าวันพรุ่งนี้”
“ฝัน ไม่กล้าเดินเลยค่ะ”
“เดินมาเถอะครับ นี่ครับสลิปเปอร์” พี่สายลมเปิดตู้รองเท้าที่อยู่ด้านซ้ายมือหยิบเอาสลิปเปอร์ออกมาวางให้ฉันสวมใส่ แล้วเป็นฝ่ายเก็บรองเท้าของฉันเข้าตู้รองเท้าไป
“เดี๋ยวน้องฝันนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวก่อนนะครับ หรือจะเดินชมบ้านอีกรอบก็ได้” ลักยิ้มด้านซ้ายบุ๋มลงไป ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวแล้วจัดการกับเจ้ากวยจั๊บที่ซื้อมา ฉันเดินไปที่โต๊ะกินข้าวพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็รู้สึกถึงความต่างในฐานะของฉันกับเขาอย่างชัดเจน
“มาแล้วครับกวยจั๊บร้อน ๆ”
เสียงสดใสของพี่สายลมทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดของความไม่เหมาะสมนี้ พี่สายลมวางชามกวยจั๊บที่ซื้อมาไว้ตรงหน้าฉัน ส่วนเขาก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของฉัน พลางเงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าของฉัน เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยคาดว่าคงจะกำลังคิดว่าฉันเป็นอะไรแน่นอนเลย
“ไม่ต้องคิดมาก พี่ไม่ใช่คนคิดมากเรื่องฐานะแต่พี่ชอบที่น้องฝันเป็นน้องฝัน และพี่จะดีใจมากถ้าน้องฝันหันมาพึ่งพาพี่บ้าง ถึงพี่จะยังเรียนไม่จบแต่พี่ก็ดูแลน้องฝันได้จริง ๆ นะครับ” เขาเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง และเห็นลักยิ้มบุ๋มลงไปที่แก้มข้างซ้าย ขณะที่ไอความร้อนจากกวยจั๊บที่พี่สายลมเพิ่งอุ่นมาก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับส่งกลิ่นหอมชวนหิว
“ฉะนั้น พี่คิดว่าเราควรจะหมดช่วงทดลองเป็นแฟนแล้วดีมั้ยครับ ในตอนนี้พี่อยากเป็นแฟนกับน้องฝันจริง ๆ แล้วครับ”