“ทำไมตาเป็นแบบนั้นล่ะ”
“นั่นสิ ไม่ได้นอนเหรอ”
“เอ่อ... นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
“เรียนหนักเหรอ” ฉันมาทำงานตามปกติ และได้ยินเสียงทักทายจากเพื่อนร่วมงาน ฉันไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาทักฉันแบบนี้เพราะว่าฉันคงจะตาโหลมากจริง ๆ ฉันไม่ค่อยได้นอนเลยเพราะมัวแต่คิดเรื่องของพี่สายลมที่เขาบอกว่าเขากำลังสนใจฉัน
“ค่ะ” ฉันโกหกคำโตออกไปเพราะไม่อยากถูกถามให้มากความ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของผู้จัดการเพื่อหยิบเอากระเป๋าเงินสำรอง แล้วไปประจำที่เคาน์เตอร์คิดเงิน ฉันไปถึงก็รูดซิปเอาเงินออกมานับอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเพื่อนกะแรกที่ต้องเลิกงานเธอหันมาลาฉันพร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองไปที่ห้องของผู้จัดการ
วันนี้ลูกค้ามากกว่าปกตินิดหน่อยทำให้ฉันไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องอื่น ๆ ฉันเก็บเงินลูกค้าไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนลูกค้าก็เบาบางลง ฉันคงจะได้พักใกล้ ๆ นี้แล้วล่ะนะ อ้อ ลืมไปว่าเวรทำสลัดวันนี้ไม่ใช่ฉันแต่เป็นเพื่อนร่วมกะดึกอีกคนหนึ่ง
“ฝัน คุณพ่อมาหาน่ะ” เพื่อนร่วมกะหันมาบอกฉัน พอได้ยินว่าพ่อมาหาฉันก็หัวใจแทบวายเลยล่ะ ไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรหรอกนะแต่เพราะฉันรู้ว่าพ่อมาหาฉันด้วยเรื่องอะไร
ตอนที่ฉันทำงานที่นี่ใหม่ ๆ ฉันดีใจมากที่ได้งานทำแล้ว ฉันเลยบอกพ่อเพราะคิดว่าพ่อจะดีใจไปกับฉันแต่แล้วคำพูดของพ่อก็ทำให้ฉันดีใจไม่ออก
‘ฝันจะใช้เงินเดือนรอบแรก หรือรอบหลังล่ะ’
‘เงินออกทุกวันที่ 15 กับสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอ งั้นก็แบ่งกันคนละรอบ’
ฉันจำได้ว่าฉันดีใจเก้อ เงินออกครั้งแรกฉันให้พ่อไปจนหมด จนไม่มีเหลือจ่ายค่าห้อง และค่าจิปาถะอื่น ๆ ของฉัน ฉันเลยตัดสินใจไม่ให้พ่ออีกเพราะฉันไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปหยิบยืมเงินของคนอื่น
“ค่ะ” ฉันตอบเพื่อนร่วมงานออกไป ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาแล้วหยิบป้าย ‘เชิญใช้ช่องถัดไป’ มาตั้งเอาไว้ ฉันต้องรีบคุยแล้วรีบกลับมาทำงานเพราะถ้าฉันเดินออกมาเท่ากับว่าจะเหลือแคชเชียร์ที่ทำงานเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น ฉันไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมาเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
“พ่อ” พ่อของฉันในชุดคนขับรถแท็กซี่ท่านใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวที่อกด้านขวาปักชื่อนามสกุลเอาไว้ ชายเสื้อใส่ทับในกางเกงอย่างสุภาพรับกับรองเท้าคัทชูสีดำ ยืนอยู่ที่รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองที่ค้างค่างวดมาได้สองงวดแล้ว
“ฝันมาแล้วเหรอ”
“พ่อมีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมมาหาฝันถึงที่ทำงานเลย” พ่อมีท่าทีลังเลคล้ายจะพูดแหล่ไม่พูดแหล่อันที่จริงฉันดูท่าทางของพ่อก็พอรู้แล้วล่ะว่าท่านมาด้วยเรื่องอะไร
“รถพ่อ ยางหมดแล้ว พ่ออยากขอสมทบทุนสักสองเส้นได้ไหม” ท่านเหลือบตามองฉันเม้มปากจนเป็นเส้นตรงแล้วพูดต่อเพื่อให้คำพูดดูหนักแน่น
“พ่อไม่มีเงินเลยเมื่อวานผ้าเบรกก็เพิ่งหมด พ่อเพิ่งจะเปลี่ยนไปเอง”
“ฝันจะเอาเงินที่ไหนมาสมทบทุนให้ล่ะพ่อ”
“ฝันมีบัตรเครดิตนี่ ฝันรูดให้พ่อก่อนแล้วเดี๋ยวพ่อผ่อนคืนให้”
ฉันไม่เชื่อคำพูดพ่อเลยสักนิดเพราะหลายต่อหลายครั้งแล้วที่พ่อพูดแบบนี้แล้วก็ทำไม่ได้ ทำให้ฉันเดือดร้อนต้องมาจ่ายเอง และค่าเทอมก็ไม่พอจนเกือบจะเข้าสอบไม่ได้ ฉันต้องเข้าไปคุยกับทางมหาวิทยาลัยว่าขอผ่อนจ่ายค่าเทอมที่เหลือ ถึงจะเข้าสอบได้
“ถ้าฝันไม่ช่วย พ่อก็ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนแล้ว พ่อมีฝันคนเดียวนะ” เฮ้อ... เมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นสักที ฉันเคยปรึกษาป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อ ป้าก็บอกว่าฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องช่วยพ่อ เพราะพ่อเป็นพ่อ เป็นสายเลือดยังไงก็ตัดกันไม่ได้ อ้อ ฉันมีพี่ชาย กับพี่สาว ต่างพ่อทั้งสองคนเป็นลูกติดของแม่ เราถูกเลี้ยงมาด้วยกัน และฉันมักจะถูกพี่ชายกับพี่สาวโทรมาหยิบยืมเงินเป็นประจำ
“ค่ะ พ่อส่งข้อความนัดวันมาแล้วกัน” ฉันจำใจต้องตอบรับ ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางทำอะไรได้เลย
“ฝันไปทำงานก่อนนะ”
“ขอบใจมากนะลูก ขอบใจมากจริง ๆ พ่อจะร้องไห้แล้วเนี่ยขอบใจลูกมากนะที่ไม่ปฏิเสธพ่อ พ่อไปก่อนนะลูกฝันทำงานเถอะ”
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นส่วนพ่อก็คงจะขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างสบายใจ พ่อของฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ท่านมักสร้างหนี้มากมายโดยที่ฉันไม่เคยรู้ว่าท่านมีหนี้อะไรนักหนา เพราะฉันก็ไม่ได้ขอเงินท่านใช้ตั้งแต่ที่ท่านเคยพูดว่าฉันเป็นภาระของท่านแล้ว อีกอย่างท่านก็ตัวคนเดียวไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตของฉันแล้ว
ฉันจำได้ว่าในตอนนั้นฉันค่าเทอมไม่พอ และขอเงินท่านจ่ายค่าเทอมประมาณเจ็ดพันบาทด้วยการบอกล่วงหน้าประมาณสี่เดือน แต่เมื่อถึงวันจ่ายท่านกลับบอกว่าไม่มีเงินสักบาท และไปกู้เงินมาจ่ายค่าเทอมให้ฉัน สุดท้ายท่านก็พูดออกมาว่าหากไม่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ฉันท่านก็คงไม่มีหนี้สินอย่างนี้ และมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่างวดรถของท่าน ฉันจำได้ว่าฉันเสียใจมาก ในช่วงเริ่มงานใหม่ ๆ ฉันยังบริหารเงินไม่ได้ เพราะฉันไม่มีทุน และกว่าเงินจะออกเราก็ต้องมาทำงานให้กับที่ทำงานก่อนฉันจึงขอเงินท่านสำหรับใช้จ่ายสัปดาห์ละหนึ่งร้อยบาทระหว่างนั้นฉันก็คิดว่าประหยัดเอาหน่อย กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาก่อนก็ได้แล้วก็อาศัยกินน้ำเปล่าที่ทำงานเพราะเป็นน้ำฟรี แต่เมื่อท่านหาเงินค่างวดไม่ทันท่านก็บอกฉันว่าหากไม่ต้องหาเงินไว้ให้ฉันท่านคงไม่ต้องเดือดร้อนขนาดนี้ นับจากวันนั้นมาฉันก็ไม่เคยขอเงินท่านอีกเลยแม้แต่บาทเดียว
ฉันอาจจะเป็นลูกที่แย่แต่ฉันก็พยายามอย่างมากที่จะดูแลตัวเองโดยไม่ไปเดือดร้อนคนอื่น ช่วงเวลาหนึ่งท่านเคยบอกฉันว่า ลูกของบ้านอื่นเวลาได้เงินมาก็จะเอามาให้พ่อแม่ และพ่อแม่ก็จะจ่ายคืนให้เป็นรายวัน ฉันเองก็เคยทำอย่างนั้น เงินฉันออกฉันให้ท่านทั้งหมดส่วนท่านก็จ่ายให้ฉันวันละหนึ่งร้อยบาทมาทำงาน แต่ว่าในตอนนั้นฉันมีรอบต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตซึ่งเดือนหนึ่งอันที่จริงฉันก็แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังด้วยซ้ำแต่ท่านบอกว่าท่านสามารถหามาจ่ายได้ทันรอบบัตรเครดิตของฉันแน่นอน สุดท้ายแล้วท่านก็หามาไม่ทัน ท่านไม่มีจ่าย และฉันถูกโทรมาทวงที่ทำงาน ฉันอายมากเพราะเพื่อนร่วมงานรับสาย ฉันกลัวเสียประวัติด้วยฉันจึงขอเงินทั้งหมดของฉันคืนจากพ่อ และท่านไม่มีคืน ฉันเลยต้องคุยกับท่านใหม่ว่าฉันคงเอาเงินเดือนทั้งหมดของฉันให้ท่านไม่ได้แล้ว เรามีปัญหากันพักหนึ่งฉันถูกตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญู
“เฮ้อ...” ทุกบ้านจะมีปัญหาแบบนี้กันไหมนะ หรือมีแค่ฉันคนเดียวที่เจอปัญหานี้กัน?
อยากหลุดพ้นต้องทำยังไง
ฉันเคยคิดว่าอยากจะเป็นลูกที่ดี อยากให้เงินพ่อทุกเดือนเหมือนที่ลูกคนอื่นเขาทำกัน แต่ฉันเงินเดือนแค่นั้นไหนจะภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต และค่ากินใช้ ฉันจึงไม่มีเงินมากพอที่จะให้พ่อได้หลายพันแต่ฉันก็พยายามจะให้เดือนละหนึ่งพันบ้าง สองพันบ้าง มันอาจจะน้อยแต่ในเวลานี้ฉันมีให้ได้แค่นี้โดยที่ฉันไม่เดือดร้อน
แต่ว่าทุกครั้งที่ฉันให้ พ่อก็จะขอเพิ่ม หรือยืมเงินฉันเพิ่มทุกครั้ง ราวกับท่านเข้าใจว่าเวลาที่ฉันให้นั่นแปลว่าฉันมีเงินเหลือมากพอ เมื่อฉันให้ยืมไปพ่อก็มักจะไม่คืน หรือคืนไม่ครบ หรือคืนไม่ตรงกับที่ท่านนัดฉันเอาไว้ทำเอาฉันลำบากไปหลายต่อหลายครั้งจนสุดท้ายลูกที่แย่อย่างฉันก็ตัดสินใจว่าจะไม่ให้เงินรายเดือนกับพ่ออีกแล้วเปลี่ยนเป็นพาไปกินข้าวแทนน่าจะดีกว่า
“ยืนทำหน้าเครียดอะไรครับ” หืม ฉันกำลังยืนเหม่ออยู่ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ แต่ฉันกลับได้สติขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของพี่สายลมดังขึ้น
ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ แล้วที่สำคัญไม่ได้ยืนคนเดียวด้วยเขายืนกับเพื่อนแก๊งที่ฉันเจอเมื่อตอนที่ไปเรียนครบทุกคนแถมยังใส่ชุดบอลอีกต่างหาก
“พี่มาทำอะไรกันคะตีหนึ่งครึ่ง”
“พวกพี่เพิ่งเตะบอลเสร็จน่ะครับ” เขาตอบฉันแล้วยังยิ้มอวดลักยิ้มที่แก้มซ้ายอีกต่างหาก