เช้าวันจันทร์ เธอและเขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะต่างมีภารกิจ เขาต้องไปกองถ่าย ส่วนเธอก็ต้องไปทำงาน แม้ว่าตอนนี้รถยนต์ของเธอจะยังไม่ได้ออกจากอู่มาเลยก็ตาม ตอนแรกว่าจะกลับไปเอารถที่บ้านมาใช้ก่อน แต่ก็ขี้เกียจกลับไปเจอหน้าแม่เลี้ยงกับพี่สาวนอกสายเลือด จึงยอมที่จะเดินทางโดยรถโดยสารดีกว่า
"คุณจะไปทำงานยังไง รถคุณยังไม่เสร็จนี่ วันนี้ไปกองถ่ายละครเรื่องใหม่ของผมหรือเปล่า"
"เอ่อ ใช่ค่ะ ว่าจะนั่งแท็กซี่ หรือไม่ก็รถเมล์"
"อ้าว ก็ไปกับผมสิ ไหนๆก็ไปที่เดียวกันอยู่แล้ว"
"ไม่ดีมั้งคุณ เกิดใครเห็นเข้าไม่เป็นเรื่องหรอ"
"โห้ย คิดอะไรมาก แค่การแต่งตัวของคุณก็ไม่ผ่านให้เป็นผู้หญิงของผมแล้ว ไม่มีใครเอาไปคิดอกุศลแบบนั้นหรอก"
เออ ก็จริง เธอก้มมองการแต่งตัวที่ทะมัดทะแมงของเธอก็ต้องเบะปาก ชุดเดรสเธอก็เคยใส่ แต่นั่นมันตอนเรียนและตอนนั่งทำงานเขียนคอลัมน์สวยๆในออฟฟิศ แต่เมื่อต้องเป็นนักข่าวที่ต้องตระเวนตามกองถ่ายและงานอีเว้นท์ จะให้เธอใส่เดรสลากรองเท้าส้นสูง เธอคงวิ่งล้มปากแตก การแต่งตัวของเธอเลยต้องเปลี่ยนไป แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะขี้เหร่ขนาดนั้นเสียหน่อย
หญิงสาวยักไหล่แบบไม่แคร์ เธอก็ไม่ได้ต้องการให้เขามานิยมชมชอบ หรือทำตัวให้เป็นผู้หญิงในแบบที่เขาจะคบจะควงอยู่แล้วนี่ เรื่องของเธอกับเขามันเกิดจากความคิดชั่ววูบของเธอ และมันก็จบลงไปแล้ว เพราะฉะนั้น คนไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็ไม่เห็นต้องสนใจ ว่าอีกฝ่ายจะมองเราแบบไหน ถูกไหม
"คุณจะให้ฉันใส่ส้นสูง ใส่เดรสรัดรูปไปวิ่งตามสัมภาษณ์ดาราหรอ คอคงได้ใส่เฝือก"
"อืม แต่งแบบนี้ก็ดีแล้ว เฉิ่มดี"
เธอก้มมองตัวเองอีกครั้ง เฉิ่มตรงไหน นี่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่กับอะไรก็ได้ และกางเกงยีนรัดรูปแต่งขาด ที่มันฮิตตลอดกาลเชียวนะ รองเท้าผ้าใบก็ตามสมัยนิยม เธอก็ไม่เคยต้องปล่อยให้ตัวเองล้าสมัยในเรื่องการแต่งตัวหรอก เพราะที่บ้านก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน เพราะฉะนั้น เธอจึงมีรถขับไปเรียน และได้แต่งตัวสวยๆเสมอ แม้แบบมันจะไม่ได้รัดรูปโป๊เปลือยโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งขนาดนั้นก็ตาม
"โอเค ไหนๆราชรถก็มาเกย ฉันจะไปกับคุณก็ได้ แต่ถ้าเป็นข่าวขึ้นมา ไม่ต้องมาโทษฉันเลยนะ"
"ครับ"
"งั้นเดี๋ยวคุณลงไปรอที่รถก่อน อีกหนึ่งนาทีฉันตามออกไปค่ะ คนในคอนโดตอนเช้าจะพลุกพล่าน เดี๋ยวเจอปาปารัสซี่จะแย่ ขี้เกียจเขียนข่าวคุณเรื่องแบบนี้อีก"
"อืม เอางั้นก็ดี ผมกำลังคิดอยู่เลย ว่าจะทำไง"
พูดจบก็ใส่แมสสีดำ และใส่หมวกแก๊ป สะพายกระเป๋าเป้ใบโตของเขา แล้วเดินออกจากห้องเธอไปทันที เมื่อครบกำหนดเวลา เธอจึงออกมาบ้าง ก็ไม่เห็นเขายืนรอลิฟต์แล้ว แสดงว่าคงลงไปรอที่รถแล้วล่ะ จึงรีบตามลงไป
ทั้งสองมาถึงกองถ่ายในเวลาหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ก่อนที่เธอจะลงจากรถเขาก็เรียกเธอเอาไว้ก่อน
"อัณณา ถ้ามีคนถามก็บอกไปว่ารถเสีย บังเอิญเจอผมตรงทางเข้าแล้วกันนะ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้ติดรถมาด้วย"
"ครับ แล้วขากลับคุณจะกลับยังไง"
"เดี๋ยวติดรถพี่เค้กไปค่ะ ค่อยต่อแท็กซี่เอา วันนี้ต้องเข้าออฟฟิศต่อ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
เธอยิ้มให้เขาแล้วเดินลงรถไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับกลายเป็นเขาที่ยังนั่งสตั๊นกับรอยยิ้มหวานๆของเธออยู่เป็นนาน
"นังอัณณ์ แกมากับพี่โปรดของฉันได้ยังไง"
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ ว่าคนพูดคือใคร แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อลับตาผู้คน ทั้งคำพูดและการกระทำของผู้หญิงคนนี้จะสวนทางกับใบหน้าสวยๆของเธอเสมอ
"รถเสียค่ะ บังเอิญเจอที่ปากทาง คุณโปรดจำได้ว่าเป็นนักข่าว เลยให้ติดรถมาด้วย"
พูดจบก็หันหลังเตรียมจะเดินหนี แต่คนที่กำลังถูกความหึงหวงเข้าเล่นงาน กับวิ่งตรงไปกระชากแขนของเธอให้หันกลับมาอย่างแรง
"แกกำลังจะอ่อยผู้ชายของฉันใช่ไหม"
"อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น"
"เพราะฉันได้ผู้ชายของแกมาครอบครองไง แกเลยคิดจะแย่งพี่โปรดไปจากฉัน แต่ยากหน่อยนะ สภาพอย่างแกเขาไม่ชายตาแลหรอก อย่าสะเออะทำอะไรไม่เจียมตัว"
"ถ้าสภาพอย่างอัณณ์เขาไม่ชายตาแลจริงๆ พี่จะเป็นเดือดเป็นร้อนทำไม หรือพี่ก็กลัวว่าเขาจะชายตาแลอัณณ์"
"นังอัณณ์ เดี๋ยวนี้แกปากกล้านักนะ กล้าที่จะเถียงฉันขนาดนี้เลยหรอ"
"ค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต อัณณ์ยอมพี่มาตลอดเพราะไม่อยากมีปัญหา และหวังว่าพี่จะพอใจที่ได้ชนะอัณณ์ในสักวัน แต่สุดท้ายอัณณ์ก็รู้แล้ว ว่ายิ่งอัณณ์ยอม พี่ยิ่งไม่คิดจะหยุดไม่คิดจะพอ วันนี้ไม่มีอัณณาคนเดิมอีกแล้วค่ะ"
"นังอัณณ์"
"อย่ามาเต้นแร้งเต้นกาแถวนี้เลยค่ะ นักข่าวหูตาเป็นสับปะรด อัณณ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่าลืมนะ เราต่างคนต่างอยู่เถอะ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก พี่ได้พี่ตุลย์ไปแล้ว อัณณ์ยกให้ เป็นไง แซ่บไหมคะ ของลักกินขโมยกิน"
เธอเดินกลับมากระซิบที่ข้างใบหูขาวของพี่สาวต่างสายเลือด แต่เสียงนั้นก็ไม่ได้เบานักหรอก
"แต่ผู้ชายของพี่ ที่พี่หวงนักหนา เขาแซ่บมากกกกก"
พูดจบก็กลับมายืนมองใบหน้าของดาราสาว ที่บัดนี้ตาเบิกโพลง มือบางกำแน่นจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างแล้วก็แอบสะใจ ก่อนหน้านี้ว่าจะเก็บเรื่องอัปยศและสิ้นคิดนี้เอาไว้คนเดียวแล้วเชียว ดันมาตามรังควานเธอ ช่วยไม่ได้นะ มินตรา
อัณณาหันหลังจากไป ปล่อยให้ดาราสาวสวยยืนสะกดอารมณ์ที่จะไม่กรีดร้องออกมาอยู่ตรงนั้นอีกเป็นนาน
เหตุการณ์ที่สองสาวยืนเถียงกันนั้น ตกอยู่ในสายตาของปุณณัตถ์มาโดยตลอด เขาบังเอิญมาเห็นเข้าจึงแอบหลบอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ ใกล้ๆกับสองสาวนี่เอง เพราะฉะนั้น ภาพและเสียงชัดเจน ขนาดเสียงที่อัณณากระซิบที่ข้างหูของมินตรานั้น เขายังได้ยินมัน
คิ้วเข้มขมวดเป็นปม สงสัยในความสัมพันธ์ของผู้หญิงสองคนนี้มาก ทั้งคู่ต้องรู้จักกันมาก่อนแน่นอน เพราะอัณณาพูดถึงผู้ชายของเธอ ที่คงถูกมินตราฉกไป เธอจึงมานอนกับเขาในคืนนั้นเพื่อประชดทั้งคนรัก และสะใจที่ได้แย่งของรักของมินตราสินะ และเธอก็ทำได้สำเร็จ เพราะคืนนั้น มินตราพยายามติดต่อเขามาเพื่อจะขอนอนด้วย แต่เขาก็ไม่รับสาย เพราะเขาเลือกเธอคนนี้ อัณณา
มือใหญ่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน กรามแกร่งขบกันจนสันขึ้นนูน รู้สึกโกรธแม่นักข่าวสาวไม่น้อยที่มาใช้เขาเป็นเครื่องมือแก้แค้นมินตราและคนรัก ทั้งๆที่ไม่ได้พิศวาสและหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขาเหมือนสาวๆคนอื่นเลย ถึงว่า เมื่อจบคืนนั้น เธอถึงได้ตัดจบความสัมพันธ์กับเขาไปได้อย่างง่ายดาย เพราะเธอไม่เคยมีความรู้สึกอะไรให้เขาเลยจริงๆ เธอมันแน่มากนะ อัณณา
เขาปรับอารมณ์และเดินออกมาจากที่ซ่อน เมื่อมินตราเห็นเขาจึงรีบปรับสีหน้าแล้วเดินมาหาเขาทันที
"พี่โปรด พี่มากับนักข่าวคนนั้นได้ยังไง"
"เมื่อคืนพี่ไปนอนห้องเธอมา จริงๆก็สามคืน ตอนเช้าเลยมาด้วยกัน"
มินตราเบิกตากว้าง นี่เรื่องจริงหรือนี่ ที่นังเด็กนั่นมันสามารถทำให้เขาสนใจจนยอมนอนด้วยได้ นอนค้างคืนเลยด้วยนะ ทั้งๆที่เขาไม่ยอมนอนค้างกับใครเด็ดขาด แม้กระทั่งเธอ
"ทำไมพี่ทำกับมินนี่แบบนี้ พี่จะทิ้งมินนี่แล้วไปหามันใช่ไหม"
"อะไร มินนี่ เราไม่ได้คบกันนะ แล้วพี่ก็ไม่ได้คบใคร อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่ พี่ไม่ชอบ"
"แต่นังนั่นมันแค่หลอกใช้พี่นะ มันไม่ได้รักพี่อย่างที่มินนี่รัก"
"เธอรู้ได้ยังไง"
เขาจ้องมองปในดวงตาที่ตกแต่งอย่างสวยงามคู่นั้น อยากจะรู้ความจริงเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนนี้
"ก็มันบอกมินนี่"
"รู้จักกันมาก่อนหรอ"
"ใช่ มันเป็นลูกติดสามีแม่ ตั้งแต่เล็กจนโต มันพยายามแย่งทุกอย่างไปจากมินนี่เพราะมันอิจฉา ที่สวยและเก่งไม่เท่ามินนี่ ตอนนี้มันก็กำลังจะแย่งพี่โปรดไปจากมินนี่อีก"
แอคติ้งชนะเลิศ คนสวยตรงหน้าบีบน้ำตาเสียน่าสงสาร ถ้าเขาไม่ได้ยินเรื่องราวที่สองคนนั้นเถียงกันมาก่อนหน้านี้ก็คงจะเชื่อเธอไปแล้ว
"แล้วคนชื่อตุลย์คือใคร"
"เอ่อ คือ เป็นแฟนยัยเด็กนั่นค่ะ เขาชอบมินนี่ เลยทิ้งยัยเด็กนั่นมาหามินนี่ แต่มินนี่ไม่เล่นด้วย ยัยนั่นก็ยิ่งโกรธมินนี่เข้าไปใหญ่ เลยมาแย่งพี่โปรดนี่แหละค่ะ"
แต่สิ่งที่เขาได้ยินคือ มินตราไปแอบแซ่บกับแฟนยัยนั่นนี่นา
"คู่นั้นคบกันมาตั้ง 7 ปี คงนอนด้วยกันจนยัยเด็กนั่นพรุนหมดแล้ว ผู้ชายเลยเบื่อ แล้วหันมาหามินนี่ มินนี่ไม่ผิดนะคะ ไม่ได้แย่งเขามาเลย แล้วมินนี่ก็ไม่ได้คบกับผู้ชายคนนั้นด้วย"
นอนด้วยกันจนพรุนหมดแล้วหรอ ไม่จริงเลยสักนิด เพราะเขานี่แหละ คือคนที่ได้ทะลวงพรหมจรรย์ของเธอ
"พี่ขอเตือนมินนี่อีกครั้ง ว่าอย่ามาตามรังควานหรือวุ่นวายกับผู้หญิงคนไหนของพี่อีก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
พูดจบก็เดินหนีไปทันที เมื่อได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขายิ่งควรต้องถอยห่างจากมินตรา เธอน่ากลัวและตลบตะแลงเกินไป เขาไม่ชอบ ผู้หญิงแบบนี้ แม้แต่นอนด้วยกันเอามัน เขาก็ไม่เอา
"พี่โปรด พี่จะทำแบบนี้กับมินนี่ไม่ได้นะ มินนี่ไม่ยอม คอยดูเถอะ ยังไงพี่ก็ต้องเป็นของมินนี่ มินนี่จะทำให้พี่แต่งงานกับมินนี่ให้ได้เลย"
ในตอนสัมภาษณ์ ปุณณัตถ์มองมาที่อัณณาบ่อยๆด้วยแววตาอ่านไม่ออก แต่รู้แค่ว่ามันเสียวสันหลังวาบแปลกๆ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก คิดว่าเธอนั้นอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เพราะเธอกับเขาก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว หลังจากนี้ก็คงพูดคุยกันแค่ตอนที่สัมภาษณ์เท่านั้น
พอตกบ่าย เธอก็เดินทางกลับเข้าออฟฟิศเพื่อเคลียร์คอลัมน์ที่คั่งค้างไว้อีกครั้งก็เจอเข้ากับเพื่อนรักของเธอ ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับแฟชั่นอย่างเดียว ไม่ได้ออกไปไหน เพราะ บก. ที่เป็นแฟนหนุ่มของเธอหวงมาก จนแทบไม่อยากให้ออกไปเจอหนุ่มๆข้างนอกเลย
"เป็นไงบ้างอัณณ์ งานราบรื่นไหม"
ทอฝันเอ่ยถามทันทีที่เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
"ก็ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องเจอพี่มินนี่"
อัณณาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถึงจะโกรธ จะเจ็บปวด จะเคียดแค้น แต่ก็ไม่เคยเกลียดมินตราได้จริงๆจังๆสักครั้ง เพราะเธอก็คิดมาตลอดว่าอย่างน้อยๆก็เป็นพี่สาว และโตมาด้วยกัน
"อย่าไปสนใจมาก ทำให้เป็นอากาศไปซะ เพราะงานนี้จะทำให้แกได้เติบโตขึ้น ได้รับผิดชอบและเรียนรู้อะไรมากขึ้น อีกหน่อยก็จะได้เป็นหัวหน้า ฉันดันแกสุดตัวแน่นอน"
ประโยคหลังทอฝันกระซิบกระซาบกับเธอเสียงเบา เพราะกลัวพนักงานคนอื่นจะได้ยิน
"ย่ะ คุณภรรยา บก. ฉันต้องหวังพึ่งใบบุญแกแล้วแหละ"
"ภรรยาอะไร เป็นได้แค่แฟนเอง นอกจากอยู่ด้วยกันทุกวัน พี่คิมก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องอนาคต"
"เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่แกจีบเขาจนติดและได้อยู่กับเขาทุกวันแบบนี้แล้ว แกจะกลัวอะไร"
"ไม่รู้สิ ฉันก็ต้องการความมั่นคงทางด้านจิตใจด้วย เสียตัวให้เขาไปแล้วนี่ พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก สาวซิงอย่างแกจะรู้อะไร ว่าเวลาเราเสียตัวให้ใครคนแรกแล้ว เราจะรู้สึกกับคนๆนั้นแค่ไหน ทุกสัมผัสของเขาเหมือนฝังอยู่ในร่างกายของเราเลย"
อัณณาสะอึกกับคำพูดของเพื่อนรัก ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ทุกวันนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว สัมผัสของเขายังติดตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของเธออยู่เหมือน เหมือนมันเพิ่งผ่านมาเมื่อคืนนี้นี่เอง
"อืม เอาน่า แกสงสัยก็ถาม อยากได้อะไรก็ขอ ก่อนที่แกจะจีบเขาติด แกยังเป็นสาวมั่นแฟชั่นจ๋าอยู่เลย พอเสียตัวให้เขาหน่อยทำเป็นเสียเซลฟ์ มั่นใจในเสน่ห์ของแกหน่อยสิเพื่อน"
"ก็แฟนฉันไม่เหมือนชาวบ้านนี่นา วันๆก็ไม่ค่อยพูด อยู่ที่ทำงานถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็แทบไม่ได้คุยกัน กลับบ้านยิ่งแล้วใหญ่ ตั้งหน้าตั้งตาปั่มปั๊มฉันอย่างเดียวเลย"
"ไอ้ฝัน ทะลึ่งจริงๆ เป็นสาวเป็นนาง พูดออกมาหน้าตาเฉย"
อัณณาฟาดมือลงบนต้นแขนเพื่อนรักอย่างแรง จนเธอสูดปากเอามือลูบแขนป้อยๆ
"อูยยย ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย เรื่องธรรมชาติ ลืมไป ว่าแกยังซิงนี่นา คงคิดภาพเหล่านั้นไม่ออกซินะ"
คิดไม่ออกบ้าอะไรล่ะ ทุกครั้งที่หลับตา ภาพที่เขาโยกขย่มบนกายเธอ ภาพใบหน้าตอนเขาขมวดคิ้วตั้งหน้าตั้งตากระแทกกระทั้นร่องรักของเธอ ภาพลำตัวแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไหนจะรอยสักสุดเท่บนต้นแขนและสีข้างนั่น ภาพใบหน้าที่แสดงความเสียวซ่านของเขาในยามเสร็จสมแตกกระจายในร่างกายเธอ ภาพทุกภาพของเขา มันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำและความรู้สึกของเธออยู่เลย
"พอเลย ไปทำงาน ฉันก็จะรีบเขียนคอลัมน์ให้จบ อยากกลับไปนอนแย่แล้ว ง่วง"
"อืมๆ ไม่กวนแล้ว"