เมื่อเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยเกาะมารดาไม่ปล่อย มาลุลีมองเจ้าตัวอยู่บ่อยครั้ง คงจะกลัวกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เธอไม่รู้ว่าโกมินทร์กับหนูเกลสนิทกันแค่ไหน แต่ดูจากท่าทีของเด็กน้อย เขาคงไม่ใช่พ่อที่เข้าหาลูกนักกระมัง
ขนมเค้กและน้ำผลไม้ถูกเสิร์ฟด้วยมือของลดา ในทันทีที่เจ้านายนั่งลงพร้อมกันที่โซฟาตัวใหญ่ เด็กน้อยพอเห็นขนม ได้ลิ้มรส ได้กินของถูกใจ ความประหม่าที่มีก็พอจะลดลงบ้าง
“นี่เป็นเอกสารส่วนตัวของหนูเกล แพรเตรียมไว้ให้แล้ว ขอบใจเก้ามากนะ ที่รับหนูเกลมาอยู่ด้วย”
แพรดาวเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ ด้วยงานที่ทำ ด้วยฐานะที่ยังไม่มั่นคง ทำให้เธอต้องดิ้นรนทำงาน ไม่มีเวลาอยู่กับลูกมากนัก ในวันที่รู้ว่าโกมินทร์ร่ำรวย การให้เขาเป็นผู้ปกครองหนูเกลจึงดีที่สุดแล้ว
“ก็...หนูเกลเป็นลูกของฉันนี่นา ลูกคนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ เธอซะอีก น่าจะบอกกันเร็วกว่านี้” โกมินทร์อดไม่ได้ที่จะท้วงติง หากเขารู้เร็วกว่านี้ หนูเกลคงไม่ต้องเรียกคนอื่นว่าพ่ออยู่ตั้งเจ็ดแปดปี
แพรดาวทำหน้าเศร้า มาลุลีเฝ้ามองอย่างพิจารณา ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี พูดเก่ง ยิ้มหวาน หล่อนสมบูรณ์แบบ ไม่แปลกที่สามีเธอจะเคยตกหลุมรัก
“ก็...จะให้มาหาในทันทีก็คงไม่ได้หรอกนะ ตอนนั้นแพรเป็นฝ่ายทิ้งเก้ามานี่นา อีกอย่าง...ท่านก็รักและเอ็นดูหนูเกลเหมือนลูกแท้ๆ”
ท่านที่เอ่ยถึงคือสามีที่เสียไปนั่นเอง ท่านอายุมากแล้วตอนแต่งงานกับเธอ ตอนนั้นเงินทองไม่ใช่เรื่องน่ากังวล ทว่าเมื่อผ่านไปหลายปี สิ่งที่เธอใฝ่ฝันก็ไม่เป็นตามนั้น เศรษฐกิจไม่ดีทำให้บริษัทของสามีถูกผลกระทบ จากที่ร่ำรวยก็แทบไม่พอกิน จากที่เธอไม่เคยทำงานอะไร ก็ต้องดิ้นรนทุกทาง สามีเธอนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งโรคเครียดและอายุที่มากขึ้นทุกวันทำให้เขามีภาวะช็อก กระทั่งเสียชีวิตไป
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอบ่ายหน้ามาหาโกมินทร์
“น่าเสียดายนะ ถ้าเราได้รู้จักกันเร็วกว่านี้ ก็คงดี” โกมินทร์มองเด็กหญิงแก้มป่องที่เอาแต่นั่งเบียดมารดา “มานี่มา มานั่งตรงนี้สิ หนูต้องมาอยู่กับพ่อ เพราะแม่ต้องทำงานรู้ไหม” เขาตบมือลงบนเบาะนั่งข้างตัวเอง
เด็กหญิงอิดออด สองปีมานี้มารดาที่เคารพพูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าผู้ชายคนนี้คือบิดาที่แท้จริง มันไม่อึดอัดอะไรหรอก จนถึงวันนี้ที่ต้องมาอยู่กับเขาโดยไร้ร่างเงาของมารดา
เด็กหญิงจิรกานต์ เข้าไปนั่งข้างโกมินทร์ กระหม่อมของเด็กน้อยถูกตบเบาๆ ดวงตาที่คล้ายเอ็นดูนั้น ทำให้เด็กหญิงรู้สึกดีไม่น้อย
“ต่อไปก็อยู่ที่นี่นะ อยู่กับพ่อกับแม่ลุลี” โกมินทร์บอกลูก
เด็กน้อยหูผึ่ง มาลุลีก็เช่นกัน
“อะแฮ่ม! ลุลีคงไม่มีลูกตั้งแต่อายุสิบหกหรอกค่า”
เธอท้วง หนูเกลสิบขวบแล้วนะ ส่วนเธอเพิ่งยี่สิบหกเอง
“ก็หนูเกลเป็นลูกฉัน เธอก็ต้องเป็นแม่เลี้ยง”
“ไม่เอาล่ะ ลุลีไม่อยากแก่ คุณ...อ่า...” หญิงสาวเว้นวรรค มองหน้าแพรดาวสลับกับสามี “พี่....”
“หือ?” โกมินทร์ประหลาดใจ พี่ อย่างนั้นหรือ
“พี่...พี่เก้าคะ! ลุลีว่าให้หนูเกลเรียกลุลีว่าน้าก็ได้ค่ะ” มาลุลีแนะแล้วยิ้มหวาน
โกมินทร์เอียงหน้ามองหล่อน ลุลีเรียกเขาว่าพี่ ตลก!
“แบบนั้นก็ดีนะคะ” แพรดาวเอ่ยแทรกขึ้นมา เธอเป็นแม่ของหนูเกล จะให้ลูกเรียกคนอื่นว่าแม่อีกคน บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบเช่นกัน
“ดีไหมลูก”
“ดีค่ะแม่” เด็กหญิงขานรับพร้อมรอยยิ้ม
“งั้น...แม่กลับก่อนดีกว่า หนูอยู่นี่กับคุณพ่อ แล้วอย่าดื้อรู้ไหม”
จิรกานต์ลุกไปกอดมารดาในทันใด
“แม่ขาอย่าเพิ่งสิ หนู...กลัว” เด็กน้อยทำหน้าไม่สู้ดีนัก
“กลัวอะไรลูก พ่อก็อยู่นี่” โกมินทร์ว่า
แพรดาวสบตากับบุตรสาว ก่อนที่สายตาของแม่หนูจะเบนไปหาแม่เลี้ยงสาวราวกริ่งเกรง
“หือ?” มาลุลีคราง เอาแล้วไหมล่ะ จู่ๆ งานเข้าซะงั้น เธอเปล่านะ เธอยังไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้แยกเขี้ยวใส่ด้วย ฉันไม่ร้ายนะหนู!
“แหะๆ น้องคงจะ...ประหม่าน่ะ คุณแพรไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันไม่ใช่พวกแม่เลี้ยงใจร้ายชอบตีลูกเลี้ยงหรอกค่ะ”
“แต่หนูกลัว”
เด็กน้อยพูดอีก มาลุลีเม้มปากแน่น ฉันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ตอนไหนล่ะอีหนู จะกลัวฉันทำม้ายยย...
“จุ๊ๆๆ ไม่เอา หนูเกลไม่ใช่เด็กแล้วนะลูก”
หนูเกลส่ายหน้า “แม่อยู่ด้วยนะ แค่คืนนี้ก็ได้ อยู่เป็นเพื่อนหนูนะคะ” จิรกานต์ร้องขอมารดา
แพรดาวทำหน้าลำบากใจ คล้ายจะบอกเป็นนัยว่ารู้ดีถึงความไม่เหมาะไม่ควร
“คุณแม่ต้องไปทำงานนะ” โกมินทร์ช่วยเอ่ย แต่เด็กน้อยไม่ยอม
“ให้แม่อยู่ด้วยนะคะ แค่คืนนี้ก็ได้นะคะคุณพ่อ นะคะ...” เด็กน้อยอ้อนบิดา
โกมินทร์เริ่มนั่งไม่ติด หันมองภรรยาก็เห็นอีกฝ่ายมองมาตาขวาง อันที่จริง หากไม่คิดอะไร เพียงแค่ให้แพรดาวค้างกับลูกสาวสักคืนก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ว่า...
“คุณแม่อาจไม่สะดวกนะน้องเกล เสื้อผ้าอะไรก็คงไม่ได้เตรียมมา”
“อ่า...อันที่จริงแพรมีเสื้อผ้าติดมาด้วยค่ะ”
“หือ...” มาลุลีครางอีกหน หล่อนมี...เสื้อผ้ามาด้วย?
“คือ...งานของแพรต้องไปโน่นมานี่บ่อยๆ เลยต้องจัดกระเป๋าเผื่อไว้ตลอด อย่างพรุ่งนี้ก็จะไปอยุธยา อันที่จริง...ก็ห่วงหนูเกลเหมือนกันนะ แกอยู่แต่กับแม่ เราสองคนไม่เคยห่างกันเลย” ว่าแล้วก็กอดลูกแน่น ลูบหัวลูบหางประหนึ่งรักนักหนาจนมิอาจลาขาดจากกันได้