บทที่ 3/4 ร่วมเตียงเคียงหมอน

977 Words
เวลา 18:35 นาฬิกา ก๊อกๆๆ เสียงประตูถูกเคาะ ก่อนเสียงหวานของใครบางคนจะดังขึ้น มาลุลีพลิกกายช้าๆ รู้สึกเมื่อยขบไปทั้งร่าง หูแว่วได้ยินเสียงคนเจรจา แต่ขี้เกียจเกินกว่าจะเลิกผ้านวมออกมาดู โกมินทร์มองคนที่อยู่ใต้กรอบประตู แพรดาวยืนยิ้มซื่อๆ อยู่ตรงนั้น “ขอโทษที่รบกวนนะ ขอคุยด้วยได้ไหม” รอยยิ้มขออภัยยังกระจ่างแม้ยามเอื้อนเอ่ยวาจา โกมินทร์มองไปที่เตียง คนที่ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้านวมยังนอนนิ่งไม่ขยับ “ไปคุยข้างล่างเถอะ ในสวนก็ได้” เขาแนะแล้วปิดโน้ตบุ๊กลง ก่อนจะพาแพรดาวเดินลงไปด้านล่างเพื่อเจรจา และทันทีที่เสียงประตูปิดลง มาลุลีก็ดีดผึงออกจากกองผ้านวม ปวดเมื่อยไปทั้งร่างแต่ยังลากสังขารไปที่ระเบียง ด้านล่างนั้น สามีของเธอกับเมียเก่าของเขากำลังเดินคุยกันอยู่ คงมีหลายเรื่องที่พวกเขาต้องคุยกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขว้างใบหูไปแปะไว้ที่แผ่นหลังของเขา จะได้รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง ด้านล่าง โกมินทร์กับแพรดาวกำลังคุยกันเรื่องโรงเรียนของเด็กหญิงจิรกานต์ สรุปได้ว่าหนูเกลควรต้องเรียนที่โรงเรียนเดิมไปก่อน จนกว่าจะเลื่อนขึ้นชั้นใหม่ค่อยย้ายทีเดียว ที่ต้องย้ายเพราะโรงเรียนเดิมนั้นอยู่ไกลจากบ้านหลังนี้เกินไปนั่นเอง “แล้วเรื่องไปรับไปส่ง” แพรดาวเป็นกังวล เอ่ยถามเขาในตอนที่ฝ่าเท้าวางลงบนสนามหญ้าที่มีก้อนกรวดก้อนหินโผล่มาให้เหยียบย่ำ “คงต้องให้ลุงชมไปส่ง แต่ถ้าวันไหนมีเหตุสุดวิสัยที่ลุงไม่สะดวก ฉันจะบอกให้ลุลีไปรับไปส่งแทน” “เกรงใจเธอจังเลย ลูกสาวเธอก็ไม่ใช่” เอ่ยออกมาราวเกรงใจนักหนา และโกมินทร์ก็ทำหน้าเหมือนรับรู้ “หนูเกลเป็นเด็กน่ารัก ลุลีเองก็อายุยังไม่มาก น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังไงลุลีเองก็อยู่ว่างๆ ให้ลุลีดูแลหนูเกลก็ดีเหมือนกัน” “แพรไว้ใจเธอได้ใช่ไหม” คนเป็นแม่ถามอีก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ “ได้สิ ฉันมั่นใจว่าลุลีเป็นคนดี” “ถ้าเก้าว่าดี แพรก็ว่าดี ขอโทษที่กังวลจนเกินเหตุ แพรก็แค่อยากให้หนูเกลอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ” โกมินทร์ยิ้มบางๆ ก้าวขาไปพร้อมๆ กับแพรดาว มีเพียงความเงียบงันท่ามกลางสวนสวยในตอนพลบค่ำ แสงไฟรอบสนามกระจ่างขึ้นมา แลเห็นเงาของคนทั้งคู่ที่กำลังเดินไปพร้อมกัน “ถ้าหัวใจของแพรมั่นคงสักนิด คนที่ยืนอยู่ข้างเก้าตอนนี้ คงเป็นแพร ไม่ใช่ลุลี” สองเท้าของโกมินทร์หยุดเดินในตอนนั้น เขามองคนที่เอ่ยด้วยแววตาอันเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ “อย่าพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ฉันแต่งงานแล้ว” แพรดาวขบเม้มริมฝีปากล่างแรงๆ สมองขบคิดเรื่องบางอย่างจนหัวใจปวดหนึบ ไม่มีอีกแล้วแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเทิดทูนของโกมินทร์ แววตาที่เปี่ยมไปด้วยรักและหวังดี เธอทอดทิ้งมันไปแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทอดทิ้งคนดีๆ ที่เพียบพร้อมทุกอย่างเพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายแก่ๆ ที่สุดท้ายแล้วด่วนตายจากไป ไม่น่าเลยแพรดาว “เหมือนฝนจะตก เข้าบ้านกันเถอะ” เขาชวนแล้วหันหลังกลับ แพรดาวมองตามเขาไป จากตรงนี้เธอสามารถแลเห็นใครบางที่ระเบียงชั้นสอง นั่นมาลุลี “โอ๊ย!” อยู่ๆ คนสวยก็แข้งขาอ่อนแรง แพรดาวนั่งจุมปุกอยู่บนพื้นหญ้า สองมือกุมข้อเท้าข้างหนึ่งแน่นหนึบ “เป็นอะไร?” โกมินทร์เข้ามาถามไถ่อย่างตระหนก เมื่อกี้หล่อนยังดีๆ อยู่เลย “อ๊า...เจ็บจัง ลื่นน่ะ ลื่นก้อนหิน เจ็บข้อเท้ามากเลย” บอกพ่อของลูกแล้วส่งเสียงสูดปากอย่างทรมาน คิ้วของโกมินทร์ขมวดเข้าหากันแรงๆ ลองแตะข้อเท้าหล่อนดูก็ไม่เห็นร่องรอยความเจ็บปวด หรือตอนนี้แสงสว่างไม่มากพอ คงต้องพาหล่อนเข้าไปในบ้าน “เดินไหวไหม” ม่ายสาวส่ายหน้า เขาช่วยพยุงให้ลุกยืนแต่อีกฝ่ายก็ไม่นำพา ร่างกายหล่อนดูอ่อนแรงยิ่งกว่าคนง่อยเปลี้ยเสียขา “โอย...เจ็บๆๆ เจ็บจริงๆ นะเก้า” แพรดาวบอก โกมินทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หันซ้ายแลขวาก็ไม่เจอลดาหรือน้าแรม “เฮ้อ...งั้นก็มาเถอะ เดี๋ยวอุ้มเข้าไป” พูดจบก็ช้อนร่างแพรดาวขึ้นสู่วงแขน พาเดินเข้าสู่ตัวบ้าน แพรดาวลอบยิ้มยินดี เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ชายคาบ้าน เธอก็เงยหน้าขึ้นข้างบน ยังได้ส่งยิ้มเล็กน้อยให้คนที่อยู่บนระเบียง ดวงตาของพวกเธอสานสบกันเพียงเสี้ยวนาที มาลุลีอึ้งจังงัง! หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปสิบวิฯ ก่อนที่ประโยคหนึ่งจะหลุดออกจากปาก “มุกนางร้ายตลาดล่างไม่พัฒนา!” เธอบ่นอย่างระอา สงครามประสาทเกิดขึ้นแล้วนับตั้งแต่วินาทีนี้ ตราบใดที่แพรดาวยังมาวนเวียนอยู่ใต้ชายคาบ้าน ชีวิตการแต่งงานของเธอคงไม่มีวันราบรื่นอีกต่อไป มาลุลีตั้งสติเพื่อตั้งรับกับผู้หญิงอย่างแพรดาว เธอต้องร้องกรี๊ดๆ เป็นนางร้ายในละครหลังข่าวหรือเปล่า ไม่ๆๆ ไม่สิ เธอไม่ใช่นางร้าย เธอเป็นนางเอก เธอต้องอดทน ต้องเข้าอกเข้าใจสามี เออออห่อหมกในสิ่งที่เขาจะเอามาอ้างต่อการกระทำที่ทำให้เธอเสียใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD