ระยะทางจากอาคารเรียนไปยังโรงอาหารที่มีของกินมากมายที่แสนจะถูกใจ ดิวเพื่อนสาวที่ชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ สายตาของหนูซีนมองเห็นใครคนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นตา ที่นั่งอยู่ก่อนหน้า แต่ว่าหนูซีน นั้นมองข้ามทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งที่ภายหัวใจนั้นเต้นโครมครามเสียงดัง แทบไม่เป็นจังหวะ เมื่อนึกย้อนถึงคำพูดที่เหมือนสั่งการในการบอกชื่อ ทั้งที่เธอนั้นตื้ออยู่นานก็ยังไม่รับรู้ อยู่ ๆ มาสั่งการให้จดจำ คำพูดนั้นมันทำให้จิตใจกระวนกระวาย ความหมายอะไรที่เขานั้นจะสื่อให้รับรู้
"ที่รักของที มาแล้วเหรอ" ทีเล่นที่มองเห็นหนูซีนและดิวเดินมา ปากที่แสนจะขี้เล่นจึงเอ่ยขึ้น เมื่อกิริยาแบบนี้พวกเขาเล่นกันประจำ
"ที่รงที่รักอะไรล่ะ ทีเล่นก็นะ" หนูซีนย้อนอย่างตำหนิทั้งที่ก็รู้ว่าเพื่อนนั้นไม่ได้จริงจัง กลัวคนอื่นที่ได้ฟังจะเข้าใจผิดเพี้ยนไป
การสนทนาที่อยู่ไม่ไกลกับคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าเพียงลำพัง เสียงที่ทีเล่นพูดขึ้นดังเข้ามาในหู ทำให้เขานั้นรับรู้และเห็นการกระทำที่เพื่อนสนิทเล่นกัน
แต่เขาไม่ชอบใจ!
"ซีนสั่งข้าวหรือยัง" ทีจริงเอ่ยถามขึ้นเมื่อหนูซีนนั้นนั่งลงตรงข้ามพร้อมวางสัมภาระในการเรียนมากมาย
"ยังเลย เดี๋ยวเราไปสั่งพร้อมดิว" หนูซีนบอกกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอนั้นมี รอยยิ้มที่แทบละลายใจคนมอง
"ดิวอ่ะไม่ต้องกินข้าวก็ได้มั้ง เหมือนจะอิ่มแล้ว" ทีเล่นพูดแซวขึ้น สายตาก็ไล่กวาดมองตามร่างกายดิวอย่างยียวน
"เดี๋ยวตบหัวทิ่ม" ดิวสวนขึ้นทันควันเมื่อความหมายของสายตาที่มองนั้นมันคือการบ่งบอกว่าเธอนั้นอ้วน
"รุนแรงอ่ะ ที่รักช่วยทีด้วยซิ ดิวจะตบทีหัวทิ่ม" ทีเล่นพูดพร้อมกับซบหน้าลงไหล่บางของหนูซีน กิริยาท่าทางที่มีเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้นที่จะกระทำแบบนี้ได้
"ดิว จะมาตบทีของเราไม่ได้นะ" หนูซีนแย้งขึ้นเปลือกตาข้างหนึ่งกระพริบเหมือนรู้ทันกัน ส่วนดิวนั้นก็ไม่โต้ตอบอะไร
"หวงกันจังเลยนะ" ดิวแย้งขึ้น
"ใช่ เราหวงทีมาก....เพราะเดี๋ยวเราจะตบเอง เพี๊ยะ!!!" เสียงฝ่ามือเล็ก ๆ ฟาดลงแก้มของทีเล่นจนเป็นรอยแดง คนที่ซบหน้ากับไหล่นั้นแทบลุกนั่งตัวตรงแทบไม่ทัน มือนั้นก็ลูบแก้มตัวเองเพราะอาการแสบของกาปะทะฝ่ามือ
((ฮ่าฮ่าฮ่า)) เสียงหัวเราะดังลั่นพร้อมกันเมื่อหนูซีนนั้นตบลงแก้มของทีเล่น ทุกคนหัวเราะชอบใจในการกระทำของหนูซีน
"ซีนอ่ะแหย่เล่นก็ไม่ได้ เจ็บนะเนี้ย" ทีเล่นทำหน้าบึ้งตึงใส่เมื่อเห็นเพื่อน ๆ หัวเราะชอบใจในการกระทำของหนูซีน
แต่กลับอีกคนที่มองเห็นทุกอย่างนั้นกลับเกิดอาการไม่พอใจ แม้กระทั่งการเดินสวนกันไปทั้งที่มองเห็นแต่เธอนั้นก็ไม่สนใจ มีเพียงสายตาของดรูฟเท่านั้นที่มองตามแผ่นหลังของเธอ มองดูการกระทำที่เธอนั้นมีอย่างสดใส ต่างออกไปจากเขา ที่เธอนั้นแสดงความเพิกเฉยเมินใส่
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่สนุกสนาน จานข้าวและแก้วน้ำถูกวางลงตรงหน้าหนูซีน จนคนในกลุ่มเพื่อนนั้นต้องเงยหน้ามอง รวมทั้งเจ้าของใหม่ของจานข้าวนั้นเช่นกัน
"หื้ม ?" หนูซีนเงยหน้ามองพร้อมกับเสียงเค้นในลำคอ หัวคิ้วที่จรดกันอย่างงวยงง สงสัยเมื่อสิ่งตรงหน้าพร้อมกับคนตัวสูงที่ยืนด้านข้างที่เอาแต่มองหน้าเธอเท่านั้น ไม่ยอมปริปากพูดอะไร มาดนิ่งๆ ดูหยิ่ง ๆ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างวางมาด "อะไรเหรอ"
"ข้าวกับน้ำ ไม่รู้จักเหรอ" ดรูฟพูดขึ้น
"รู้ แต่ว่าเอามาทำไม" หนูซีนถามขึ้นอย่างสงสัย เมื่อเขานั้นทำอะไรที่เธอนั้นไม่ค่อยจะเข้าใจ
"เอามาให้เธอ" ดรูฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตามองหนูซีนอย่างไม่วางตา ไม่สนใจสีหน้าของคนรอบข้างที่มองด้วยความงงสักนิด
"เพื่อ?" หนูซีนยังคงสงสัยในการกระทำของดรูฟที่เป็นตอนนี้
"ห้ามปฏิเสธและต้องกินให้หมด" ดรูฟพูดขึ้นอย่างบังคับ ไม่ได้สนใจในความสงสัยหรือคำถามของเธอแม้แต่น้อย สองขายาวก้าวหวังจะเดินหนีเมื่อพูดจบ
"นายเป็นใครถึงต้องมาบังคับกัน" หนูซีนลุกขึ้นยืนเร็วพลัน ส่วนมือนั้นก็คว้าจับแขนเขารั้งไว้ รู้สึกไม่ชอบใจในการกระทำที่ดรูฟนั้นเป็นตอนนี้...
มาบังคับเธอทำไม !?
"เป็นใครไม่สำคัญ อนาคตอาจจะเป็นแฟนกันก็ได้" ดรูฟพูดแค่นั้นก็สลัดแขนให้หลุดและเดินจากไป อย่างไม่ไยดี ทิ้งไว้เพียงความงงสงสัย ที่หนูซีนนั้นไม่เข้าใจในสิ่งนี้เสียที...ยังไงก็ไม่เข้าใจ?
"พูดบ้าอะไรของเขาวะ...อากาศประเทศไทยร้อนไปเหรอ?" หนูซีนสบถเบา ๆ ยืนเกาหัวหงิก ๆ อย่างงงวย พร้อมสายตาที่มองตามหลังหนานั้นที่ค่อย ๆ ห่างออกไปจนลับสายตา "งงซีนงง...งงในดงอาหาร" งงจนไม่รู้จะงงอย่างไรแล้ว!
ความรู้สึกภายในใจหลังจากที่เดินออกมาด้วยความเขินอาย ผู้ชายอย่างดรูฟที่เป็นทายาทท่านผู้นำรัฐชาร์จาห์ ผู้ที่ไม่เคยต้องวิ่งตามหาผู้หญิง ผู้ชายนิ่ง ๆ ที่ดูสุขุมนุ่มลึก แต่นอนนี้ทำไมกลับรู้สึกอยากใกล้ชิดกับผู้หญิงไทยที่แสนธรรมดา มีเพียงแค่วาจาที่พูดมากไม่หยุดหย่อนเท่านั้น แต่นั่นมันก็ทำให้เขาหลงเสน่ห์นี้ของเธอ ปากที่พร่ำเพ้อบอกว่ารำคาญ แต่เมื่อเธอนั้นตีตัวออกห่างกลับรู้สึกอย่างได้เธอมาครอง
"เธอก็แค่ผู้หญิงพูดมาก แต่ทำไมฉันต้องร่ำร้องอยากอยู่ใกล้เธอด้วยนะ" เสียงสุขุมพูดพร่ำ เมื่อการกระทำก่อนหน้าที่แสดงออกไป นั่นเรียกว่าหึงหวงในแบบชายใช่ไหม?
"ทำไมต้องหึง...ฉันชอบยัยนกแก้วนั่นเหรอ?" ความสงสัยไม่รู้ว่าการกระทำที่เป็น แสดงออกให้เห็นถึงการหวงเธอ ไม่ให้เธอใกล้ชายใด และก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนใกล้เธอ
"แล้วจะเดินหนีทำไม กลับไปที่โรงอาหารสิดรูฟ" เมื่อนึกย้อนถึงกลุ่มคนที่รายล้อมหญิงสาวที่ตนนั้นแสดงความหวงแหน จึงเกิดอยากเดินกลับไป เพราะไม่รู้ว่าชายใดจะสัมผัสกับร่างกายของเธอบ้าง นึกได้บางอย่างแค่นั้นจึงหันหลังหวังเดินกลับไป
((อ๊ะ!!))แต่ความเร่งรีบร้อนรนใจจึงทำให้ไม่ทันระวัง พลาดพลั้งชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง
"อู๊ยยย...ทำไมเดินไม่ระวังเลยล่ะ เจ็บนะ" เสียงสดใสแหลมแผดดังตำหนิทันทีเมื่อก้นกระแทกกับพื้น
เพียงสายตาของดรูฟมองเห็นก็รับรู้แล้วว่าเป็นใคร ความประหม่าที่มีจึงเริ่มก่อเกิด เมื่อคนที่ล้มพับนั้นคือผู้หญิงพูดมากเป็นนกแก้วที่เขานั้นกำลังจะไปหาและซุ่มแอบดู
"เอ้า! ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไงอ่ะ" หนูซีนที่นั่งก้นจ้ำพื้นเอ่ยท้วงขึ้นอย่างตำหนิเมื่อเห็นดรูฟนั่นเอาแต่มองอย่างแน่นิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ภายในใจเขานั้นประหม่าเสียเต็มประดา....ยิ่งกว่าท่าน เชคฮ บราฮิม ประทับร่างก็ไม่ปาน เมื่ออดีตที่เคยเจอกับ เชคฮคาม่านฟ้า ก็เป็นไม่ต่างกันกับบุตรชาย
"เธอมาชนฉันเอง" ปากแข็งพูดออกไปอย่างนิ่งเฉย สองมือล้วงกระเป๋าอย่างวางมาดแต่แท้จริงแล้วเขากำลังมือสั่นต่างหาก เพราะถ้าเผยออกมาจากกระเป๋ากางเกงเธอคงสังเกตเห็นที่ดรูฟนั้นเสียการทรงตัว
"นายอาหรับ! นายนี่นะนอกจากจะนิ่งเป็นตอเหมือนคนไม่มีความรู้สึกแล้วยังขาดความเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก" หนูซีนหยัดตัวลุกขึ้นยืน มือปัดป่ายกระโปรงที่แปดเปื้อน แล้วสาดทอคำตำหนิ อย่างไม่มีทีท่าจะกลัวคนที่ตัวสูงกว่าสักนิด
"ฉันบอกให้เธอจำชื่อของฉัน!" ดรูฟโน้มตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนหนูซีนนั้นกรูถอยหลังไม่ทัน สตั๊นนิ่งแทบหยุดหายใจ ใบหน้าคมเข้มสไตล์ชายตะวันออกกลาง เมื่อยามได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้จิตใจนั้นกระวนกระวาย กระสับกระส่ายไม่อยู่นิ่ง
"................"
" ฉัน ชื่อ ดรูฟ " เสียงทุ้มบอกเน้นย้ำถึงชื่อตน ส่วนคนที่ยืนนิ่งแทบหยุดหายใจ ทำได้เพียงพยักหนาหงึกตอบรับ ดวงตาคมดุจ้องมองหนูซีนไม่ลดละในระยะใกล้เพียงแค่คืบทำให้หัวใจสาวนั้นแทบหลุดจากอก
"..............."
"จำชื่อของฉันไว้ให้ดี" ดรูฟขยัยใบหน้าเข้าใกล้ และเอ่ยกระซิบข้างหูของหนูซีนอย่างออกคำสั่ง ไม่สนใจสายตาของสาธารณะชนที่มองมาแม้แต่น้อย
"ไม่มีรุ่นน้องที่ไหน มาออกคำสั่งกับรุ่นพี่หรอกนะ" หนูซีนที่ประหม่าเมื่ออยู่ใกล้ดรูฟในระยะประชิดพูดขึ้น พยายามข่มน้ำเสียงให้เรียบนิ่ง แต่ในใจจะสั่นระริกอย่างหวั่น หัวใจสั่นไหวก็ตาม
"รุ่นพี่แล้วไง" ดรูฟขยับตัวยืนเต็มความสูงจ้องสบตามองหน้าหนูซีนที่ตอนนี้พวงแก้มเริ่มแดงก่ำ
"นายควรจะให้เกียรติรุ่นพี่มากกว่านี้" หนูซีนแย้งอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อคนที่ตัวสูงใหญ่ที่เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งนั้นไม่มีความเคารพ ซึ่งปกติแล้วหนูซีนก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่นี่เมื่อเขาเริ่มหยาบขึ้นเธอจึงเริ่มที่จะทนไม่ได้
"ไม่จำเป็นสำหรับรุ่นพี่อย่างเธอ" ดรูฟพูดเสียงนิ่งเย็นชา
"นี่นาย! อ๊ะ!......" ดรูฟกระชากข้อมือหนูซีนจนร่างเล็กๆ กระทบเข้ากับแผงอกแกร่งเมื่อหนูซีนนั้นเริ่มจะแผลงฤทธิ์ที่เขานั้นไม่ชอบใจ
((อร๊าย!!! อื้ม อิจฉา))
((อยากเป็นเธอคนนั้นจัง))
((ปกติเขาเงียบจนไม่มีใครอยากเข้าหา))
((อร๊ายๆ อิจฉาๆๆๆ อยากถูกสัมผัสบ้าง))
((งื้ออิจฉาพี่ซีน))
((เนอะๆ อยากสิงร่างพี่ซีนเลยตอนนี้))
เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ทั่วบริเวณมหาลัยที่มองมา แสดงถึงความอิจฉาตาร้อน
"ปล่อยนะ!!" หนูซีนที่เริ่มเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มาก พยายามขัดขืนฝืนตัวให้ออกห่างจากดรูฟ เพราะตอนนี้ทุกสายตาเริ่มมองมาที่เธอและเขาเป็นสายตาเดียวกัน รวมทั้งบางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอีกต่างหาก
"ฉันไม่อยากจะใช้อำนาจบังคับใครหรอกนะ"
"นายใหญ่มาจากไหนกัน!"
"สักวันเธอก็จะรู้เอง เดือนเมษา" ดรูฟพูดในระยะใกล้สายตาจ้องมองหน้าหนูซีน มีรอยยิ้มเล็กๆ ฉายบนใบหน้าเข้ม หนูซีนเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเขาอยู่ในระยะใกล้ มือใหญ่ของดรูฟกดตรึงเอวคอดให้แนบชิดลำตัวแกร่ง ไม่สนใจสายตาของผู้ใดที่จ้องมอง...
"........."
หนูซีนที่รู้สึกตัวจากความงงจนต้องวิ่งตามเขามาเพื่อจะถามให้คลายสงสัยในสิ่งที่เขาทำ แต่ตอนนี้เหล่าคำถามและความสงสัยเลือนหายไป เมื่อได้มองหน้าดรูฟ มีเพียงเสียงของหัวใจเท่านั้นที่เต้นตึกตักแทบหลุดจากอก
มือหนาของดรูฟลูบไล้เบา ๆ ตรงเรียวปากของหนูซีน เธอพยายามขัดขืนให้หลีกห่าง แต่ร่างกายบางเล็กก็ไม่สามารถทัดทานแรงชายตัวใหญ่กว่าอย่างดรูฟได้
"ปากน่าจูบดีนะ ?"
"นาย! นี่!...."
ดรูฟพูดทิ้งท้ายและปล่อยหนูซีนให้เป็นอิสระ และเดินจากมาทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ มุมปากที่แทบไม่มีใครได้เห็นนอกจากพ่อแม่และคนในครอบครัว ขายาวก้าวเดินออกห่างมา แต่ก็ยังไม่วายใช้หางตาแอบมองกลับไปดูปฏิกิริยาของหนูซีนที่ตอนนี้คงจะโกรธเขาจนอยากจะฆ่าให้ตาย ท่าทางที่ดูต่างไปของหนูซีนในอีกมุมที่เธอนั้นไม่ค่อยแสดงออก นอกจากความสดใสที่ใคร ๆ นั้นพบเจอ แต่ดรูฟกลับได้เห็นอีกมุมของเธอในวันนี้ด้วยการยั่วยุปุกปั่นของเขา
"ซีน...ทีคิดถึงจังเลย" ทีเล่นที่แสนจะขี้เล่นสมชื่อ พูดชื่อหนูซีนลากยาว พร้อมกับก้าวขายาวเดินเร็วพลันเข้ามาโอบกอดอย่างคนคุ้นเคย
"อะไรของทีเล่นเนี้ย" หนูซีนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรสบถเสียงตำหนิพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส
"เนียนเลยนะมึง...ปล่อยซีน" ทีจริงผู้ที่หน้านิ่ง ๆ เดินตามหลังมาแล้วกระชากฝาแฝดที่แสนจะขี้เล่นออกจากตัวหนูซีนอย่างหวงแหน สถานที่สาธารณะที่เป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร จะมองหนูซีนยังไงหากมีคนมือบอลปั่นข่าวมั่วๆ
"ก็คนเขารักกัน ยุ่งไรด้วย"
"อย่าเยอะให้มากก่อนที่จะม้วยมรณาชีวิตจะหาไม่ไอ้ทีเล่น" น้ำเสียงที่เยือกเย็นของทีจริงพูดขึ้นพร้อมกับตบหัวทีเล่นเบาๆ
"ซีน!"
"อะไรดิว เรียกซะตกใจเลย" หนูซีนเอ่ยถามเมื่อดิวนั้นทำหน้าขึงขัง สายตาจ้องมองมือถือที่เผยโชว์แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กหน้าฟีดข่าว
"นั่นสิตกมันรึไง" ทีเล่นพูดแซว
"หุบปากไปเลยแกอ่ะ" ทีจริงเสริมทัพดิวอย่างเข้าพวก
"ซีน เข้าดูในเฟซบุ๊กดิ" ดิวบอกด้วยสีหน้าตระหนก
"มีอะไร?" หนูซีนผู้ที่ยังไม่รู้เรื่องราวยังนิ่งถามไปด้วยใบหน้าใสซื่อ
"นี่ไง ดังใหญ่เลย" ดิวโชว์หน้าจอมือถือตรงหน้าหนูซีน เผยให้เห็นหัวข้อพร้อมภาพประกอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ที่ถูกชายอาหรับนั้นกระชากกดตรึงเอวให้แนบชิด
"ไหนเอามาดูบ้าง" ทีเล่นที่มองเห็นอาการของหญิงสองคนจนต้องร้องขอดูบ้างเพราะอยากรู้อยากเห็น
".........." หนูซีนผู้ที่เป็นเป้าหมายในโลกโซเชี่ยลตอนนี้ ตกใจกับภาพที่ดูล่อแหลม ชายตัวสูงที่อยู่ในมุมกล้องที่ตอนกระซิบข้างหู หากใครไม่รู้คงเห็นเป็นการหอมแก้มกัน
"ซีน! ไม่นะ! ทำไมซีนทำร้ายจิตใจทีแบบนี้ล่ะ งื้อซีนใจร้าย" ทีเล่นที่เห็นภาพที่ล่อแหลมต่อสายตาออกอาการเสียใจอย่างคนแสดงละคร
โป๊ก!!
"เลิกแสดง ดูตอแหลฉิบหาย" ทีจริงที่ทนดูความติงต๊องของทีเล่นไม่ไหว เดินไปตบหัวทีเล่นจนหัวขมำกับโต๊ะ
"โอ๊ย! ตบหัวทำไมเนี้ย" ทีเล่นร้องโอดครวญอย่างเจ็บแสบ มือลูบหัวปอย ๆ
"เราไม่ได้ทำแบบนั้นนะ ไม่ถูกหอมแก้มอย่างที่เขาบอกในนั้นนะ มันเป็นมุมกล้อง" หนูซีนรีบปฏิเสธและอธิบาย เมื่อตอนนี้สายตาของใครต่อใครที่เดินผ่านมองมายังเธอ บ้างก็ยิ้มให้ ผู้หญิงบางคนก็บึ้งตึงใส่ บางสายตาก็เหมือนต่อว่าตำหนิ
"ซีนใจเย็น ๆ แล้วทำไมถึงไปอยู่กับนายคนนั้น" ดิวเอ่ยถามถึงที่มาที่ไป
"ก็เมื่อวานไง ที่เราตามเขามาจากโรงอาหารกะว่าจะมาถามเฉยๆ แต่.....มันก็ออกมาแบบนี้แหละ เฮ้อ" หนูซีนบอกกล่าวให้เพื่อรับรู้ ถึงจุดประสงค์ที่เธอนั้นทำลงไป ทอดถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ
"นั่นไงซีน นายคนนั้นเดินมาทางนี้" ดิวชี้นิ้วไปยังดรูฟที่กำลังเดินหน้านิ่งตรงมา ท่าทางเฉยชาไม่สะทกสะท้านอะไร ผิดกับหนูซีนที่ดูร้อนรนใจมากเพราะเธอนั้นจะต้องมีคนนินทาและประวัติที่เคยขาวสะอาดด่างพร้อยเป็นแน่
"ไปกันเถอะ เราไม่อยากเจอเขา" หนูซีนรีบเก็บของเร็วพลัน เมื่อดรูฟนั้นใกล้เข้ามาถึง
"จะไปไหน" เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับมือหนาคว้าข้อมือหนูซีนไว้
"อย่ามาแตะตัวซีนนะ" ทีจริงที่ยืนนิ่งอยู่นานคัดค้านขึ้นเมื่อดรูฟนั้นจับข้อมือหนูซีนรั้งไว้ สองฝาแฝดที่หวงเพื่อนสาวเป็นชีวิตจิตใจ ใครจะเข้าใกล้ไม่ได้นอกจากเขาสองคน
"ถอยไปไกลๆ เลย" ทีเล่นเสริมทัพ พร้อมกับผลักอกดรูฟจนเซถลาถอยหลัง แต่มือก็ยังไม่คลายจากหนูซีน
"ปล่อยฉันนะดรูฟ" น้ำเสียงที่ฟังแล้วแข็งกร้าวของหนูซีนสั่งการ พร้อมกับพยายามแกะมือหนานั้นออก แต่ก็ไร้ผล เมื่อคนตัวสูงนั้นแรงเยอะกว่า
"ยอมเรียกชื่อฉันแล้วเหรอเดือนเมษา" ดรูฟยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างไม่สนใจสายตาใครที่จ้องมอง ผลักทีเล่นจนกระเด็นออกด้านข้าง ทีเล่นและทีจริงลมแทบพุ่งออกหู เมื่อเห็นดรูฟนั้นใกล้ชิดเพื่อนสนิทจนเกินงาม
"รู้ชื่อจริงได้ไง" หนูซีนเอ่ยถามอย่างงวยงงเมื่อชื่อจริงของเธอไม่เคยบอกให้เขารู้สักครั้ง แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ย ก่อนหน้าที่โรงอาหารเขาก็เรียกและหนูซีนก็จะถามแต่กลับลืมเสียก่อน เสียการทรงตัวเมื่ออยู่ใกล้ จนลืมคำถามมากมายที่สงสัยไป
"มันจะไปยากอะไร กับแค่ชื่อจริงของคนที่ฉันสนใจ" ดรูฟพูดหน้าตายเฉยชา อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"พูดอะไรของนาย" หนูซีนอึ้งทึ่งในการตอบของดรูฟ แม้จะได้ยินชัดเจนทุกคำ แต่ก็ยังอยากจะฟังซ้ำให้เข้าใจ 'คนที่สนใจ' อย่างนั้นหรือคือคนเดียวกันกับคนที่รักไหมนะ ?
"ฉัน ชอบ เธอ"
"0.0" ชัดเจนแจ่มแจ้ง ได้ยินชัดทุกคำจนตกตะลึง ท่ามกลางเสียงโห่แซวของผู้คนที่รายล้อม หมู่เพื่อนที่ยืนเคียงเบิกดวงตาโตไปตาม ๆ กัน