เลิกวุ่นวาย

3298 Words
"ดิวว่าวันนี้เราจะเจอนายอาหรับนั่นไหม?” เสียงใสๆ เอ่ยถามเพื่อนสนิท ที่นั่งข้างกายอยู่ใต้ร่มไม้ เมื่อการเรียนในช่วงเช้านั้นจบลง "แล้วซีนถามทำไม?” ดิวย้อนทั้งที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ   เมื่ออยู่ ๆ เพื่อนสนิทที่แสนจะขี้เล่นและพูดมากอยู่ ๆ ก็ถามขึ้น "ถามไม่ได้เหรอ" หนูซีนย้อน "สนใจเหรอ?” ดิวถามอย่างจี้จุด หากไม่ชอบพอทำไมต้องถามถึงคนที่ยังไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อ "บ้า! เราไม่ได้สนใจ" หนูซีนตอบกลับด้วยน้ำเสียงตระหนก ดวงตาเบิกโตเมื่อดิวนั้นจี้ประเด็น "ไม่สนใจแล้วถามหาทำไม" ดิววางมือและละสายตาจากหนังสือที่อ่าน จ้องมองหน้าหนูซีนอย่างจับผิด "สนใจใช่ไหมมมมมม? บอกเรามานะ ใช่ไหม ๆ ๆ ๆ ๆ " "ไม่ ๆ เอ่อ...ก็แค่เห็นเขาไม่ค่อยมีเพื่อน เขาคงเหงาแย่แค่นั้นเอง" หนูซีนผู้ที่เก็บอาการไม่เก่งพูดติดขัดเมื่อเพื่อนนั้นชี้นิ้วมาอย่างเพ่งเล็งและแสนจะกดดัน "จริงอ่ะ" ดิวย้อนถามอย่างไม่เชื่อ เมื่อการแสดงออกของเพื่อนนั้นแสนจะพิรุธ พูดมากแต่ปากแข็ง....ดิวแอบบ่นให้เพื่อนในใจ "จริงสิ" หนูซีนตอบกลับทันที พร้อมกับเปิดหนังสืออ่านอย่างเลี่ยงการกระทำที่เริ่มหวั่นไหว เมื่อคำว่าชอบนั้นมันสะกิดให้หัวใจของเธอนั้นเต้นแรง คำว่าชอบที่ได้ยินก็ทำให้ใบหน้าที่แสนนิ่งของดรูฟลอยเข้ามาในห้วงของความคิดทันที "ไม่น่าเชื่อ" ดิวยังคงโต้ตอบพร้อมกับมองหนูซีนด้วยรอยยิ้ม "....ดิวอย่ายิ้มแบบนั้นสิ" หนูซีนผู้ที่ออกอาการเขินอาย เมื่อดิวนั้นยิ้มออกมาอย่างจับพิรุธเธอ "เอ้า! ยิ้มก็ไม่ได้" ดิวแย้งเสียงดังเมื่อหนูซีนนั่นตำหนิในรอยยิ้มของเธอ "ไม่ใช่แบบนั้น ยิ้มได้แต่ดิวยิ้มเหมือนมีเลศนัยอ่ะ" "ฮ่าฮ่าฮ่า ซีนชอบนายหน้าตายคนนั้น โหะๆ ๆ” "ดิวหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ...เพี้ยะ! " หนูซีนที่หน้าเริ่มเปลี่ยนสี แสดงความเคอะเขินจนต้องแก้เขินด้วยการฟาดมือลงแขนของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "เขิน ๆ ...มีคนสนใจซีนตั้งเยอะตั้งแยะ ทั้งรุ่นพี่ที่หน้าตาดีเป็นที่หมายปองของสาวทั้งมหาลัย ซีนยังไม่สนใจใครเลย....ซีนชอบนายคนนั้นแน่ ๆ ใช่ไหมๆ ๆ " "มะ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แน่ ๆ " หนูซีนส่ายหน้ารัวเร็วปฏิเสธ เมื่อการเอ่ยถึงเขานั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนพูด ((น้องซีน) ) ดิวและหนูซีนหันไปมองตามเสียงเรียก รุ่นพี่ที่หน้าตาดี ดีกรีเดือนคณะวิศวกรรมเดินดุ่มตรงมา พร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อโต "นั่นไง....เพิ่งจะพูดจบคนหล่อก็มาพอดี" ดิวพูดขึ้นทันที "ดอกไม้กินไม่ได้ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้" หนูซีนบ่นอุบเมื่อมองเห็นของในมือที่รุ่นพี่คนนี้ตามขายขนมจีบให้อยู่นานและเธอก็จะได้รับช่อดอกไม้ในทุกวัน แม้จะไม่ได้เอามาให้ด้วยตัวเองก็ต้องมีคนมาส่ง "ซีนก็" คิก ๆ ดิวแย้งอย่างตำหนิในคำบ่นและทั้งสองคนก็ต้องหัวเราะเบา ๆ เมื่อมองหน้ากันอย่างสื่อว่ามีความคิดที่ตรงกัน (("สวัสดีค่ะพี่แม็ก")) หนูซีนและดิวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเมื่อคนมาใหม่เดินมาหยุดข้างโต๊ะ "สวัสดีครับ" เสียงตอบรับที่แสนจะระรื่นเสนาะหู รอยยิ้มที่สาว ๆ หลายคนนั้นต้องหลงเสน่ห์เมื่อได้เห็นแม้กระทั่งดิวเองก็ตาม "ดอกไม้สวย ๆ สำหรับคนสวยครับ" ช่อดอกลิลลี่ถูกยื่นไปตรงหน้าหนูซีน "ไม่ต้องลำบากก็ได้นะคะพี่แม็ก ซีนเกรงใจเอามาให้ทุกวันเลย" ...อีกอย่างซีนไม่อยากได้ค่ะ มันกินไม่ได้...หนูซีนผู้แสนสดใสตอบรับและพร่ำในใจต่อท้ายประโยค แม้จะรับดอกไม้ด้วยรอยยิ้มเพราะห่วงความรู้สึกของคนให้กลัวว่าจะเสียน้ำใจ หากเป็นของกินได้เธอคงปริ่มใจกว่านี้ "พี่เต็มใจครับ น้องซีนชอบไหม" แม็กหนุ่มฮอตยิ่งกว่าแสงแดดเมืองไทยบอกกล่าว "วันนี้เลิกเรียนกี่โมงครับ พี่ว่าจะชวนไปกินข้าว" "เรียนถึงเย็นเลยค่ะ....คงไม่สะดวกซีนต้องรีบกลับ" หนูซีนบอกกล่าวให้รับรู้ "ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้าเนอะ" แม็กตอบรับพร้อมส่งยิ้มฝืนๆ "ค่ะ...งั้นเดี๋ยวขอตัวนะคะซีนมีเรียนต่อ...ไปกันดิว" หนูซีนมองเห็นใครบางคนที่กำลังเดินมุ่งตรงสู่โรงอาหาร จึงรีบปลีกตัวโดยที่ดิวนั้นยังคงทำหน้าเหลอหลาเมื่อสิ่งที่เพื่อนทำนั้น เธอตั้งหลักไม่ทัน "ขอบคุณสำหรับดอกไม้สวย ๆ นะคะ" หนูซีนลากแขนดิวเดินออกมาและหันไปกล่าวคำขอบคุณชายรุ่นพี่อีกครั้งที่ยืนมองตามหลังของเธอทั้งสองอย่างนึกเสียดายเมื่อเป้าหมายที่เพ่งเล็งไหวตัวหลีกห่าง เหมือนจะง่ายและได้ไม่ยากในความคิด แต่กลับเป็นความคิดที่ผิด ลงทุนดอกไม้ไปก็หลายช่อ และรอที่จะได้เชยชมแต่กลับคว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป...จากที่ทำไปแบบราบเรียบไม่อยากให้เหยื่อแตกตื่นกลับต้องคิดใหม่เสียแล้ว ((ซีน/ซีน)) เสียงเรียกที่ดังขึ้นสนั่นพร้อมกัน หนูซีนและดิวที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินจ้ำเท้าด้วยความเร็วหวังจะให้ทันเป้าหมาย แต่กลับต้องชะงักหยุดเดิน มือไม้ก็หอบช่อดอกไม้ที่พะรุงพะรังยิ่งกว่าคนบ้าหอบฟาง "เฮ้อ...ฉันเริ่มเบื่อคนสวย" ดิวกรอกสายตามองบนอย่างคนเอือมระอา เมื่อการมีเพื่อนที่แสนสวยหน้าตาดีกลับทำให้เหมือนชีวิตในประจำนั้นน่ารำคาญขึ้นทุกวัน "บ่นอะไรดิว" หนูซีนหันไปทักท้วงเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั้นแสดงอาการ "ทำไมไม่มีคนมารุมเราเหมือนซีนบ้างนะ...เราอยากมีๆๆๆ" ดิวพูดพร้อมกับแกล้งแสดงท่าทางดีดดิ้นเหมือนเด็กเอาแต่ใจ "มีอะไรเหรอทั้งสองคน" หนูซีนกล่าวทักทันทีเมื่อเห็นฝาแฝดที่อายุรุ่นเดียวกัน เรียนคณะเดียวกันเรียกขาน เพราะพวกเขาสนิทกันตั้งแต่เด็กสองแฝดที่เป็นลูกชายของเพื่อนพ่อที่เธอนั้นเคยเล่นด้วยประจำ ในวัยเด็กนั่นคือน้าแดน "จะไปกินข้าวหรือเปล่า" ทีจริงเอ่ยถามก่อน "พวกเรากำลังจะไปกินข้าว เห็นซีนพอดีเลยเรียก" ทีเล่นพูดเสริมแฝดผู้พี่ สองหนุ่มฝาแฝดนามว่า ทีจริงแฝดผู้พี่ และทีเล่นแฝดผู้น้อง สองพี่น้องที่คอยเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กจนสนิทสนมกันและยังแอบชอบเด็กหญิงซีน คอยเป็นคู่แข่งสำคัญของแม็กเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไหร่ที่รถไฟชนกันสองแฝดจะสมานฉันท์กันทันที "ใช่ เรากำลังจะไปโรงอาหาร" หนูซีนพยักหน้าและบอกกล่าว "อ้าว ดิว ๆ รอเราด้วย" ดิวที่ยืนเคียงข้างแต่กลับไม่มีใครเห็นหัวและสนใจจะพูดด้วยสักคำ เดินนำลิ่วทิ้งหนูซีนให้อยู่เพียงลำพังกับทีเล่นและทีจริง ไม่ใช่ว่าเคืองหรือโกรธอะไรแต่ดิวหิวและดิวจะต้องได้กินเดี๋ยวนี้! (("ซีนรอพวกเราด้วย")) ทีเล่นกับทีจริงตะโกนและวิ่งตามไปทันที สองฝาแฝดที่ตามตื้อตั้งแต่วัยเด็ก แม้หนูซีนย้ำหนักหนาว่าคือเพื่อนกัน แต่สองแฝดก็ยังสมานฉันท์ในการจีบเธอ "สวัสดีนายอาหรับ" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร แต่ทำไมหนูซีนไม่ดูหน้าดรูฟสักนิดว่ายินดีหรือไม่? ".................." ดรูฟไม่สนใจนั่งตักข้าวเข้าปาก มือเปิดตำราเรียนและสายตาก็ไม่ได้จดจ่อกับแม่สาวน้อยปากนกแก้วนกขุนทองนี่สักนิด "ใครอ่ะซีน" ทีจริงเอ่ยถามอย่างสงสัยและแสดงอาการไม่พอใจทางสีหน้าชัดเจน เมื่อการทักทายที่หนูซีนนั้นเปล่งออกมาด้วยวาจาที่สดใสน่ารัก แต่กับเขานั้นเธอแทบไม่เคยทักก่อนเลย "ไม่รู้เหมือนกัน" ((อ้าว)) ทีเล่นกับทีจริงสบถพร้อมกันด้วยความงวยงง ยืนเกาหัวอย่างสงสัย เธอทักเขาได้อย่างไรกันในเมื่อไม่เคยรู้จัก "ก็นายอาหรับไม่ยอมบอกชื่อสักที" หนูซีนพูดอย่างตำหนิ จนคนที่ถูกพูดถึงต้องเงยหน้ามองชั่วครู่ ก่อนจะก้มดูหนังสือเรียนนั้นต่อ "ซีนเอาน้ำอะไรไหม เราจะไปซื้อ" ดิวทักขึ้น ความหิวที่ไร้ความปราณีจนดิวนั้นไม่อยากจะสนใจใครแล้วตอนนี้ "ไม่เอาหรอกดิว...ขอบใจนะ" หนูซีนบอกกล่าว "ทำไมซีนไม่ทักเราแบบนายนี่บ้างล่ะ" ทีเล่นเอ่ยถามอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อเขานั้นตามตื้อมานานนับหลายปีตั้งแต่เด็กยันโต แต่ก็ไม่มีทีท่าจะยอมใจอ่อนให้ "ซีนไม่เคยทักทั้งสองทีเลยหรอ?" ((ใช่)) ทีเล่นกับทีจริงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักพร้อมกัน "โอเค...ทักนะ!" นี่หนูซีนไม่ได้ทักกวนบาทาใช่ไหม? ((น่ารำคาญ)) เสียงเข้มที่สามดังแทรก เมื่อคนที่รักสงบนั้นเริ่มหงุดหงิด ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนและเก็บหนังสือรวบเพื่อเดินจากจุดนี้ "เดี๋ยวสิ! เรายังไม่ได้กินข้าวเลย" มือบางของหนูซีนคว้าจับมือของดรูฟไว้อย่างเผลอลืมตัว ".....................เรื่องของเธอสิ" ไม่มีเสียงตอบกลับยกเว้นสายตาของดรูฟที่จ้องมอง เพื่อบ่งบอกและสื่อความหมายว่าควรถอยมือให้ห่างจากเขา ดวงตาที่ดุคมและแข็งกร้าวจนหนูซีนนั้นหลบแทบไม่ทัน "ห้ามจับมือผู้ชายนะ!...เราหวง" ทีจริงพูดพร้อมกับดึงมือของหนูซีนให้ออกห่างจากมือของดรูฟ แสดงอาการหวงและหึงอย่างหนุ่มสาวจนออกนอกหน้า สองแฝดที่กีดกันคนที่เข้าหาหนูซีนแทบทุกคน เมื่อทั้งสองถูกคุณพ่อแซมนั้นไว้วางใจให้คอยดูแลลูกสาว...แต่กลับหารู้ไม่ว่าพวกเขาก็แอบซุ่มเหมือนกัน? "เราหึง" ทีเล่นกล่าวสำทับพร้อมสายตาที่แข็งกร้าว สองขาก้าวยาวเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งไว้เพียงสายตากลมที่มองตามแผ่นหลังของดรูฟค่อย ๆ ห่างออกไปอย่างอาทรเท่านั้น เมื่อสองแฝดนั้นกีดกันไม่ให้หนูซีนนั้นทำความรู้จักกับเขา... ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นกลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนนั่งสุมหัวเสวนาพูดคุยในยามว่างที่ไร้การเรียน แต่ด้วยความหมั่นเพียรอย่างหนอนหนังสือหนูซีนที่สายตาไม่เคยเว้นว่างจากหนังสือแต่ตอนนี้ดูเลื่อนลอยมองไกลอย่างไร้จุดหมาย เมื่อในห้วงความคิดนั้นย้อนวนถึงอีกคนที่พยายามจะเข้าหาด้วยใจ ไม่รู้ว่าทำไมแค่เห็นเพียงสายตาแรกเท่านั้น แต่กลับทำให้รู้สึกดี "สองที....เหมือนเขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับซีนเลย ซีนน่ารำคาญมากเหรอ" เสียงที่เคยสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย ใบหน้ากลมที่เคยยิ้มแย้มเหงาหงอยไร้ความสดใส เมื่อเข้าหาอย่างไรก็โดนผลักไสไล่ส่งให้ออกไปไกล ๆ พยายามพูดคุยด้วยไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็ถูกหักหน้าและถูกว่าตลอด แม้จะไม่แสดงอาการว่าเจ็บร้าวให้เห็นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นหรือรู้สึก "ก็ไม่ต้องเป็น" ทีจริงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ เพราะไม่ชอบสักนิดเมื่อหนูซีนพูดถึงคนอื่นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง "ใช่ แค่มีพวกเราก็พอแล้ว" ทีเล่นเสริมทัพฝาแฝดอย่างสมานฉันท์ สองฝาแฝดมองหน้ากันพร้อมส่งสายตาขอความร่วมมือ ฝาแฝดที่สื่อถึงกันง่ายแค่มองตาก็รับรู้ว่าอีกคนนั้นคิดอะไร "อยากมีเพื่อนเพิ่มไม่ได้หรือไงเล่า" หนูซีนบอกกล่าวเมื่อสองฝาแฝดนั้นเหมือนพยายามขัดขวางการคบหาเพื่อนใหม่ของเธอ ((ไม่ได้!!)) สองฝาแฝดตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง จนหนูซีนและดิวที่นั่งมองนั้นส่ายหัวเบา ๆ "ไอ้แฝดนรก!" ดิวสวนคำด่าทันควันเมื่อสองแฝดนั้นตะเบ็งเสียงตอบ "พูดมากเดี๋ยวเผาให้ไขมันละลายหรอกดิว" ทีเล่นยอกย้อนด้วยความยียวน "เอาสิฉันอยากผอมพอดี" ดิวย้อนอย่างไม่ยอมเช่นกัน "จะเกิดอีกกี่ชาติก็ได้แบบนี้แหละดิวน่ะ" ทีจริงพูดแทรกอีกครั้ง ((ฮ่าฮ่าฮ่า)) และสองแฝดก็สมานฉันท์รุมดิวด้วยความชอบใจ เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างออกรสใต้ร่มไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิยาลัย "ดิวสวย" หนูซีนเอ่ยอย่างให้กำลังเพื่อนที่กำลังนั่งหน้างอเมื่อถูกสองแฝดนรกล้อเลียน "ถ้าผอมจะสวยมากกว่านี้" "เหมือนจะดี...นี่ก็หลอกด่าเราอีกคนใช่ไหมซีน" "เราเปล่านะ...เราชมดิว" หนูซีนวางมือบนบ่าดิวแล้วชี้แจง "ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจนะ" ดิวส่งยิ้มให้หนูซีนจนตาหยี แก้มกลมเต่งตึงเมื่อฉีกยิ้มกว้าง "เฮ้อ~~~ เราจะเลิกยุ่ง ไม่ไปวุ่นวาย และเลิกตอแยกับนายอาหรับนั่นแล้วล่ะ" หนูซีนบอกกล่าวลอย ๆ ด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง สองมือค้ำคาง สายตามองไกลเลื่อนลอยอย่างไร้จุดหมาย เพราะเริ่มท้อแท้ใจกับการจะผูกมิตรใหม่เสียแล้ว...เพราะเขานั้นนิ่งเสียเหลือเกิน และเขาก็มักจะสาดคำหนิมาให้กับหนูซีนทุกครั้งไป สองขายาวที่ก้าวเดินต้องหยุดชะงัก เมื่อบางอย่างที่ได้ยินเหมือนสะกดให้ขายาว ๆ นั้นก้าวเดินไม่ออก 'เราจะเลิกยุ่ง ไม่ไปวุ่นวาย และเลิกตอแยกับนายอาหรับนั่นแล้วล่ะ' คำพูดที่เหมือนสะกิดให้ใจและทำไมต้องรู้สึกอ้างว้างเมื่อได้ยิน คำพูดที่ทิ่มแทงใจเหมือนหัวใจดำดิ่งลงสู่ก้นเหวลึก ร่างสูงอิงแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่คอยฟังอยู่เงียบ ๆ น้ำเสียงที่คุ้นหูไม่บอกก็รู้ว่าเสียงใคร เพราะตั้งแต่มาเรียนดรูฟได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนี้ทุกวันไม่ว่างเว้น (ทำไมล่ะ ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้วเหรอ) เสียงของอีกคนเอ่ยถาม ดรูฟพยายามเอียงหูฟังจนได้ยินชัดเจน (เขาคงไม่อยากมีเพื่อนแบบเราหรอกดิว กี่วันแล้วที่เราพยายามพูดด้วย แต่ดิวดูสิชื่อยังไม่ยอมบอก และทุกครั้งเขาก็รำคาญเรา บอกย้ำตลอดว่าเราพูดมาก เรา...เรา...อึก ๆ) อยู่ๆ เสียงใสๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นสะอึกสะอื้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน หลายวันที่เธอนั้นพยายามเข้าหาแต่ก็ถูกไล่ตะเพิดทุกที หรือไม่เขานั้นก็เดินหนีไปดื้อๆ อย่างไม่ไยดี (ซีนอย่าร้องสิ แค่นี้เอง) ดิวโอบกอดหนูซีนอย่างปลอบใจ เมื่อเห็นเพื่อนนั้นเศร้าหมองไร้ความสดใสขึ้นมาทันตา (เราไม่ได้ร้องไห้ เราแค่เสียใจ) น้ำเสียงติดขัดพร่ำบอกอย่างขัดแย้งกับสิ่งที่แสดงออกมาต่อหน้าเพื่อน (หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะซีน!) เสียงเข้ม ๆ ของทีจริงดังแทรกเมื่อน้ำตาของเพื่อนสนิทไหลริน...เขาเกลียดน้ำตาของผู้หญิง (นายจะตะคอกซีนทำไมเล่า!) ทีเล่นพูดขึ้นอย่างตำหนิ (นายก็รู้ซีนไม่ชอบเสียงดัง) (เกลียดน้ำตา) ทีจริงพูดจบด้วยน้ำเสียงแข็งใบหน้านิ่งเรียบ และรวบเก็บจองลุกเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความงงงวยของเพื่อนที่เหลืออยู่ (ทีจริง! จะไปไหน) หนูซีนละกอดจากดิวเมื่อเห็นเพื่อนแฝดนั้นลุกหนีไป แม้จะเห็นบ่อยกับท่าทางแบบนี้แต่ก็ยังไม่วายห่วงความรู้สึกของเพื่อน (เดี๋ยวซีนมานะ) พูดจบสองมือบางก็ปาดเช็ดน้ำตา วิ่งไล่ตามเพื่อนแฝดที่เดินจ้ำออกห่างไป (เฮ้อ~~ ปวดหัว) ดิวและทีเล่นสบถและถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ พร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย สายตามองกันอย่างอัตโนมัติเมื่อเกิดอับกิริยาเหมือนกัน (นายทำตามฉันทำไม) ดิวแย้งทันที (เธอแหละทำเลียนแบบฉัน) ส่วนทีเล่นก็สวนทันควัน อีกคนที่แอบฟังอยู่หลังต้นไม้ ขยับตัวเพียงน้อยนิดมองตามคนตัวเล็กที่วิ่งตามเพื่อนแฝด สายตาที่มองเห็นหญิงสาวที่กำลังจับแขนชายแฝดทีจริงอย่างแน่นิ่ง ไม่รู้ว่าภายในใจนั้นคิดอะไร แต่ทำไมสิ่งที่เห็นนั้นรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก ...สองขาเรียวย่ำเท้าเดินเข้าบ้านอย่างคนอ่อนแรง สองมือหอบของพะรุงพะรังเต็มไปด้วยหนังสือเรียน สายตามองตรงไปยังเป้าหมายนั่นคือห้องนอนของตัวเอง ทั้งที่รอบกายมีคนในครอบครัวที่มองตามหลังเธออย่างสงสัย เมื่อกิริยาท่าทางที่เปลี่ยนไป จากคนที่สดใสเสียงพูดแหลมดั่งนกแก้วจะต้องโผล่มาก่อนตัว แต่วันนี้เงียบกริบ "น้องซีน" เสียงของแม่หนูดาเรียกขานเมื่อลูกสาวกำลังก้าวขาเดินขึ้นบันได "ค่ะคุณแม่" หนูซีนหันหน้ากลับมาพร้อมยิ้มอย่างฝืน ๆ "เป็นอะไรหรือเปล่าลูก" คุณแม่หนูดาทักทันทีพร้อมกับสายตาที่มองอย่างจับจ้อง "เปล่าค่ะ..." หนูซีนตอบปฏิเสธ "ทำไมวันนี้ลูกสาวพ่อดูหงอย ๆ จัง...มาหาพ่อมา" พ่อแซมกวักมือเรียก "เฮ้อ~~~เหนื่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ" ลูกสาวที่เคยสดใสเอนหัวพิงไหล่ของคุณพ่อแซม วงแขนโอบรอบเอวหนานั้นอย่างอบอุ่น ดวงตากลมหลับลงอย่างผ่อนคลาย "เรียนหนักเหรอลูก" คุณพ่อที่แสนจะรักลูกสาวกดจมูกสูดดมกระหม่อม มือหนาลูบหัวลูกสาวอย่างแสนรัก "ค่ะ" ไม่ใช่เหนื่อยเพราะเรียนหนัก แต่เหนื่อยเพราะเรื่องผู้ชายค่ะพ่อขา ?... "งั้นไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วลงมาทานข้าวกัน...แม่ทำของโปรดน้องซีนด้วยนะ" คุณแม่หนูดาหลอกล่อลูกสาวด้วยของกิน เเละหนูซีนก็มักติดกับดักนี้เสมอ "ค่ะ...คุณแม่น่ารัก หื้ม" หนูซีนละกอดจากคุณพ่อ ขยับตัวเข้าหาคุณแม่และกดซับจมูกเล็กลงแก้มคุณแม่หนูดาด้วยรอยยิ้มที่แตกต่างจากก่อน รอยยิ้มที่ดูสดใสเช่นเดิม "เดี๋ยวมานะคะ" "จ้าลูก...แม่รักลูกนะ มีปัญหาอะไรปรึกษาแม่ได้" "ค่ะแม่...รักแม่รักพ่อนะคะ" หนูซีนตอบรับเก็บสัมภาระของตนแล้วเดินขึ้นบ้านไป สายตาของคุณพ่อและคุณแม่ที่มองตาม แม้ลูกสาวจะพยายามเก็บกั้นแต่อย่างไรก็ไม่มีทางพ้นสายตาของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้ "ใครมันกล้าพรากความสดใสของลูกสาวพี่ไป...อย่าให้รู้เชียว!" คุณพ่อแซมสบถอย่างหัวร้อน เมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวที่เหงาหงอย "พี่แซมก็...แก่ขนาดนี้จะไปสู้ใครเขาได้คะ" ภรรยากล่าวอย่างดูแคลน แถมยังหัวเราะตบท้ายอย่างท้าทาย "หนูดา...คืนนี้ไม่อยากนอนหรือไง เห็นแบบนี้พี่ยังเตะปี๊บได้ไกลนะ คืนนี้ลองไหมล่ะ " คุณพ่อแซมยังไงก็ยังเป็นคุณพ่อแซมอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะตอนหนุ่มหรือตอนไหน เพี้ยะ!! "พี่แซม! พูดอะไรคะเดี๋ยวใครมาได้ยินน่าอายแย่" คุณแม่หนูดาฟาดฝ่ามือลงต้นแขนสามี อีกทั้งยังมองซ้ายมองขวา เพราะห่วงว่าคนในบ้านจะมาได้ยินการสนทนาที่แสนจะล่อแหลมของสามี...เธออาย! "คืนนี้จัดเลย!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD