ภายในบ้านหลังหนึ่ง...
“หนูไปโรงเรียนก่อนนะ”
“อย่าลืมหยิบเงินไปด้วยนะลูก”
“จ้า”
สวัสดีค่ะ “ขนมไทย” เป็นชื่อของฉันเอง น่ารักตะมุตะมิใช่ไหมล่ะคะ คิกคิก หน้าตาก็น่ารักมากด้วยค่ะ ฉันไม่มีพ่อแม่หรอกแม้แต่หน้าตาพวกเขาฉันก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ตั้งแต่จำความได้ก็มีแค่ตากับยายนี่แหละที่เป็นทุกอย่างในชีวิต
ตากับยายทำขนมไทยขายค่ะก็เลยเป็นที่มาของชื่อฉันไงแต่ว่าเรียกขนมเฉย ๆ ก็พอ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่หกเทอมสองแล้วค่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้วแหละ ฐานะทางบ้านพอมีพอกินค่ะฉันจึงต้องหารายได้พิเศษเพิ่มเอาไว้จ่ายค่าเทอมค่านั่นค่านี่ยิบย่อยเยอะไปหมด ถึงแม้ว่าจะหาได้ไม่กี่บาทแต่มันก็ช่วยแบ่งเบาภาระตากับยายได้เยอะเลยทีเดียว
ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สามคน คนแรกชื่อปลายฟ้าค่ะ นิสัยนางจะแรงหน่อยเป็นคนตรง ๆ หน้าสวย คนที่สองชมพู อ่อนหวานยิ้มง่าย แต่ว่าอ่อนต่อโลกไปหน่อย ส่วนคนสุดท้ายเพชรรัตน์! เอ้ยไม่ใช่ พิชชี่ค่ะ ฮ่า ๆ นางเป็นสาวสองสมองอัจฉริยะ ตบเป็นตบลุยเป็นลุยยังไงก็ได้แถมเรียนเก่งด้วยนะ
“ชะนี แกดูผู้โต๊ะนั้นสิ หล่อมากแม่ กรี๊ด...” นี่คือเสียงเจื้อยแจ้วของพิชชี่ นางเป็นแบบนี้แหละค่ะคนไหนหล่อก็จะกลายเป็นผัวไปซะหมด
“เสียใจด้วยนะยะกะเทยกูได้แล้วค่ะ” ปลายฟ้าพูดขึ้นก่อนจะยิ้มเยาะอย่างสะใจ ความจริงมันไม่มีอะไรหรอกแค่อยากแกล้งอีพิชชี่เท่านั้นเอง ขอแค่ได้ขิงได้เอาชนะมันก็สะใจแล้ว จะว่าไปก็เข้าข่ายโรคจิตเหมือนกันนะเนี่ย
“ได้อะไรเหรอปลายพี่เขาให้อะไรเหรอ”
“โอ๊ย...ชมพู!! คนสวยปวดหัว ต้องพาแกไปเปิดโลกกว้างบ้างแล้วล่ะ ขืนยังเป็นแบบนี้เข้ามหาวิทยาลัยไปแกต้องอยู่ยากแน่ ๆ” ไม่พูดเปล่าอีพิชชี่มันยังกลอกตาไปมาใส่อีกด้วย
“ปวดหัวเหรอพิช เรามียาแก้ปวดนะหรือพิชอยากไปหาหมอ” ให้ตายเถอะถึงกับกุมขมับ ฉันว่าตัวเองอ่อนต่อโลกแล้วนะเจอชมพูเข้าไปต้องยอมสยบค่ะ
“ฮ่า ๆ ชมพูแกอย่าซื่อนักสิ”
“โทษทีเราคิดตามไม่ทันน่ะ”
หลังจากเลิกเรียนฉันแยกกันกับเพื่อนแล้วมาที่ร้านอาหารซึ่งเป็นร้านประจำที่ฉันมาเช็ดล้างทำความสะอาดเพื่อหารายได้เพิ่มนั่นเอง แอบกระซิบหน่อยว่าป้าเจ้าของร้านเอ็นดูฉันมาก ฉันเองก็เคารพรักท่านเช่นกันจะว่าตัวเองโชคดีก็ได้แหละ
“ขนมวันนี้หนูว่างหรือเปล่า” ป้าเล็กเจ้าของร้านเอ่ยถามขณะที่ฉันกำลังเช็ดโต๊ะอยู่
“วันนี้หนูมีทำความสะอาดคอนโดต่อค่ะ ป้ามีอะไรให้หนูช่วยหรือเปล่าคะ”
“ถ้างั้นไม่เป็นไรป้าว่าจะชวนหนูทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนน่ะ พอดีลูกชายป้าจะกลับมา เลยอยากแนะนำให้รู้จักกันไว้จ้ะ”
“เอ่อ...ไม่ดีมั้งคะหนูเกรงใจ ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะหนูมีงานต้องไปทำต่อ” ฉันรีบปฏิเสธทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าเล็กพยายามจะให้ฉันเจอกับลูกชายของเขา ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“ช่างเถอะ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันเนอะ แล้วเราน่ะอย่ากลับบ้านดึกมากนะ เราเป็นผู้หญิงมันอันตรายลูก”
“รับทราบค่ะ หนูไปก่อนนะสวัสดีค่ะ” ฉันว่าพลางยกมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะรีบโหนรถเมล์ไปทำงานต่อทันที
หนึ่งทุ่มตรงฉันมาถึงคอนโดหรูแห่งหนึ่งซึ่งมีป้าใจ แม่บ้านที่นี่ท่านคอยหางานให้ฉันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไกลจากบ้านพอสมควรแต่ค่าตอบแทนคุ้มมากฉันยอม ฮ่า ๆ ไม่ได้เห็นแก่เงินเลยสาบานได้ ถามว่าทำไมต้องมาตอนมืดหรือตอนเย็นน่ะเหรอก็เพราะว่าฉันติดเรียนไง
“ชั้นเก้าห้องแรกนะลูกเจ้าของห้องไม่ค่อยกลับมาพักหรอก ทำให้เรียบร้อยล่ะจะได้รีบกลับบ้านเดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้”
“จ้ะป้า ระดับนี้แล้วหายห่วง” ตอบกลับด้วยความมั่นใจก่อนจะหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นไปชั้นบน
เปิดประตูเข้าไปถึงกับร้องว้าวค่ะเพราะมันสะอาดอยู่แล้ว และจัดข้าวของเป็นระเบียบมาก ห้องนี้ห้องเดียวเท่ากับบ้านฉันทั้งหลังเลยน่าจะได้มั้ง
กวาดสายตาไปรอบบริเวณก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดคิงส์ไซส์อย่างคนไม่มีมารยาท ชาตินี้ไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้นอนนุ่ม ๆ แบบนี้อีกไหม เกลือกกลิ้งไปมาจนเผลอหลับไปในที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วยเลยค่ะ จิตใต้สำนึกมันบอกแบบนั้น
พรึบ!
“...”
“กรี๊ด..! ไอ้บ้า ไอ้หัวขโมยออกไปเดี๋ยวนี้นะ!! ออกไป” ก่นด่าคนตรงหน้าด้วยความตกใจเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นเขาอยู่ในห้องนี้ จะเป็นใครก็ช่างเถอะนาทีนี้คว้าทั้งไม้กวาด ไม้ถู ฟาดไม่ยั้งเลยค่ะกลัวก็กลัวแต่ใจมันสู้
“โอ้ย!! เจ็บชะมัด นี่หยุด...หยุด!! ตั้งสติหน่อย” เขาว่าพลางดึงไม้กวาดออกจากมือฉัน ฮือ... ใครก็ได้ช่วยด้วย
“ออกไป! พี่เป็นใครคะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าด้วยความหวาดระแวง จะว่าเป็นเจ้าของห้องก็คงไม่ใช่หรอกเพราะป้าสายใจบอกว่าเขาไม่อยู่นี่
“พี่เป็นเจ้าของห้องครับ แล้วน้องเป็นใคร ?”
“...” ฉิบหายแล้วอีขนมแอบนอนในห้องเขาไม่พอยังเอาไม้กวาดฟาดเจ้าของห้องไปแล้วเรียบร้อย ให้ตายเหอะทำอะไรลงไปเนี่ย
“ว่ายังไงครับ”
“เอ่อ... นะ หนู... หนูแค่เข้ามาทำความสะอาดค่ะ ขอโทษนะคะที่...”
“ช่างเถอะ! นี่มันเที่ยงคืนแล้วทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก” เขาว่าพลางมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เดี๋ยวนะเที่ยงคืนแล้วงั้นเหรอ ฉันเบิกตากว้างพลางหันไปดูนาฬิกาทันทีที่เขาพูดจบ ตาย ๆ อีขนมตายแน่เผลอหลับไปได้ยังไงนะบ้าจริง “อยู่มอปลาย ?”
“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ ไว้พรุ่งนี้หนูจะเข้ามาทำให้นะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันพูดออกไปอย่างร้อนรน เรื่องอื่นช่างมันก่อนตอนนี้ต้องกลับบ้านค่ะ
รีบจ้ำเท้าให้ไวป่านนี้ตากับยายเป็นห่วงแย่แล้ว ทำไมถึงสะเพร่าได้ขนาดนี้นะ
หมับ!
“กรี๊ด...!”
“เฮ้ย! พี่เอง เดี๋ยวไปส่งมันดึกมากแล้ว”
“...” มองชั่งใจอยู่หลายนาทียังไม่ทันรู้จักกันเลยเจอหน้ากันแค่แป๊บเดียวก็จะไปส่งแล้วงั้นเหรอ “หนูกลับเองได้ พี่อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” ฉันเลือกที่จะปฏิเสธพลางยกมือไหว้เขาไปด้วย ฉันกลัวจริง ๆ ค่ะ
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเราเลยนะดึกป่านนี้ไม่มีหรอกรถประจำทาง หรือถ้าไม่กลัวโดนดักฉุดจะกลับเองก็แล้วแต่”
ถึงกับนิ่งไปหลายวินาทีเลยค่ะ รถประจำทางมันไม่มีอย่างเขาว่านั่นแหละ เอายังไงดีนะ เพราะความสะเพร่าของตัวเองแท้ ๆ เลยถึงได้เป็นแบบนี้