บทที่ 10 บาดแผลในใจ

1493 Words
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบกริบบนรถมีเพียงเสียงแอร์เก่าที่ดังกลบเสียงลมหายใจของคนขับแท็กซี่และร่างบางในชุดเดรสคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำเท่านั้น ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถมองผู้คนที่เร่งรีบออกไปใช้ชีวิตเหมือนนกกระจิบที่ออกไปหากินตอนเช้าถนนทุกสายเต็มไปด้วยรถและผู้คนไม่มีที่ให้ว่างเว้นมองไปทางไหนก็แออัดไปหมด แต่ชินแล้วเพราะอยู่มาตั้งแต่เด็ก ชีวิตคนเราไม่ได้มีทางเลือกมากนักฉันเข้าใจมันดีแต่บางทีก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำไมโชคชะตาของฉันมันถึงร้ายมากกว่าดีหวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนก็ยิ่งเจ็บปวดฉันพยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรถือว่าฉันพลาดเอง แต่ก็มีหลายอย่างให้สงสัยมากอยู่ดีทำไมฉันถึงไปอยู่บนห้องในผับคิดว่าตัวเองคงไม่มีแรงเดินขึ้นไปจนถึงโซนนั้นได้แน่นอกจากจะมีคนพาไปแล้วใครกันละหรือจะเป็นเขาเหรอ? เมื่อเช้าหลังจากที่รู้สึกตัวฉันก็รีบออกมาทันทีไม่มีเวลาได้ถามอะไรอีกอย่างไม่อยากจะคุยกับคนใจร้ายนั้นด้วยเขาทำฉันช้ำไปทั้งตัวยิ่งนึกถึงสัมผัสยิ่งทำให้ฉันนึกโมโหตัวเองที่ดื่มมากไปจนดูแลตัวเองไม่ได้ “ถึงแล้วหนูสองร้อยบาท” “นี่ค่า…ขอบคุณนะคะลุง” ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อลุงคนขับแท็กซี่บอกว่ามาถึงที่หมายแล้วฉันสำรวจกระเป๋าและหยิบเงินออกมาให้ก่อนจะลงจากรถไปลุงแท็กซี่พูดบางประโยคออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจนฉันสะอึก “เดี๋ยวแม่หนู” “...” “อย่าหาว่าลุงยุ่งเลยนะถ้าไปเจออะไรที่ไม่ดีมาก็ไปแจ้งตำรวจนะคนทุกวันนี้ไว้ใจไม่ได้” “เอ่อค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” ร่างบางเอ่ยขอบคุณแล้วรีบวิ่งเข้ามาภายในตึกลุงแกคงจะเคยรับคนที่ออกมาจากผับนั้นจนชินมั้งแค่เห็นสภาพเธอแบบนี้คงจะรู้ว่าผ่านอะไรมา ยิ่งคิดไปถึงเมื่อคืนขอบตาก็พลันร้อนผ่าวจะร้องไห้อยู่รอมร่อเพียงแต่บอกตัวเองว่า ฮึบไว้ ตอนนี้แผลยังสดใหม่จะเสียใจก็ไม่แปลกแต่ต่อไปมันต้องดีขึ้นและไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้ แกร๊ก! ร่างบางไขกุญแจเข้ามาในห้องตามปกติช่วงเช้าแบบนี้เหมยคงยังไม่ตื่นหรืออาจจะไม่ได้กลับมานอนที่ห้องดีเหมือนกันตอนนี้อยากอยู่คนเดียวสักพักแค่สองสามชั่วโมงก็ยังดีแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่รับฟังคำขอฉันเลยเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอเหมยยืนกอดรออยู่ในห้อง “ว่าไงกลับเช้าเลยนะ” “อือ” “แล้วนี่…ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ” “เอ่อ..” เหมยจ้องมองทั่วร่างบางของมิกิก่อนจะถามอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแต่เหมยกลับทำหน้าซื่อยืนรอคำตอบจากเธออยู่ “...” “พวกเราไปกินกันต่อที่ห้องเจ้น่ะ” “ใช่เหรอ…เมื่อวานตอนกลับฉันเจอรุ่นพี่เธอที่ลานจอดรถไม่เห็นพวกเขาจะไปต่อเลย”เหมยเอียงคือทำสีหน้าสงสัยเสียเต็มประดา “เมื่อคืนเธอเจอพวกเจ้แบมด้วยเหรอ?” “ก็บังเอิญน่ะดาวมันเมามากฉันเลยรีบพากลับไม่ได้ถามถึงเธอเลย” “ฉันตามพวกเจ้ไปทีหลังน่ะ...งั้นขอตัวก่อนนะเหนียวตัวมากเลยอยากอาบน้ำ” มิกิรีบปลีกตัวออกจากสายตาจับผิดของเหมยทันทีไม่รู้ทำไมเหมยถึงต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบกับเธอด้วยก็ไม่รู้ปกติไม่เห็นจะมายุ่ง…แปลกมาก “จ้ะ! รีบไปเถอะคงจะเหนื่อยแย่แล้ว” กึก! มิกิชะงักกับคำพูดและรอยยิ้มของเหมยมันผิดปกติมากจริงๆถ้าเวลาเพื่อนมาส่งเธอเหมยจะมายุ่งและถามตลอดแต่ถ้าเรื่องอื่นก็ไม่เห็นจะถามแม้แต่คำพูดเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้แทบจะไม่มี ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปสายน้ำเย็นฉ่ำทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นแต่ไม่อาจลบร่องรอยตามร่างกายออกไปได้ ยิ่งมองดูเรือนร่างผ่านกระจกครึ่งตัวที่สะท้อนภาพตรงหน้าเขาตีตรารอยกุหลาบทั่วทุกซอกทุกมุมอย่างไม่ปรานีบางจุดยังมีรอยขบกัดอยู่เลย สารเลว ฉันจดจำเอาไว้ต่อไปนี้จะไม่เข้าใกล้หรือยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกฉันเกลียดจนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาถ้าหลีกหนีได้ฉันจะทำทันที!!! ผ่านไปสองสัปดาห์ที่ฉันได้ใช้ชีวิตอย่างปกติตอนนี้รูปที่ถ่ายงานให้เจ้แบมทยอยปล่อยออกมาแล้วกระแสตอบรับค่อนข้างดีคงเพราะกลุ่มเจ้แกเป็นตัวแม่ตัวมารดาของมหาลัยทำให้คนรู้จักเยอะพอรูปแต่ละเซ็ตออกมาคนก็มาติดตามในไอจีฉันเพิ่มขึ้นเพราะเจ้แกโพสต์รูปในไอจีและแท็กฉันมาจนแองจี้แซวว่าเป็นคนดังไปแล้ว “เน็ตไอดอลของเรามาแล้วจ้า”เพื่อนจีบปากจีบคอ “เบาๆ อายคนเขา” ฉันรีบเดินเข้าไปหายัยแองจี้ที่โต๊ะหน้าคณะทันทีเพราะคนเริ่มมองมาที่พวกเราแล้ววันนี้เรามีเรียนภาคค่ำเลยนัดเจอกันที่โต๊ะใต้ตึกคณะเวลานี้บ่ายแก่เกือบห้าโมงเย็นทำให้มีนักศึกษาเยอะ “ออร่าจับมากเลยนะยะตั้งแต่ไปถ่ายงานมา” “ก็เพราะแกนั่นแหละจับฉันแต่งหน้าแต่งตัวไหนจะดันงานเจ้แบมให้ฉันอีก..ขอบใจแกอีกทีนะแองจี้”เอียงหัวซบไหล่ของเพื่อนแทนการขอบคุณจนแองจี้ต้องผลักหัวออก “เลิกขอบใจได้แล้วยะแกขอบใจฉันร้อยรอบแล้ว” “ก็ได้ๆ แล้วเมื่อไหร่ครีมกับอะตอมจะมา” “แอบสวีทกันอยู่มั้งสองผัวเมียคู่นี้” “อุ๊บ!..อย่าบอกนะว่า”ฉันทำตาโตขึ้นมา “เออแค่มองตาฉันก็รู้แล้วมีแต่มันสองคนไม่รู้” ฉันตกใจมากนะเรื่องที่แองจี้สงสัยว่าครีมกับอะตอมอาจจะมีซัมติงกันแต่ถ้าสองคนนี้คบกันก็ดีนะเคมีเข้ากันดี “ชะนีน้อยดูนั่น!” ฉันหันไปมองตามสายตาแองจี้ไปตรงโต๊ะใต้ตึกคณะที่อยู่อีกฟากหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ฉันนั่งอยู่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าใครเป็นใคร เมื่อไล่สายตามองผู้ชายหน้าตาดีทั้งโต๊ะและผู้หญิงสองคนที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเพราะพวกเธอดังมากซินเซียกับไซซีพวกเขากำลังนั่งทำงานกันโดยที่มีสายตาของคนแถวนั้นคอยลอบมองตลอด “ทำไมเหรอ?” “อิจอ่าอยากนั่งถามกลางผู้ชายหล่อๆ บ้าง”แองจี้เอามือเท้าคางทำหน้าตามีความสุขจนฉันเอ่ยแทรกขึ้นมา “อะตอมก็หล่อ” “ของชะนีครีมจ้ะหนู”แองจี้จีบปากจีบคอใส่จนฉันอดหัวเราะไม่ได้ พวกเรานั่งคุยเล่นกันสักพักครีมกับอะตอมก็ตามมาสมทบเหลือเวลาอีกสิบนาทีจะต้องขึ้นเรียนเลยนั่งเล่นต่อ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นมาอีกฟากหนึ่งทำให้ฉันละสายตาจากบรรยากาศหันไปมองตามเสียงกรี๊ดก่อนจะเห็นผู้ชายเสื้อช็อปสีน้ำเงินและสีแดงยืนอยู่ที่โต๊ะของพวกซินเซียโดยที่มือของผู้ชายช็อปสีแดงลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนถ้าเป็นใครได้เห็นเขามุมนี้คงจะโดนตกเป็นแถวยกเว้นฉันที่เห็นความร้ายกาจเขามาแล้ว ผู้ชายที่ชื่อ โซ่ ดวงตากลมโตเหม่อลอยกับความคิดของตัวเองจนหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อบังเอิญสบตากับนัยน์ตาสีเหล็กกล้าแสนว่างเปล่าคู่นั้นแล้วเขาก็มองผ่านเธอไปโดยที่ไม่มีอาการชะงักอะไรเลย ต่างจากเธอที่ตกใจมากไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่และยังบังเอิญสบตากันถึงแม้จะผ่านเรื่องในคืนนั้นมาแล้วเราต่างคนต่างอยู่จนวันนี้ได้เจอเขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากกระดาษทิชชูที่ถูกใช้แล้วทิ้งไปอย่างไม่ไยดีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทำให้ร่างบางรีบก้มหน้าลงทีละนิด ทั้งที่ย้ำกับตัวเองไว้แล้วเชียวว่าจะลืมเรื่องนั้นไปแต่ทำไมพอมาเจอกันเธอถึงได้รู้สึกแย่แบบนี้ล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD