“ถ้าเธอไม่ทำก็ออกจากบ้านฉันไปซะ เพราะฉันให้ที่อยู่เธอฟรีขนาดนี้ แค่ช่วยเพื่อนนิดหน่อยแค่นี้ไม่ได้เหรอยิ้ม” กันยกยิ้มขึ้นมาเหนือกว่า จนฉันกัดปากตัวเองแน่น และขอกลืนคำพูดอีกคำคือมันเป็นเพื่อนรัก ขอตัดทิ้ง! ฉันสบตากับกันที่กอดอกมองฉันอย่างเหนือกว่า ตอนนี้ฉันไม่มีที่ให้ไปแล้วไง เงินติดตัวก็พร้อมจะหมดทุกเมื่อ แถมมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ซึ่งมันสบายมากๆ ฉันก้มลงมองคนในรูป หนอย... เพราะแกคนเดียวทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ (โทษมั่วจริงๆ ยัยยิ้ม)
“ว่าไง? จะไม่ทำก็ได้นะ เพราะงั้นก็เชิญออกไปได้เลย”
“ทำไมเธอถึงไม่ไปแก้แค้นเอง ทำไมต้องใช้คนอื่น”
“ก็ถ้าฉันทำเอง มันจะไปสนุกอะไร? คนอย่างหมอนั่นไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปหรอก ไม่เคยสนใจว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำมันจะทำให้ใครอีกหลายคนเสียใจ รวมถึงฉันด้วย”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน?”
“เพราะเธอมันน่ารักไงยิ้ม น่ารัก สวยใส ฉันคิดว่าผู้ชายอย่างเขาคงตกหลุมรักผู้หญิงแบบเธอแน่ๆ”
“แต่เธอก็น่ารักนะกัน”
“ไม่ มันยังไม่พอ ฉันถึงต้องไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีไง ฉันจะกลับมาให้สวย จะได้มาสมน้ำหน้าเขา” แค้นฝังหุ่นเลยแหะ? แต่ทำไมผลกรรมทั้งหมดมันต้องมาตกอยู่ที่ฉันด้วยเนี่ย ฉันยกมือกุมขมับตัวเอง มองรูปในมืออย่างนิ่งๆ
“ฉันไม่มีเวลามาฟังคำตอบเธอนะยิ้ม ฉันต้องรีบไปสนามบินแล้ว ถ้าเธอไม่ก็ไปซะ”
“ตกลงก็ได้” ฉันตอบตกลงทันทีมองกันที่ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่มาดร้าย ทำไมความแค้นถึงทำให้หล่อนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้กันนะ กันไม่พูดอะไร แต่ลากกระเป๋าลงไปที่ชั้นล่างซึ่งมีรถมาจอดรอรับอยู่
“ฉันหวังว่าฉันกลับมา จะได้รับฟังข่าวดีนะ”
“เดี๋ยวสิแล้วเขาชื่ออะไร? ทำอะไร? แล้วเป็นใครล่ะ กัน!” ยัยนั่นไม่ตอบอะไร ขึ้นรถไปทันทีเพราะต้องรีบไปสนามบินแต่ทว่าก็ลดกระจกลงมามองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“น้องชายฉันอยู่บ้านหลังนี้ด้วย ฉันบอกหมอนั่นไปแล้วล่ะว่าจะมีเพื่อนมาอยู่ บอกเธอไว้ก่อนจะได้ไม่ตกใจ”
“ฉันไม่ได้ต้องการฟังเรื่องนี้นะกัน กลับมาก่อน กัน! อีกัน!” เสียงของฉันดังไปทั่วที่มองรถของกันแล่นออกไป พร้อมกับมองรูปภาพในมืออย่างหงุดหงิด ฉันเดินตรงเข้าไปในบ้านก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพายและยัดรูปไอ้ผู้ชายเฮงซวยลงกระเป๋าก่อนจะล็อคบ้านและเดินออกไปตามทางอย่างโดดเดี่ยว พอฉันล้มก็มีคนพร้อมที่จะเหยียบขนาดนี้เลยเหรอ รู้ไหมแค่กันบอกให้ฉันดูแลบ้าน ทำความสะอาดบ้านให้ฉันจะทำให้อย่างเต็มที่เลยล่ะเพราะอย่างน้อยฉันก็มาอาศัยเขาอยู่ แต่ว่ามาให้ฉันทำอะไรเนี่ย มายั่วผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ? ไม่รู้ด้วยว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ก็คงจะรู้แล้วล่ะว่าเลวแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ฟันยัยกันแล้วทิ้งไปแบบนั้น ฉันเดินไปตามทางอย่างหงุดหงิด และก็ไม่รู้ด้วยว่าเดินมาใกล้แค่ไหน รู้แค่ว่าด้านหน้าเป็นคอนโดหรู
“ชีวิตฉันทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วยเนี่ย!” ฉันเดินข้ามถนนไปอย่างหงุดหงิดแต่ทว่าแสงไฟจากหน้ารถที่ขับพุ่งมาจะทำให้ฉันถึงกับค้างอยู่กลางถนน
“กะ กรี๊ดดดด...”
เอี๊ยด!
ร่างของฉันถูกรถชนแรงเหมือนกันไม่งั้นฉันคงไม่นอนฟุบและเจ็บที่หัวตัวเองแบบนี้หรอก โอ๊ยมึน ทำไมมึนแบบนี้นะ?
กลับมาปัจจุบัน
มันช่างจะบังเอิญ โลกกลม พรมเช็ดเท้าแบบนี้ได้ไงกัน! อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น เพราะตอนนี้ฉันดันกอดรัดร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของผู้ชายที่ฟันเพื่อนตัวแสบของฉัน และเขาคือคนที่ฉันจะต้องยั่วให้หลงและเฉดหัวทิ้ง นี่มันเดจาวูจริงๆ
“ยิ้ม? แล้วไง ใครอยากฟังกัน ปล่อยด้วยยัยผู้หญิงน่าไม่อาย!”
“ก็บอกแล้วไงว่าขอนอนด้วยคน ฉันเจ็บแผลกลับไม่ไหวจริงๆ นะ” ฉันกัดฟันตัวเองที่ต้องพูดจาตอแหลแบบนี้ ทั้งที่ฉันไม่เคยพูดมันเลยสักครั้ง โอ๊ยอยากจะกัดลิ้นตัวเอง เขาดึงมือฉันที่กอดเอวออกไป สีหน้านิ่งเฉยของเขาจับจ้องมองฉันอย่างหงุดหงิดก่อนจะเท้าเอวมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“แน่ใจว่าไม่ใช่พวกไซด์ไลน์?”
“แน่สิ น้ำหน้าอย่างฉันเนี่ยจะเป็นได้ไง”
“ก็จริงนะ เพราะถ้าเธอเป็นคงไม่มีใครเอาหรอก... ตัวก็เตี้ย นมก็แบน ไม่มีอะไรน่าดึงดูดสักอย่าง”
“นี่ปากคนหรือปากหมากันแน่เนี่ย” เขามองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวก็ยกมือเกาหัวตัวเองแก้เขินและทำหน้าเศร้าเพื่อให้เขาสงสาร ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใครชื่ออะไร? ก็ตอนที่หยิบรูปดู ฉันตกใจไม่น้อยที่เจอเขา ถึงได้บอกไงว่ามันคือพรมเช็ดเท้าชัดๆ ที่ทำให้เราสองคนเจอกัน ทั้งที่ฉันพิ่งจะรับคำจากเพื่อนตัวแสบไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
“นะๆ นายนะ ฉันขอพักที่นี่คืนเดียวนะ”
“เฮ้อ ก็ได้ไถ่โทษที่ขับรถชนเธอก็แล้วกัน ทั้งที่ฉันไม่ได้ผิด”
“รู้แล้วล่ะนา ฉันผิด พอใจยัง”
“หึ ชื่อยิ้มเหรอ?”
“อือ แล้วนายล่ะ” ฉันมองสบตากับเขา ซึ่งสายตาของเขามันมีแรงดึงดูดแบบสุดๆ เลยนะ ผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อจนฉันไม่สามารถละสายตาได้เลย ถึงแม้เขาจะนิ่งเฉยและปากมอมก็ตามที
“ไพเรท”
“หือ ไพเรทเหรอ ชื่อเท่ดีจัง”
“เธอนอนที่โซฟาก็แล้วกัน” ไพเรทชี้ไปที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ส่วนฉันก็เดินไปนั่งที่โซฟาและเอื้อมมือไปจับที่หน้าผากของตัวเองที่เขาทำแผลให้
“ดูยังไงนายก็ไม่เหมือนคนที่จะฟันหญิงแล้วทิ้งเลยนะ ไม่สิ เพิ่งจะเจอกันวันแรกอย่าเพิ่งไปไว้ใจสิยิ้ม”
ฉันนั่งเล่นมือถืออยู่บนโซฟา แต่ทว่าตั้งแต่เย็นฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย ท้องมันร้องเรียกหาแต่อาหาร ฉันเลยมองไปที่ครัวของไพเรท เดินไปเปิดตู้เย็นก็ต้องตาลุกเห็นของกินเต็มไปหมด ฉันยิ้มออกมาด้วยความหิวก็เลยจัดการหยิบของทุกอย่างมาวางที่เคาน์เตอร์และกินเค้กก้อนโตเลยอันดับแรก อืม อร่อยมาก!
“นี่ยัย... ทำบ้าอะไรของเธอวะ!”
“อะ เออ คือฉันหิวก็เลยหาอะไรกินหน่อย แหะๆ”
“มารยาทดีมากเลยนะ”
“ขอบคุณที่ชมนะไพเรท” ฉันรู้ว่าเขาประชดแต่ฉันก็ตอบกลับด้วยความกวนจนเขาส่ายหน้าไปมา ร่างสูงที่สวมแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์สีดำเดินไปหยิบถ้วยบะหมี่ที่ชั้นมาสองถ้วย ก่อนจะตั้งน้ำร้อนโดยที่ฉันก็ยืนกินเค้กอยู่แบบนั้น สักพักเขาก็ยกถ้วยบะหมี่มาวางตรงหน้าฉัน
“กินไป เดี๋ยวจะอดตายซะก่อน”
“หอมจังเลย ขอบคุณนะ” ไพเรทเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว โดยมีฉันที่ตามไปนั่งด้วย อย่างน้อยก็จะได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นไง ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งหวั่นไหว แต่เขาจะหวั่นไหวหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่องนะ
“ฉันให้นอนคืนนี้คืนเดียวนะ พรุ่งนี้ก็ไสหัวไปจากห้องฉันด้วย”