ตอนที่ 5 : เมื่อถึงคราวที่ต้องจากลา

2261 Words
ตอนที่ 5 เมื่อถึงคราวที่ต้องจากลา  กลับมาที่ปัจจุบันเหม่ยหลันตัดสินใจจะออกไปจากที่นี่ให้เงียบที่สุด ในเมื่อสิ่งที่ลี่เซียนต้องการมาโดยตลอดก็คือหนังสือหย่า เช่นนั้นนางก็ไม่คิดรั้งเขาไว้ข้างกายอีกต่อไป อย่างน้อยก็ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิด เพื่อความปลอดภัยนางจำเป็นต้องเดินทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว เพราะบางทีลี่เซียนอาจจะส่งองครักษ์ฝีมือดีจำนวนหนึ่งติดตามนางไปอย่างเงียบ ๆ หากเป็นเช่นที่คิดไว้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ดังนั้นจำต้องวางแผนทุกอย่างให้รัดกุมที่สุด ลี่เซียนจะไม่มีวันได้พบนางและลูกอีกต่อไป เหม่ยหลันเก็บเสื้อผ้าเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นและของมีค่าอีกจำนวนหนึ่งที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แม้นจะเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่ก็พอที่จะซื้อจวนและพื้นที่ทำกินได้มากพอสมควร “เจียวมิ่งเจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่” หันไปถามสาวใช้ข้างกายที่ดูจะพร้อมกว่านางเสียอีก “ข้ามั่นใจแล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ข้าสำรวจพื้นที่ไว้ทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ ดูท่าทางพวกเขาจะยังไม่รู้ตัวว่าเราจะออกเดินทางกันในคืนนี้” “เช่นนั้นก็ดี รอดึกอีกสักหน่อยพวกเราค่อยแอบออกไปทางด้านหลังเถิด” นางเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองเหม่อตรงไปยังเรือนนอนของใครอีกคน ภาพความทรงจำเก่าก่อนชวนให้คิดถึงอยู่ไม่น้อย ทางด้านเจียลี่เซียนที่ยังคงคิดไม่ตก เป็นเขาที่ทำร้ายจิตใจนางถึงสองครั้งสองครา แม้รู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นมันผิด นับตั้งแต่ที่เยว่ซินกลับมา ความสัมพันธ์ของนางและเขาดูจะห่างเหินกันมากกว่าแต่ก่อน แต่ไฉนเลยใครจะล่วงรู้ว่าลี่เซียนเองก็มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น นึกย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน องค์รัชทายาทซึ่งเป็นสหายสูงศักดิ์ของเขาได้เรียกให้เข้าไปพบ พร้อมทั้งบอกแผนการบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกตกใจไม่น้อย “องค์รัชทายาทเรื่องนั้นมัน...” ลี่เซียนรู้สึกเป็นกังวล หากต้องทำเช่นนั้นเหม่ยหลันจะไม่เข้าใจเขาผิดหรอกหรือ “ลี่เซียน เสนาบดีผู้นั้นคิดกบฏ เพื่ออำนาจทำให้สมคบคิดกับอ๋องอวี้หยวนเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ ข้าสืบรู้มาว่าเสนาบดีได้ส่งบุตรสาวคนรองไปที่จวนของเจ้า เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง เห็นทีว่าครานี้เจ้าคงต้องรับศึกหนักเสียแล้ว” องค์รัชทายาทตบไปที่ไหล่ของสหายเบา ๆ กล่าวเสริมว่า “หากให้ข้าเดา หญิงสาวผู้นั้นคงตั้งใจมาเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมอยู่ฝ่ายเดียวกันกับนาง” ลี่เซียนกลับจวนมาด้วยความรู้สึกสับสนเยว่ซินนางเคยเป็นรักแรกของเขา แต่ด้วยสถานการณ์บางอย่างทำให้เราต้องแยกจากกัน ส่วนเหม่ยหลันนางคือคนที่เขาแต่งงานด้วย เพราะอยากทดแทนบุญคุณที่พ่อแม่ของนางเอาชีวิตเพื่อปกป้องเขาจากพวกกลุ่มโจรป่า แต่เดิมลี่เซียนตั้งใจจะอยู่กับนางเฉกเช่นสหายคู่คิด แต่วันเวลาผ่านไปเขาก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชีวิตในแต่ละวันจะมีนางมาคอยอยู่ดูแลปรนนิบัติไม่เคยขาด ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดลงไปได้บ้าง ลี่เซียนตัดสินใจที่จะเดินตามแผนของอีกฝ่ายต่อไป สิ่งที่ทำให้รู้สึกเสียใจมาโดยตลอด คือเขาได้ทำให้เหม่ยหลันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนเรื่องหย่าใจจริงเขาไม่ได้อยากทำเช่นนั้น ในใจเจ็บปวดจนเกินจะทนเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของนาง แล้วยังเรื่องที่โดนยาปลุกกำหนัดนั้น เขายอมรับว่าเป็นเรื่องที่สุดวิสัย ไม่คาดคิดว่าเยว่ซินจะใช้แผนการนี้เพื่อทำร้ายเหม่ยหลัน ในค่ำคืนนั้นตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่มียาถอนพิษ แต่การที่จะถอนพิษกำหนัดนั้นมันต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เพียงแต่เขาไม่อยากจะทำมันเท่านั้นเองถึงกระนั้นหากคิดจะถอนพิษราคะให้เบาบางลง มันก็คงไม่ยากเกินความสามารถของแม่ทัพอย่างเขาแน่นอน ‘หลันเอ๋อร์ข้าขอโทษ’ เขาได้แต่เอ่ยขอโทษเหม่ยหลันอยู่ในความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่พร่ำบอกขอให้นางยอมยกโทษให้ ลี่เซียนเลือกที่จะปกป้องฟานเหม่ยหลันในแบบฉบับของตัวเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นมันได้ทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายอย่างแสนสาหัส อย่างน้อยหากเลือกที่จะบอกเรื่องมันก็คงไม่บานปลายมาจนถึงทุกวันนี้ “พรุ่งนี้ฮูหยินจะออกเดินทางแล้วขอให้พวกเจ้าพานางไปยังที่ปลอดภัย และส่งองครักษ์คอยติดตามไปดูแลนางอย่างลับ ๆ อย่าให้รู้ตัวอย่างเด็ดขาด” ชายหนุ่มเอ่ยสั่งการในความมืด ก่อนที่คนของตนจะรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกลับไปพักผ่อน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่านางกำลังจะหนีจากเขาไปไกลแสนไกลแล้ว ............... ยามอิ๋น (03:00-04:59) ฟานเหม่ยหลันและเจียวมิ่งอาศัยจังหวะที่ทุกคนในจวนหลับสนิท ค่อย ๆ แอบย่องออกไปทางด้านหลังเรือนนอนด้วยความเร่งรีบ หัวใจของนางเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น เหม่ยหลันไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน นี่คงจะเป็นครั้งแรกกระมังที่นางตั้งใจจะทำตามความคิดของตัวเอง แม้มันจะลำบากไปเสียหน่อย แต่เพื่ออิสระที่นางกำลังจะได้รับก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย “ฮูหยินเดินระวังหน่อยนะเจ้าคะ ที่นี่ต้นหญ้าขึ้นหนาทึบเกรงว่าจะเหยียบเศษไม้เอาได้เจ้าค่ะ” “เข้าใจแล้ว เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย” สองนายบ่าวเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงท่าเรือในเวลาที่กำหนด ก่อนหน้านี้นางได้ให้เจียวมิ่งไปสำรวจทางหนีทีไล่ไว้หมดแล้ว เหม่ยหลันไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไป ในหัวมีความคิดเพียงแค่ว่าตัวเองจะต้องหนีไปให้ไกลมากกว่านี้ หนีไปให้พ้นจากลี่เซียนสามีผู้ไร้ใจ ในเมื่อเขาไม่รัก ก็ยากนักที่จะหวนคืนกลับไป เดินทางมาราว ๆ หนึ่งชั่วยามกว่าจะมาถึงจุดหมายก็เล่นเอาพวกนางถึงกับเหนื่อยหอบ “ฮูหยินเจ้าคะ จากนี้เราจะไปที่ใดกันต่อ” เจียวมิ่งพูดขึ้น “ไปบ้านเกิดของข้า ถึงแม้ที่นั่นจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอย่างเมืองหลวง แต่ผู้คนที่นั่นล้วนนิสัยดีกันทุกคน” เหม่ยหลันพูดถึงบ้านเก่าที่ครั้งหนึ่งนางเคยอาศัยอยู่ที่นั่น ก่อนที่บิดามารดาจะพานางย้ายไปอยู่ในเมืองหลวง และได้พบกับลี่เซียนที่นั่นเป็นครั้งแรก ครอบครัวของนางทำการค้าเล็ก ๆ ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบาก ครั้งนั้นนางเที่ยวเล่นซุกซนไปตามประสาเด็ก และก็ได้พบกับเด็กชายในวัยไล่เลี่ยกันกำลังช่วยลูกนกที่ตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ “นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร!” เหม่ยหลันในวัยสิบขวบเดินเข้าไปถามด้วยความอยากรู้ “ช่วยลูกนกไง มันตกมาจากรัง” เด็กชายชี้มาที่นกและชี้ไปที่ต้นไม้ “ถ้าเช่นนั้นให้ข้าช่วยดีหรือไม่ ข้าปีนต้นไม่เก่งมาก” พูดพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “มันจะดีหรือ พวกเรายังเด็กกันอยู่เลยนะ” เด็กชายมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่พอนางยืนยันที่จะช่วยเขาก็ตกลงในทันที นับแต่นั้นเป็นต้นมานางและลี่เซียนก็มักจะออกมาวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ เขาได้เล่าให้ฟังว่าท่านลุงกับท่านป้าไม่มีบุตรจึงขอให้เขามาเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ วันเวลาผ่านไปถึงหนึ่งปีเต็มลี่เซียนก็ได้มาลานางเพราะต้องกลับไปเรียนต่อที่สำนักศึกษาหลวง คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแม้จะรู้สึกเสียใจแต่นางก็ยิ้มรับและคาดหวังว่าสักวันจะต้องได้พบกันอีก แล้วนางก็ได้กลับมาเจอกับเขาอีกครั้งในรอบหลายสิบปี ลี่เซียนในวัยเยาว์นั้นเติบโตขึ้นมาเป็นบุรุษที่หล่อเหลามากทีเดียว ฟานเหม่ยหลันดีใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน นางก็ยังคงจดจำเขาได้เสมอ ครั้นจะเดินเข้าไปทักทายสายตาก็เหลือบไปเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังเลือกซื้อเครื่องประดับโดยมีลี่เซียนมองตามด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เหม่ยหลันในตอนนั้นได้แต่ชะงักอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปทัก สตรีนางนั้นคงจะเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลใดตระกูลหนึ่ง พวกเขาสองคนดูเหมาะสมกันยิ่งนัก ผิดกับนางที่เป็นเพียงลูกพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งเทียบไม่ได้กับสตรีชนชั้นสูงแบบนั้น แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างฟานเหม่ยหลันอยู่บ้าง เมื่อนางและครอบครัวมีโอกาสได้เข้าร่วมขบวนสินค้าขององค์รัชทายาท ครั้งนี้ลี่เซียนเป็นผู้คุมขบวนสินค้าด้วยตนเอง นางทั้งตื่นเต้นและยินดีที่จะได้ใกล้ชิดเขาให้มากกว่านี้ แต่ทว่าช่างน่าเสียดายนักที่เขาจดจำนางไม่ได้ ในระหว่างเดินทางฟานเหม่ยหลันพยายามที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขาโดยที่ไม่ได้แสดงตัวว่าตนเป็นใคร หวนคิดถึงใบหน้างดงามของสตรีที่อยู่ข้างกาย ชวนให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย คืนนั้นหญิงสาวเอาแต่นั่งเศร้าจนบิดาต้องเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง พอรู้ว่าบุตรสาวเป็นอะไร หลายวันต่อมาบิดาจึงได้ไปลองเชิงถามว่าท่านแม่ทัพแต่งงานแล้วหรือยัง ครั้นพอรู้คำตอบก็รีบเดินมาบอกให้นางรู้ในทันที ค่ำคืนหนึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเย็นเหม่ยหลันกึ่งหลับกึ่งตื่น นางได้ยินเสียงเอะอะอยู่ด้านนอกก็รีบผุดลุกขึ้นนั่ง ครั้นจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ถูกบิดามารดาห้ามไว้เสียก่อน พร้อมทั้งพานางหนีไปแอบตรงพุ่มไม้ใหญ่ใกล้ ๆ เสียงต่อสู้ยังคงดำเนินไปสักพักใหญ่ด้วยกลุ่มโจรมีคนมากกว่าและพวกมันก็มีฝีมือกันทุกคน ส่วนเหล่าทหารที่สู้ไม่ได้ก็ถูกฆ่าตายไปทีละคนสองคน จนกระทั่งไม่มีคนรอดชีวิต มีเพียงครอบครัวของนางที่ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ สิ่งเดียวที่ฟานเหม่ยหลันไม่เคยบอกใคร ครอบครัวของนางล้วนเก่งวรยุทธ์ทั้งสิ้น ส่วนตัวนางเองก็ได้รับการฝึกฝนแต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก เมื่อเหล่าทหารค่อย ๆ ถูกฆ่าตายกันไปเกือบหมด บัดนี้ลี่เซียนก็กำลังจะถูกกลุ่มโจรอีกนับสิบที่เหลือเข้ามาหมายจะฆ่าเขาให้ตาย ฟานเหม่ยหลันเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจจะเข้าไปช่วยแต่นางถูกบิดาและมารดารั้งแขนไว้แล้วพวกท่านก็ออกไปช่วยเอง พร้อมทั้งกำชับให้นางหลบซ่อนตัวอย่าไปไหนอย่างเด็ดขาดจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ใจนึกหวาดกลัวแต่เพราะเป็นคำสั่งนางจึงได้แต่ภาวนาขอให้พวกท่านปลอดภัย เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะสงบ นางที่รอจนมั่นใจแล้วจึงค่อย ๆ ออกมาจากที่ซ่อน เห็นทหารอีกจำนวนหนึ่งที่เหมือนจะเพิ่งมาสมทบกำลังยืนพูดคุยอยู่กับลี่เซียนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถาม สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังถลาวิ่งเข้าไปกอดทั้งสองร่างด้วยความเสียใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่นะเจ้าคะ ฮือออ!” เหม่ยหลันร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ พวกท่านยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องนาง “ม... หลันเอ๋อร์ เจ้ามิต้องเสียไปหรอก พ่อกับแม่ถึงจะไม่ได้อยู่ดูแลเจ้า แต่นับจากนี้ท่านแม่ทัพจะเป็นคนดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” มืออันเหี่ยวย่นลูบใบหน้างดงามของบุตรสาว จากนั้นจึงหันไปพูดกับแม่ทัพหนุ่มที่เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ นางเมื่อไหร่ไม่รู้ “ท... ท่านแม่ทัพ ฝ... ฝากบุตรสาวเพียง อึก! เพียงคนเดียวของข้าด้วยเถิดขอรับ” “ได้ ข้ารับปากท่าน ข้าจะแต่งนางเป็นภรรยาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกท่านสละชีวิตเพื่อช่วยข้า” เขาให้คำสัญญา “วางใจเถิด นับจากนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง” ลี่เซียนหันไปพูดกับนาง ที่กำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ “ฮูหยินเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” เสียงเรียกของเจียวมิ่งทำให้ฟานเหม่ยหลุดออกจากภวังค์ “อ่อ ไม่มีไรหรอก รีบเดินทางต่อกันเถิด พวกเราต้องไปถึงท่าเรือก่อนรุ่งสาง” “เจ้าค่ะ ฮูหยิน” .....................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD