EP 1 สถานะ
นอนไม่หลับ...
‘นิดา’ ขยับตัวกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงไม่คุ้นชิน มองไปรอบห้องรับรองแขกของคฤหาสน์หลังใหญ่ ถึงจะสวยงาม กว้างขวาง แต่ก็ไม่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเหมือนที่คอนโดมิเนียมของตัวเองอยู่ดี
คอนโดนั่นน่ะ ถึงจะยังผ่อนอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นสมบัติชิ้นแรกที่นิดาหามาได้ด้วยตัวเอง นี่เธอจะไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ...
แค่คิดก็น้ำตารื้น ถึงใครๆ จะคิดว่าเธอเป็นคนเข้มแข็ง แต่ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันหลังเหตุการณ์แย่ๆ ก็ทำให้นิดาคนแกร่งถึงกับเซอยู่เหมือนกัน
หญิงสาวลุกจากเตียงนอน เธอสวมเสื้อกับกางเกงนอนของผู้ชายที่ ‘ตรัสตรัย’ ให้ยืม มันใหญ่มากจนต้องใช้เข็มกลัดยึดเอวกางเกงให้พอดีตัว พอก้มลงมองเสื้อผ้าของเขา ที่ยังคงมีกลิ่นน้ำยาซักผ้าจางๆ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
‘คุณนิดแต่งงานกับผมได้มั้ยครับ’
เหมือนเสียงทุ้มของเขาเมื่อช่วงหัวค่ำยังดังอยู่ข้างหู คำว่าแต่งงานยังรู้สึกเหมือนไกลตัว หากไม่ใช่ว่าด้วยความช่วยเหลือของจันทร์เพ็ญ ลูกพี่ลูกน้องของตรัสตรัยแล้ว ชายผู้ขอเธอแต่งงานสามารถพานิดาไปซื้อแหวนได้ทันทีที่ตกลงกันเรียบร้อย ทั้งที่ร้านเพชรไฮโซนั่นปิดร้านแล้ว พนักงานกลับบ้านไปหมดแล้ว เจ้าของร้านจึงมาขายแหวนและเครื่องประดับให้เธอเอง
ความแวววาวของแหวนเพชรสิบห้ากะรัตยังแยงตาเธอทั้งที่ในห้องปิดไฟอยู่ ทำให้ได้รู้ว่าที่ต้องแต่งงานกับท่านประธานน่ะ ไม่ได้ฝันไป
ไม่ได้ฝันก็เหมือนฝัน
ก็เมื่อวาน ถ้าไม่นับเรื่องที่คุยๆ กับเขามาสักพักแล้วละก็ สถานะของเธอยังคงเป็นแค่ ‘เลขา’ ของลูกชายเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอเป็น ‘คู่หมั้น’ ของเขาเฉย
ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอนสำหรับรับรองแขก เสียงฝนตกและฟ้าร้องครืนๆ ดังแว่วเข้ามาเล็กน้อย แต่เมื่อเธอเดินไปดูที่หน้าต่างบานใหญ่ตรงโถงบันได ถึงเพิ่งเห็นว่าฝนตกแรงสุดๆ ไปเลย
อื้อฮือ ของแพง...
ถ้าเป็นผนังคอนโดมิเนียมของเธอละก็ ไม่มีทางกันเสียงได้ขนาดนี้แน่ ดีไม่ดี ไฟฟ้าอาจจะดับด้วย
หญิงสาวเดินลงมาที่ชั้นล่าง ที่นี่มืด เงียบ และหนาวเพราะฟ้าฝนที่โหมลงมาราวกับพายุ เธอกดเปิดไฟจนสว่าง เงยหน้ามองภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่ติดผนังไว้เด่นเป็นประธานของห้องโถง เป็นภาพของตรัสตรัยในวัยเพียงยี่สิบปีกับภรรยาคนแรกของเขา...และเตวิช ลูกชายคนเดียวที่ตอนนั้นกำลังน่ารักเชียว
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กแก้มยุ้ยที่กำลังยิ้มกว้างนั่นจะโตมาเป็นคนหน้าดุอย่างกับยักษ์ แต่ดันน่ารักแค่กับเมีย โอ๊ย คิดแล้วหมั่นไส้!
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงผ้าแพรคลุมลงมาที่ไหล่ เมื่อหันกลับไปจึงสบตากับชายหนุ่มวัยสี่สิบบวก ...ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านของคุณแล้ว”
นิดาสั่นศีรษะ
“ไม่นี่คะ ยังเป็นบ้านคุณ นิดไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านในโฉนดนะคะ”
คำตอบซื่อๆ ของเธอทำให้ตรัสตรัยหัวเราะเบาๆ เขาเงยหน้ามองภาพถ่ายที่ไม่เคยย้ายไปไหนเลยนับตั้งแต่ภรรยาเก่าเสียชีวิตไปตอนลูกชายเขาอายุแค่หกขวบ... นี่ก็ผ่านมายี่สิบเอ็ดปีแล้ว
“ผมหมายถึง...ต่อไปคุณจะเป็นนายหญิงของบ้านนี้แล้ว ถ้ามีอะไรที่คุณอยากเปลี่ยนแปลงในบ้านหลังนี้ คุณบอกผมได้เสมอ”
“...”
“อย่างเช่น ถ้าคุณอยากให้ภาพถ่ายวันแต่งงานของเรา-”
ยังไม่ทันพูดจบ นิดาก็จับมือเขาอย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มจึงชะงัก ก้มลงมามองเธอ
“คุณตรัส นิดเข้าใจนะคะว่าคุณกลัวนิดจะนอยด์ คุณอาจจะคิดว่านิดอยากได้อะไรที่พิเศษ แต่นิดไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการอยู่กับคุณค่ะ รูปนี้สวยดี นิดขอนะคะ อย่าย้ายเลย”
เขามองเธอนิ่ง นาน... ก่อนจะรวบร่างบางไปกอดไว้ นิดาไม่ทันเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ ทว่าอ้อมกอดของชายหนุ่มช่างอบอุ่นเหลือประมาณ
“ขอบคุณครับ”
เธอกอดตอบเขา ซบหน้ากับอ้อมแขนกว้าง
อุ่นจัง...
ในชีวิตที่ผ่านอะไรมาก็มาก ทั้งความสุข ความทุกข์ การสูญเสีย ทว่านิดาคิดไม่ออกเลยว่าคราวนี้ถ้าความอบอุ่นนี้หายไปจากชีวิต เธอจะมูฟออนได้เหมือนทุกครั้ง หรือจมดิ่งลงไปกับความโศกเศร้าทรมาน
หญิงสาวกะพริบตาเบาๆ ขับไล่น้ำตาออกไป บอกตัวเองให้มั่นใจในตัวเขา แต่อาจเพราะความแตกต่างทั้งอายุ ฐานะ สังคม ทำให้นิดาอดหวั่นไหวไม่ได้
หญิงสาวซุกหน้ากับอกเขา เพียรปลอบตัวเองซ้ำไปซ้ำมาให้เลิกคิดมาก ก่อนจะเพิ่งรู้สึกได้ว่านี่มันเกินเวลานอนของเธอมามากๆ แล้ว
น่าแปลกที่เมื่อกี้นอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับ
แต่พอเขากอด...ก็ง่วงจัง