ธีรยาส่งยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นยืน ไหนๆเจ้าบ้านก็เปิดไฟเขียวแล้ว ขอเดินสำรวจดูหน่อยเถอะนะ เผื่อเจออะไรไม่ดีจะได้รีบดึงแม่ออกมา หญิงสาวเดินออกมานอกห้องรับแขก ลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินไปตามทางที่ออกไปสวนด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ริอาจใจกล้าขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ เธอจึงเดินดูรอบๆ บริเวณบ้าน สวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ความร่มรื่นจนเธอลืมว่าตัวเองมาสำรวจจับผิดเรื่องอะไร บ้านของเธอหลังเล็กแต่อบอุ่น แต่ถ้ามีบริเวณกว้างๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย ได้เดินเล่นผ่อนคลายบ้าง เสียดายที่เธอมาเอาเสียเย็นย่ำมองไม่เห็นว่ามีต้นไม้อะไรบ้าง ดูไปดูมาเจ้าของบ้านอาจจัดปาร์ตี้ที่บ้านบ่อย เพราะบริเวณสามารถจัดงานเลี้ยงขนาดย่อมได้เลย
จังหวะที่หมุนตัวกลับ ร่างเล็กก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างจนเกือบล้ม มือใหญ่ยื่นมาประคองไหล่เธอไว้ได้ทัน ธีรยายกมือขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น
“คุณ!”
“คุณ...”
ชายหนุ่มที่ปกติใบหน้านิ่งไร้อารมณ์แต่ยามนี้มุมปากยกยิ้มขึ้น แรกทีเดียวเขามองผ่านๆ เห็นเงาร่างไม่คุ้นเคยอยู่ที่สวนหย่อม หากเป็นเพื่อนแม่ก็ดูจะอายุน้อยไปหน่อย แม้จะเห็นแต่แผ่นหลังกับเส้นผมยาวสยายก็ตาม เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็พบว่าเธอหันหลังมาอย่างรวดเร็วจนเขาถอยหลังหลบไม่ทัน
พบกันครั้งแรกเรียกความบังเอิญ
พบกันครั้งที่สองก็บังเอิญอีก
แต่พบกันครั้งที่สามจะเรียกอะไรดี
“คุณ...”
ธีรยาขยับแว่นตาด้วยความเคยชินแล้ว เมื่อตั้งสติได้ก็ขยับเท้าถอยหลังออกมาเล็กน้อย แม้ครั้งก่อนเจอกับแวบเดียวแต่ในสถานการณ์ไม่ปกติ เธอจึงจำหน้าเขาได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้เธอใส่แว่นตาอยู่ เขายกมือขึ้นกอดอก เพียงการขยับตัวเล็กน้อยก็ทำให้เห็นว่า กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดลงมาสามเม็ด เห็นรอยสักที่มองไม่ชัดว่าเป็นรูปอะไร ท่าทีสบายๆ จนดูน่าหมั่นไส้ ทำให้ธีรยาเผลอเบ้ปากใส่
“พบกันครั้งแรกเรียกความบังเอิญ แต่พบกันสามครั้งจะเรียกอะไรดี” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม
“สามครั้ง?” ธีรยาทำหน้างุนงง “คุณจำคนผิดแล้วค่ะ”
คราวนี้ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจ ยื่นมือดึงแว่นตาเธอออก หญิงสาวตกใจรีบยื่นมือไปคว้าไว้ แต่คนตัวสูงลองสวมแว่นตาแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
“คุณนี่สายตาสั้นมากเลยนะ” เขาบ่นแล้วส่งแว่นตาคืนให้ “มิน่าล่ะถึงทำเป็นจำกันไม่ได้”
“เรา...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือคะ?”
ชายหนุ่มยื่นหน้าไปใกล้ แต่เธอถอยหลังหนีเผลอทำไหล่ห่อเหมือนหนูกลัวแมว
“ให้ตายสิ! แบบนี้ผมน้อยใจแย่ คืนนั้นไม่ได้อยู่ในความทรงจำคุณเลยหรือไงนะ”
“คืนนั้น...”
จะว่าไป ก็หน้าตาคุ้นๆอยู่นะ
หรือว่า
“คุณ!”
“นึกว่าต้องให้ทบทวนถึงจะจำได้”
โจวเจียอีกระตุกยิ้มที่มุมปาก ไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ ‘จำเขาไม่ได้’ ทั้งที่คืนนั้นก็เป็น ‘ครั้งแรก’ ของเธอ
“อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงที่แม่นัดมาให้ผมดูตัว”
“ดูตัว!” ธีรยาเบิกตากว้าง “เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันมาเป็นเพื่อนคุณแม่เพ็ญนภา”
หญิงสาวคิดตามที่เขาพูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นลูกชายของคุณกานดา ผู้ชายที่แม่เพ็ญนภาเชียร์ออกนอกหน้า และเพราะความคิดนี้ทำให้เธอขยับเท้าออกห่างเขาอีกนิด ตัวเขาสูงมากและไหล่กว้าง ถ้าเกิดเขาสะดุดหินล้มตรงหน้าก็คงทับเธอแบนแน่ๆ
“ถ้างั้น...”
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่อยากเข้าใกล้คนน่ากลัวแบบนี้เลยสักนิด ภาพที่เขาเตะต่อยคนในโรงพยาบาลผุดขึ้นมาในหัว หญิงสาวรีบเดินจ้ำกลับเข้ามาในบ้าน แต่เดินเข้ามาได้ไม่กี่นาทีก็เริ่มสับสนว่า เธอต้องเดินไปทางไหนถึงจะกลับไปห้องรับแขกได้
“ไม่นะ...อย่าบอกว่าหลงทางนะ” ธีรยาบ่นพึมพำ ขณะที่ลังเลอยู่ว่าจะไปทางไหนดี ก็มีมือข้างหนึ่งวางบนไหล่ หญิงสาวสะดุ้งแล้วหันขวับไปมอง
“นี่! จะทำอะไร”
เสียงหวานๆ แต่ส่งสายตาดุ ทำให้ชายหนุ่มพอใจอย่างมาก เขายังคงยิ้มกริ่มไม่สนใจว่าเธอจะพยายามขยับตัวออกห่างเขามากแค่ไหน
“ในฐานะเจ้าของบ้านก็จะพาแขกไปที่ห้องรับแขกยังไงล่ะ” เขาพูดเหมือนกลั้นหัวเราะ
“เจ้าของบ้าน?”
คนที่ไม่อยากเจอก็เจอเข้าจนได้ ธีรยาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่มีคนรับใช้ผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือ ได้แต่จำใจเดินไปพร้อมกับผู้ชายตัวสูงคนนี้
“อ้าว ทำไมมาพร้อมกับหนูหมิวได้ละลูก” คุณกานดาถามอย่างแปลกใจ อันที่จริงนางตั้งใจอยากให้ลูกชายได้เจอลูกสาวของเพื่อนรัก ถึงจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ แต่เพ็ญนภาเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนลูกตัวเอง แต่ไม่เคยนัดหมายกันสำเร็จสักครั้ง คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนเป็นนักธุรกิจที่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน แถมนานๆ จะกลับเมืองไทยสักครั้ง หากไม่เพราะมาขยายกิจการที่เมืองไทยก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยขึ้น
“เจอเด็กหลงทางนะครับคุณแม่” ชายหนุ่มเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่ง เมื่ออีกฝ่ายนั่งเรียบร้อยจึงเดินไปนั่งข้างมารดา แล้วหันมายกมือไหว้คุณเพ็ญนภา
“สวัสดีครับคุณน้าเพ็ญนภา”
“จ๊ะ” เพ็ญนภาเห็นหน้าลูกชายของเพื่อนรักจากรูปในมือถือมาหลายครั้ง แต่ก็เพิ่งได้พบตัวจริงกันวันนี้ “หน้าตาคล้ายพ่อเหมือนกันนะ”
“อีริคสูงได้พ่อนะ” กานดายิ้มภูมิในความหล่อเหลาของลูกชาย แน่นอน มันทำให้นางหวงลูกมากเช่นกัน “ชื่อจีนชื่อ โจวเจียอี แซ่โจวตามพ่อของเขา แต่เรียกอีริคก็ได้ ชื่อจีนก็เรียกยาก เรียกชื่อฝรั่งก็ได้นะ เพื่อนอีริคเป็นชาวต่างชาติเยอะ เลยสะดวกเรียกชื่อฝรั่งนะ”
“ครับ แต่ผมพูดภาษาไทยคล่องนะครับ” โจวเจียอียิ้ม ดวงตายังคงจ้องมองหญิงสาวที่ทำหน้านิ่งไม่สบอารมณ์อยู่ “แม่สอนมาดีครับ”
เพ็ญนภาหัวเราะอย่างถูกใจ บ้านร่ำรวยแต่ไม่ถือตัว และยังคงมีอารมณ์ขันด้วย แบบนี้คงเข้ากับธีรยาผู้บ้างานของนางได้บ้าง
“นี่ลูกสาวน้าเองจ๊ะ ชื่อธีรยา ชื่อเล่นหมิว เป็นหมออยู่ห้องแล็บทำงานที่โรงพยาบาลรัฐ” คุณเพ็ญนภาแนะนำง่ายๆ
“ครับ เคยเจอกันแล้ว”
“เอ๊ะ! ไปเจอกันตอนไหน” คุณกานดาประหลาดใจ ลูกชายตัวเองไม่ยอมดูตัวง่ายๆ ผู้หญิงที่ติดพันก็เป็นพวกดารานางแบบที่หวังเงินในกระเป๋าเงินเท่านั้น
“ที่โรงพยาบาลครับ” ปกติเขาไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่คนตัวเล็กไม่ยอมปริปาก เขาจึงชิงลงมือเล่าเสียเอง