ตอนที่ 5
“ผมรอคุณอยู่ตรงนี้แหละ คุณเข้าไปเถอะ” พูดจบแพทริคก็หันซ้ายหันขวาหาที่เหมาะ ๆ ในการนั่งรอ
“นานนะ นายจะไปหาอะไรทำก่อนก็ได้ ฉันไม่ฟ้องคุณพ่อหรอก” หญิงสาวตะล่อม แต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบว่าอะไร แต่กลับหยิบนิตยสารที่วางอยู่แถว ๆ นั้นยกขึ้นโชว์หญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มที่กวนประสาทที่สุด และก็ได้ผล ราชาวดีหน้าหงิกทันทีและสะบัดผมเดินจากไป
ราชาวดีหายเข้าไปในสปาเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม และเมื่อเดินกลับออกมา เธอก็ยังเห็นแพทริคนั่งอยู่ตรงที่เดิม เขาง่วนอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเองเช่นเดิม เหมือนทุกครั้งที่ราชาวดีเห็น
“ไปกันรึยังครับ” แพทริคถามขึ้นหลังจากเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาแล้ว แทนคำตอบ ราชาวดีพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และเดินออกไปพร้อมกัน
ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมกันที่ลานจอดรถ และทันทีที่แพทริคกดปลดล็อกรถ ราชาวดีก็เดินพุ่งไปนั่งที่ด้านหน้าข้าง ๆ คนขับทันที สร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่วันนี้เธอนึกอยากจะนั่งข้าง ๆ เขาขึ้นมา แพทริคไม่ได้พูดว่าอะไร เขาก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่คนขับแล้วสตาร์ตรถตามหน้าที่
“กระเป๋าตังค์ฉัน” เสียงราชาวดีโวยวายขึ้น ขณะทำท่าค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าถือ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุณ” แพทริคถามขึ้นอย่างตกใจ
“สงสัยฉันลืมกระเป๋าสะพายเอาไว้ในสปา ทำยังไงดีล่ะถ้าหายไปแย่แน่ ๆ เลย ในนั้นข้อมูลสำคัญแล้วก็มีกระเป๋าตังค์อีกด้วยสิ” ราชาวดีเริ่มรำพัน สีหน้าตื่นตระหนก
“คุณรอผมตรงนี้ เดี๋ยวผมเข้าไปเอาให้เอง” พูดจบแพทริคก็ก้าวลงมาจากรถ กึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับไปทางที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อสักครู่ และก่อนที่เขาจะเดินไปถึงประตูที่จะใช้เดินเข้าไปยังตัวโรงแรม เสียงดังจากล้อรถที่ออกตัวก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา ด้วยสัญชาตญาณจึงทำให้เขารีบหันไปมองทันที ก็พบว่าราชาวดีกระโดดเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับและขับรถออกไปจากตรงที่จอดอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่วายที่จะหันมาโบกมือให้เขาด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ยแถมกวนประสาทที่สุด
“เฮ้ย!!..นี่คุณ!!!...คุณราเชล!!” แพทริควิ่งตามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหญิงสาวเหยียบคันเร่งและกระชากรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ราชาวดีเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุขเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอจะหงุดหงิดเป็นอย่างมากหากว่ามีคนมองมาที่เธอยามที่เธอเดินผ่านมาแบบนี้ โดยไม่สนใจว่าที่มีคนมองมาที่เธอนั้น เป็นเพราะเธอดูโดดเด่นในหมู่คนทั่วไป แต่ในขณะนี้ความสุขที่ได้แกล้งคนที่เธอรู้สึกเกลียดขี้หน้า มันช่างทำให้หัวใจของเธอเบิกบานจนลืมไปว่าเธอควรจะหงุดหงิด แต่ตรงกันข้าม ราชาวดีกลับหันไปยิ้มหวานให้คนที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความสนใจไปตลอดทาง
“คาปูชิโน หวานน้อย หนึ่งแก้วค่ะ” สั่งกาแฟเสร็จหญิงสาวเดินมานั่งที่โต๊ะหันหน้ามองทะลุกระจกออกไปยังด้านนอกร้าน ดูภาพผู้คนที่เดินวุ่นวายสวนกันไปมาภายในห้างสรรพสินค้า แต่แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครสักคนเดินเข้ามานั่งลงร่วมโต๊ะเดียวกันกับเธอ และเมื่อหันกลับมามอง หญิงสาวก็พบกับชายหนุ่มตัวโตที่เธอเพิ่งจะรู้สึกอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเขาไปเมื่อครู่
“นี่นาย...” ราชาวดีทักขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ และความผิดหวังก็แล่นตามมาเมื่อเห็นว่าสุดท้ายเขาก็ตามเธอมาทันจนได้ ชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามเธออยู่ขณะนี้ถอดเสื้อสูทออกและพาดลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วนั่งจ้องมาที่เธอแต่กลับไม่ได้พูดอะไร เขาถอนหายใจยาวก่อนจะหันไปโบกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ
“ขอเอสเปรสโซ่ที่หนึ่ง”
“นายมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!!”
“แล้วคุณราเชลมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ” เธอเป็นฝ่ายถามแท้ ๆ แต่เขายังจะมีหน้ามายอกย้อนได้อีก
“ฉันก็ขับรถมาน่ะสิ ถามได้” ตอบไปแล้วคนพูดกลับไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“ผมก็เรียกรถตามคุณมาสิครับ..ถามได้”
“แล้วทีหลังถ้าคุณทำแบบนี้อีก ผมจะเก็บค่าแท็กซี่จากคุณ” นี่ยังไง นอกจากจะไม่ให้ความเคารพยำเกรงเธอแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังกวนประสาทเธอเป็นที่สุด
“ย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นเลยไป ฉันไม่อยากกินร่วมโต๊ะกับนาย” ราชาวดีพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ทำไมล่ะ ก็ผมอยากนั่งโต๊ะนี้”
“ได้ งั้นนายก็นั่งกินของนายไป ฉันย้ายเองก็ได้” ราชาวดีตอบกลับมา พร้อมกับทำท่าจะย้ายโต๊ะเอาซะแบบนั้น
“ถ้าคุณย้าย ผมก็จะย้ายด้วย เอาสิถ้าคุณราเชลไม่อายที่เราย้ายโต๊ะไป ย้ายโต๊ะมาก็ตามใจ” แพทริคยังคงตอบกลับมาแบบกวนโมโห แต่น้ำเสียงกลับฟังดูอ่อนโยนอย่างประหลาด
ราชาวดีก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะหากว่าเป็นคนอื่น เธอคงจะโมโหอาละวาดร้านแตกไปแล้วหากมีใครกล้ามาอวดดีกับเธอ แต่กับเขาคนนี้ แม้เธอจะบอกตัวเองว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเขาด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วสุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เขาทุกที โดยปกติเธอไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวตีสนิทกับเธอ ยิ่งเป็นคนของพ่อเธอยิ่งแล้วไปกันใหญ่ แต่กับผู้ชายตัวโตคนนี้เธอกลับเผลอตัวไปต่อล้อต่อเถียงกับเขาอยู่หลายครั้ง และก็ยอมรับว่าหากมีครั้งใดที่เธอสามารถแกล้งเขาได้ มันกลับทำให้เธอรู้สึกสนุกและเป็นสุขอย่างประหลาด และขณะที่กำลังนึกประหลาดใจกับตัวเองอยู่นั่น กาแฟหอมกรุ่นที่เธอสั่งไปก็ถูกยกมาวางไว้ตรงหน้าพอดี
“นายมาจากที่ไหนเหรอนายแพทริค” หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ถามชายหนุ่มไปแบบนั้น แต่เมื่อถามออกไปแล้ว เธอก็มีความหวังอยู่ลึก ๆ ในใจกับคำตอบที่จะได้
“ผมมาจากแอริโซนา” ชายหนุ่มตรงหน้าตอบกลับมาเรียบ ๆ
“จริงเหรอ แล้วนายมีพี่น้องกี่คน หรือญาติแถวนี้หรือเปล่า” ทันทีที่จบคำถาม ชายตรงหน้าเธออึ้งไปพอดู
“ไม่มี ผมเป็นลูกคนเดียว”
“ช่างเถอะ ๆ ฉันก็ถามไปแบบนั้นล่ะไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วนายยิ้มอะไร ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นนะฉันไม่ชอบ” เสียงราชาวดีแว้ดขึ้นมาเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าที่จู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา
“ฉันอิ่มล่ะ ไปก่อนนะ”
“อ้าวคุณราเชล รอเดี๋ยวสิ ผมยังกินไม่หมดเลย” แพทริคประท้วงขึ้น
“ก็กินต่อไปสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย แต่ฉันไป” หญิงสาวยิ่งเห็นท่าประท้วง ก็เลยยิ่งแหย่เขาเข้าไปอีก
“อย่าเพิ่งสิคุณราเชล รอกันก่อน อะไรกัน มาด้วยกันจะมาทิ้งกันได้ไงเนี่ย”
“ใครมาด้วยกัน พูดให้มันดี ๆ นะ นายต่างหากที่ตามฉันมา”
“ก็คุณกับผมไงครับ” พูดจบก็นึกอะไรขึ้นได้
“เอาแบบนี้ถ้าคุณราเชลรอผม เดี๋ยวมื้อเย็นผมพาไปกินอาหารไทยต่อเอามั้ย”
“นายเคยกินอาหารไทยด้วยเหรอ
“เคยสิครับ แม่ผมเป็นคนไทย”
“ไม่รู้มาก่อนนะเนี่ย”
“แต่แม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมเด็ก ๆ แล้วครับ ผมอยู่กับพ่อมาตลอด”
“เออ!..ฉันเสียใจด้วยนะ” แพทริคพยักหน้ารับรู้ถึงสิ่งที่หญิงสาวบอกเขา