ตอนที่ 2
“ช่วยให้เกียรติคุณราเชลด้วย” แพทริคยังคงยืนยันเสียงเย็นเช่นเดิม แต่เควินที่โมโหจัดก็กระชากมือออกพร้อมกับง้างหมัดแล้วพุ่งมาที่เขาทันที แต่ด้วยสัญชาตญาณ แพทริคหลบหมัดนั้นได้ทันและสวนกลับออกไปเช่นกันทำเอาเควินล้มลงกระแทกโต๊ะ ทำให้ขวดเหล้าที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้ากลุ่มของหญิงสาวร่วงหล่นกระจัดกระจายแตกเสียงดัง เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของหญิงสาวเรียกความสนใจของคนในผับให้หันมามองได้เป็นอย่างดี แต่แพทริคไม่ได้สนใจความวุ่นวายตรงหน้า กลับคว้าข้อมือเล็กของหญิงสาว ที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเดินกึ่งจูงหญิงสาวออกมาทันที
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อยไง” ราชาวดีที่ดิ้นประท้วงมาตลอดทาง สะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมเมื่อคนทั้งคู่เดินมาถึงรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถแล้ว
“กลับบ้านได้แล้วครับคุณราชาวดี” แพทริคยังคงพูดเสียงเย็น พร้อมกับทำท่าจะเดินเข้ามาจับมือเธออีกครั้ง
“นายคิดว่านายเป็นใครถึงได้มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉันแบบนี้” ราชาวดีหวีดเสียงใส่ พร้อมกับกระชากตัวถอยออกมาก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะเข้ามาจับมือเธอไว้ได้อีก
“ฉันจะกลับเข้าไปหาเพื่อนของฉัน” หญิงสาวพูดพลางทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในผับอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มเดินเข้ามาดักหน้าเอาไว้ซะก่อน
“หน้าตาคุณก็ดี การศึกษาก็สูง ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะทำตัวแบบนี้”
“ฉันทำตัวยังไง นายพูดให้มันดี ๆ นะ” ราชาวดีกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ก็ออกมากินเหล้าค่ำ ๆ มืด ๆ ในที่มั่วสุมแบบนี้ แล้วยังจะมานั่งให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้ลวนลามอีก คุณคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอไง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงแข็ง
“นี่นาย” พูดไม่พูดเปล่า หญิงสาวเดินตรงมาเงื้อมือจะฟาดหน้าชายหนุ่ม แต่มือคนที่ไวกว่าก็คว้าข้อมือบางเอาไว้ได้ และลากขึ้นรถทันที
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้คนบ้า ปล่อยนะ ไอ้บ้า ไอ้คนเลว ฉันบอกให้ปล่อย” หลังจากขังหญิงสาวเอาไว้ในรถได้ และตัวเองเข้ามานั่งประจำที่คนขับ แพทริคก็พยายามจะขับรถออกไป แต่หญิงสาวก็ไม่ลดละ ราชาวดีพุ่งจากเบาะหลังเข้ามาตบตีเขาเป็นพัลวัน
“ไอ้บ้า ไอ้คนเลว ไอ้บ้า”
“หยุดนะครับคุณราชาวดี คุณคงไม่อยากรู้ว่าคนบ้า คนเลวอย่างผมทำอะไรได้บ้าง” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นน้ำเสียงเย็นเฉียบจนน่ากลัว ทำเอาหญิงสาวหยุดทันทีราวกับปิดสวิตช์
“นั่งเฉย ๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้วรัดเข็มขัดซะ อย่าทำให้ผมโมโหไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกันว่าผมจะทำอะไรคุณราเชลบ้าง” ดวงตาดำเข้มดุของคนตัวโตที่มองมาทำเอาหญิงสาวกลัวได้อย่างประหลาด เธอค่อย ๆ นั่งพิงเบาะแล้วดึงเข็มขัดมาคาดอย่างช้า ๆ แต่เมื่อเขาหันหน้ากลับมา และแอบมองไปยังกระจกมองหลัง เขาก็เห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ทางด้านหลังในขณะนี้ ยังทำปากขมุบขมิบด่าเขาจากทางด้านหลังเบา ๆ คนเดียวไม่เลิก ทำเอาตัวเขาเองอดอมยิ้มในความดื้อรั้นของเธอไม่ได้
รถยนต์คันใหญ่จอดสนิทที่หน้าคฤหาสน์ของมาเฟียใหญ่เป็นที่เรียบร้อย แพทริคเดินลงจากรถเป็นคนแรกและเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้กับหญิงสาวอย่างรู้หน้าที่ แต่ทันทีที่ประตูรถเปิดออก หญิงสาวก็พุ่งออกมาจากรถและเข้ามาทุบตีเขาต่อทันทีที่รู้ว่าถึงบ้านแล้ว
“เกิดอะไรกันขึ้น” เสียงนายแฟรงค์ คอสเตลโล่ดังขึ้น หลังจากเดินผ่านลงมาด้านล่างและได้ยินเสียงโวยวายของลูกสาว เขาเลยแวะออกมาดู และได้เห็นภาพลูกสาวคนเดียวกำลังทุบตีคนของเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก็คนของคุณพ่อน่ะสิคะ กล้าดียังไงมาลากหนูกลับบ้าน” หญิงสาวพูดไปหอบไป ด้วยความเหนื่อย พูดจบราชาวดีก็หันมามองแพทริคราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เกิดอะไรขึ้น” ชายผู้อาวุโสที่สุดหันมาถามแพทริคที่ยืนอยู่ตรงนั้น และขณะนี้ลลิตาภรรยาคนสนิทของประมุขในบ้านก็ตามออกมาสมทบยืนฟังเหตุการณ์ด้วยกันอีกคน
“คุณราเชลออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อน แต่พอดีมีคนจะเข้ามาลวนลาม ผมเลยพาคุณราเชลกลับบ้านมาก่อนครับ” แพทริคกล่าวตอบเรียบ ๆ
“ราเชล” เสียงของผู้เป็นบิดาหันมาทางลูกสาว แม้ไม่ดังมากนัก แต่ก็ฟังดูเอาเรื่องไม่ใช่น้อย
“แค่ทักทายกันแบบฝรั่ง ไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะ” ราชาวดีพยายามจะแก้ตัว แต่เมื่อนายแฟรงค์หันมองไปยังคนของเขาที่ยืนทำหน้าเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ อยู่นั้น เขาก็พูดขึ้น
“ถ้ามันแค่นั้น แล้วแพทจะลากแกกลับมาแบบนี้ทำไม อายุเท่าไหร่แล้วทำอะไรไม่คิดถึงชื่อเสียงตัวเอง ไม่คิดถึงชื่อเสียงของพ่อกับแม่บ้าง” ลลิตาผู้เป็นมารดาเอ่ยเสียงดุลูกสาวแสดงถึงความไม่พอใจเพราะเธอยังคงความเป็นกุลสตรีมาจนถึงทุกวันนี้ ในอดีต แฟรงค์ได้ให้ลูกน้องไปลักตัวเธอมาอยู่กับเขาจนมีลูกหนึ่งคนก็คือราชาวดี เธอตั้งชื่อนี้ด้วยตัวเอง แต่ว่าแฟรงค์จะชอบเรียกว่าราเชล เธอจึงมีทั้งสองชื่อ
“แต่ว่าคนของพ่อเขา...” ยังไม่ทันจะพูดจบ นายแฟรงค์ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขึ้นห้องไปเดี๋ยวนี้”
“คุณพ่อ!!!” และด้วยความโมโห หญิงสาวกระโดดใช้สองแขนผลักไหล่ผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวเองทันที แล้วเดินปึงปังเสียงดังเข้าบ้านไป
“ขอบใจนายมาก ไปพักผ่อนเถอะ” นายแฟรงค์หันมาพูดกับแพทริคที่เพิ่งจะโดนผลักไปเมื่อสักครู่ และเมื่อเขาเดินลับไปแล้ว นายแฟรงค์ก็หันไปหาลูกน้องคนสนิททันที
“เล่าเรื่องแพทให้ผมฟังหน่อย” แฟรงค์เอ่ยถามภรรยาเพราะเธอรู้จักกับแพทเป็นอย่างดี เขาเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และพูดภาษาไทยได้ เธอเห็นว่าคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจเธอจึงรับเข้ามาทำงานแทนบอดี้การ์ดลูกสาวคนเก่า และอีกอย่างแพทริคเข้าใจความต้องการของลลิตาผู้เป็นแม่ได้อย่างดีว่าต้องการให้ลูกสาวเป็นกุลสตรีอย่างเธอ เพราะทุกวันนี้ลูกสาวเธอเป็นนักปาร์ตี้ตัวยง ขี้วีน เอาแต่ใจ ขี้เบื่อ ราชาวดีเป็นสาวสังคมสวยเจ้าเสน่ห์ที่เปลี่ยนคู่ควงบ่อยครั้ง จนกระทั่งครั้งหนึ่งมีข่าวซุบซิบในโซเซี่ยลและสื่อต่าง ๆ ที่เธอเปลี่ยนคู่ควงบ่อย ๆ เป็นเพราะเธอร่านผู้ชาย
“เขาชื่อแพทริค ชาเตอร์ ที่ดิฉันให้มาเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ของราเชล ฝีมือใช้ได้ทีเดียว” ลลิตากล่าวตอบ
“แพทริคงั้นเหรอ” นายแฟรงค์กล่าวขึ้นอย่างครุ่นคิด
ราชาวดี เป็นบุตรสาวคนเดียวของนายแฟรงค์ นักธุรกิจพันล้านชื่อดัง เขามีทั้งธุรกิจสีขาว สีเทา ไปจนถึงสีดำ ซึ่งเบื้องหลังนั้นใคร ๆ หลายคนและในหลายวงการต่างรู้กันดีกว่า บิดาของเธอนั้นเป็นถึง ‘มาเฟีย’ ที่ใคร ๆ ต้องยำเกรง และหลังจากขับไล่ความง่วงงุนออกไปได้จนหมดสิ้น ราชาวดีก็รีบลุกออกจากที่นอนเพื่อเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว เพื่อออกไปเผชิญกับวันใหม่อีกครั้ง