เธอไม่เคยตกอับขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยต้องนอนหวาดผวา ลำเค็ญสุดๆ เท่าที่จำได้คือการนอนเบียดๆ กันในห้องแคบๆ แต่ก็ยังมีอาหารยาไส้ และรู้จักคนเหล่านั้นดี เธอโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ถูกอัปเปหิออกจากที่นั่นตอนที่มีอายุครบสิบแปดปีเต็ม ขนาดพยายามยื้อไว้ที่สุด เพราะไม่รู้จะไปไหน ท้ายที่สุดเธอก็ต้องจำใจย้ายตัวเองออกมา ไม่อย่างนั้นเด็กที่เล็กกว่าเธอก็จะไม่มีที่นอน
สองปีกับความอ้างว้างก็ยังไม่ทรมานเท่าตอนนี้
ที่นี่เธอไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นจับเธอมาทำไม
ต่อให้เธออยู่ในที่เกิดเหตุ มีคนตายนอนอยู่ข้างๆ แต่นั่นก็ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเธอคือคนที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นตายสักหน่อย
“ต้องการอะไรจากนิกันนะ” นิยาดาพึมพำ หยิบไม้เสียบขนมปังอิงกับไอร้อนของกองไฟ ช่วยให้ขนมปังแข็งๆ นั่นนุ่มขึ้น
เธอบิขนมปังโยนใส่ปากขณะใช้ความคิด นึกถึงโทรศัพท์ส่วนตัวที่ถูกยึดไปติดหมัด เธออยากหาข้อมูลของคนที่จับตัวเธอมาสักหน่อย การรู้เขารู้เรา อาจช่วยให้เธอมีทางรอด แต่นั่นก็ทำได้แค่คิดนั่นแหละ อุปกรณ์สื่อสารเหล่านั้นถูกยึดไปตั้งแต่วันแรกแล้วนี่นะ
“ฉันซวยขนาดถูกเจ้าพ่อบ่อนการพนันจับตัวมาเชียวเหรอ”
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่แล้วซวยซับซวยซ้อนเข้าไปอีก ความจริงหากไม่ขึ้นเรือสำราญลำนี้มา อาจจะไม่โชคร้ายก็ได้ แต่ค่าแรงสามเท่าแบบนั้น นิยาดาไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เธอตอบตกลงทันทีที่นายจ้างยื่นข้อเสนอให้ ที่ตั้งใจไว้หลังได้เงินก้อนนี้ เธอคงมีเงินทุนสำหรับเปิดร้านขายของเล็กๆ สักร้านหนึ่ง ไม่คิดเหมือนกันว่าเป็นคราวเคราะห์ เงินก็ไม่ได้ แถมทำท่าจะติดร่างแห กลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย ที่ซวยหนักเลยก็คือ จะมีชีวิตรอดหรือไม่ยังไม่รู้เลย
นิยาดาเงยหน้ามองหลังคาบ้าน วันนี้เธอยังมีลมหายใจ แต่วันหน้าล่ะ จะเป็นยังไงต่อ เธอไม่ชอบการรอแบบนี้เลย ผู้ชายคนนั้นจะเอายังไงก็ไม่ทำสักที หากต้องตายเธอก็อยากรู้ความผิดของตัวเองก่อน ไม่ใช่ตายทั้งๆ ที่ยังคลุมเครือเช่นนี้
เธอก้มลงซบหน้ากับหัวเข่า “โอ้ยเหม็นชะมัด” ไม่ได้อาบน้ำเข้าวันที่สอง สภาพตัวเองตอนนี้คงมอมแมมน่าดู จะให้ทำยังไงได้ ถูกขังไว้ในกระท่อม มีอันตรายรอบตัว ไว้ใจใครสักคนยังไม่ได้เลย
จากกระท่อมไปไม่ไกลมีแหล่งน้ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย จนสามารถทำอะไรสุ่มเสี่ยงเช่นนั้นได้ ครั้นจะออกไปอาบน้ำตอนกลางคืน สภาพอากาศก็ไม่เป็นใจ แถมต้องระวังตัวเพิ่มด้วย สัตว์ร้ายนั่นล้อมกรอบเธอเข้ามาทุกวัน
“ทนเอาหน่อยเถอะนิ” นั่นแหละที่ทำได้ ทนจนกว่าจะทนไม่ได้ สงครามประสาทครั้งนี้ไม่มีทางจบตรงที่เธอเป็นคนแพ้ เธอไม่มีทางคลุ้มคลั่งเพราะถูกกดดันหรอก ความอดทนเธอมีมากกว่าที่ทุกคนคิด
เพราะไม่เคยต้องทนกับความสกปรกนานแบบนี้ไง ต่อให้อากาศหนาวจับขั้วหัวใจ นิยาดาก็ยังแบ่งเวลาอาบน้ำได้ ดังนั้นอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเลยทำให้เธอต้องทบทวนใหม่ ต้นไม้ใหญ่พวกนั้นพรางสายตาได้อย่างดี แต่ที่สำคัญเธอต้องมีชุดเปลี่ยน หากต้องทนใส่ชุดเดิมๆ การอาบน้ำก็ไม่มีความหมาย
แต่ค้นทั้งกระท่อมแล้ว ไม่มีแม้ผ้าสักชิ้น นอกจากผ้าห่มเก่าๆ ที่เธออาศัยให้ความอบอุ่นตอนกลางคืนผืนเดียว เธอจิปาก ตั้งใจจะรื้อกระท่อมทั้งหลังอีกครั้ง
“ไง หิวไหม?” เสียงคนแปลกหน้าเหมือนฟ้ามาโปรด ยิ่งเห็นของที่เจ้าตัวถือติดมือมาด้วย นิยาดาก็ยิ้มจนตาหยี
“ป้าเหมือนนางฟ้าสำหรับนิเลยค่ะ”
“อะไร ดีใจอะไรขนาดนั้น เท่าที่เห็นเธอดูสบายดีนี่” มาเรียส่งของที่ถือมาให้นิยาดา ความเวทนานางเลยอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนมาดูอีกครั้ง
“นิกำลังต้องการพอดีเลยค่ะ”
“ชุดเก่าๆ พวกนี้น่ะเหรอ”
“ค่ะ นิไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้วค่ะ กำลังเค็มได้ที่เลย”
“ดูเธอไม่ทุกข์ร้อนกับการถูกขังเลยนะ ไม่กลัวเหรอไง?”
“กลัวสิคะ แต่ความกลัวไม่ได้ทำให้นิต้องหมดความพยายามนี่คะ คนคนนั้นคงกำลังจับตามองอยู่ที่ไหนสักที่ ถ้านิท้อ เขาคงดีใจ นิไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นค่ะ”
“เธอเก่งดีจัง ฉันชอบ อย่าเพิ่งถอดใจล่ะ ฉันจะคอยเอาใจช่วย”
มาเรียให้กำลังใจเริ่มไม่เชื่อแล้วล่ะว่าผู้หญิงตรงหน้าจะมีความผิดร้ายแรง มันน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเสียมากกว่า
เบนเดอร์ลดกล้องส่องทางไกลในมือลง เขากะพริบเปลือกตาปริบๆ และรีบเก็บสีหน้าแตกตื่น อุ้งมือของเขาชื้นเหงื่อจนชุ่ม รู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกล เสียงหัวใจเต้นถี่ๆ นึกอยากยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องอีกครั้งแต่...
เขาเม้มปากกัดกระพุ้งแก้มไว้
ทบทวนภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจเป็นถ้ำมอง แค่อยากรู้ความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น หลังจากทิ้งหล่อนไว้ที่กระท่อมนั้นนานถึงสามสี่วัน
กระท่อมเก่าๆ โทรมๆ นั่นยังอยู่ที่เดิม แต่สภาพโดยรวมแปลกตาไปนิดหน่อย ลานกว้างที่ควรมีเศษใบไม้กองทับถมกันอยู่กลับสะอาดเอี่ยม เขาพยายามเพ่งสายตามองหาตัวประกันที่อาจช่วยให้ตนเองคลี่คลายปม แต่กลับไม่เจอเจ้าตัว เขาไล่สายตาไปเรื่อยๆ จนสะดุดเข้ากับการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ลำธารเล็กๆ ไม่ไกลจากกระท่อมหลังนั้น
ใครบางคนที่เหมือนนางไม้ กำลังเปลือยกายท้าแสงแดด
เขากลั้นลมหายใจขณะที่เลื่อนสายตาต่ำลงมาเรื่อยๆ เลือดในกายเดือดระอุแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ตั้งแต่ลาดไหล่กลมกลึง ไล่มาถึงปลายจะงอยถันสีระเรื่อ เนินหน้าท้องราบเรียบ และรู้สึกขัดใจครั้งแรกเมื่อจุดที่ตัวเองกระหายอยากเห็นที่สุด มีบางอย่างบดบังเอาไว้
ผู้หญิงคนนั้นคงไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกแอบมอง
หล่อนระวังตัวอยู่นะ ท่าทางระวังตัวจัด มองไปรอบๆ ตัวถี่ๆ แต่คงไม่รู้ว่าเขานั่งมองอย่างเพลิดเพลินเหนือศีรษะหล่อนนั่นเอง เบนเดอร์อยากชักสายตากลับ เขาไม่ใช่คนสัปดนเช่นนั้น หลายครั้งที่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา พร้อมสลัดเสื้อผ้าให้เขายลโฉมฟรีๆ เขายังไม่ใส่ใจ
อะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ดึงดูดสายตาของเขานะ?
เบนเดอร์วนถามตัวเอง เขาไม่ได้คำตอบพวกนั้นหรอก นอกจากความกระหายที่เพิ่มขึ้นจนลำคอแห้งผาก...
“มีคนน่าสงสัยขึ้นเรือลำนั้นหลายคนครับ รวมทั้งซามูเอลด้วย” มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม ที่คิดเอาไว้ไม่มีคลาดเคลื่อนสักนิดเดียว ตัวการใหญ่สร้างสถานการณ์หลบอยู่เบื้องหลังจริงๆ
“โจเซฟด้วยใช่ไหม?”
“ครับ...หมอนั่นลงจากเรือแล้วก็หายตัวไปกบดานที่ไหนสักที่ ผมกำลังคลำหาอยู่ เร็วๆ นี้คงเจอ”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้ไอ้เวรนั่นตายใจแล้วยอมโผล่หัวมาเองง่ายกว่า ตามซามูเอลเถอะ ฉันอยากรู้ว่าคนขี้ขลาดอย่างมันจะทำยังไงต่อ หลังจากทำให้...” เบนเดอร์ไม่ได้พูดต่อ เขาอยู่ที่เดอร์ลาคัวล์ หากมีคนนอกได้ยินแล้วคาบไปบอกริโอ อาการป่วยของบิดาคงทรุดลงทันที
“นอกนั้นมีใครที่น่าสงสัยอีกไหม”
“มีสองสามคนครับ กำลังจับตาดูอยู่”
“ลากมาหาฉันสักสองคนนะ ฉันจะเค้นคอพวกมันเอง” เสียงเหี้ยมๆ แบบนี้ หากอีกฝ่ายได้ยินคงหนาวถึงไขกระดูก ส่วนใหญ่เบนเดอร์ไม่เคยลงมือเอง เขามีคนเป็นมือเป็นเท้าให้หลายสิบคน ครั้งนี้คงเหลืออด หรือไม่ก็ต้องการกำราบอีกฝ่ายให้จบในครั้งนี้ ป่วยการยืดเยื้อกับคนรังควานที่ไม่คิดวางมือ
“มีอะไรอีกไหมเดอเรก”
“ไม่ครับ วันนี้คุณจะไปที่กาสิโนไหม”
“ดึกๆ ค่อยไป ฉันไปทำธุระห้ามใครตามฉันด้วยล่ะ”
“จะดีเหรอครับ”
“ที่นี่เดอร์ลาคัวล์นะเดอเรก หน้าไหนจะกล้าเข้ามาหึ” เบนเดอร์หันไปถาม พลางยิ้มมุมปาก แล้วก็เดินเอื่อยๆ จากมา
“เจ้านายคิดจะทำอะไรวะ” เดอเรกบ่นพึมพำ เดาจากทิศที่เบนเดอร์มุ่งหน้าไป จุดหมายปลายทางมีที่เดียว เดอเรกรีบจัดการตามสั่ง เขาเปิดเครื่องมือสื่อสารและกรอกเสียงตามที่เบนเดอร์สั่งแบบไม่มีตกหล่น “ห้ามตามคุณเบนนะ เธอสั่งงดการติดตาม อย่าโผล่หน้าไปให้คุณเบนเห็นเชียวมึง อยากตายก็ลองดู”