EP.6 เจ้าสาวพยศ
“เดินให้มันเร็วๆ หน่อยได้มั้ย”
ชายหนุ่มกระชากสไบที่มัดเธอไว้จนหญิงสาวเซถลาเกือบจะล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้น เขาออกแรงดึงและกระตุกสไบเป็นระยะเพื่อกระตุ้นให้หญิงสาวก้าวเท้าให้ไวขึ้น เพราะป่าแห่งนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าดุร้ายมีมาก ดังนั้นเขาจึงต้องรีบเร่งไปให้ถึงบ้านป่าให้เร็วที่สุด ถ้ายายม้าจอมพยศไม่วิ่งหนีเตลิดเข้ามา ป่านนี้คงถึงบ้านป่าเสียนานแล้ว แต่ก็ดีไปอีกแบบพาเดินป่าให้ตกระกำลำบากเสียบ้าง ผู้หญิงที่เห็นเงินเป็นพระเจ้าอย่างแก้วมุกดาจะได้รู้สำนึก
แก้วมุกดากัดริมฝีปากล่างเข้าหากัน เหน็ดเหนื่อยจนแทบเป็นลมล้มพับลงไปเสียเดี๋ยวนี้ เธอรู้สึกอดสู สภาพเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับวัว ควาย ที่จะถูกลากถูกจูงไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีสิทธิ์คิดไม่มีสิทธิ์ร้องขอความเป็นธรรม
พ่อเลี้ยงหนุ่มลอบชำเลืองมองไปยังด้านหลังเป็นระยะ เห็นจำเลยสาวไม่ปริปากโต้เถียงเหมือนตอนแรกก็แปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีเหม่อลอย ดวงตาคลอหยาดน้ำตาก็ทำให้หัวใจของคนตัวโตกระตุก ด้วยพื้นฐานพ่อเลี้ยงอินทัชไม่ใช่คนโหดร้าย แต่ที่เขาต้องร้าย ก็เพื่อสั่งสอนหญิงชั่วชายโฉด เขาไม่มีทางยอมให้พวกมันเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของดวงวิญญาณบริสุทธิ์ถึงสองดวงแน่ๆ
“โอ๊ย!”
หญิงสาวร้องเสียงหลง นิ่วหน้าด้วยความปวดแปลบเมื่อเท้าเปล่าเหยียบอะไรเข้าบางอย่าง และมันทิ่มลงไปกลางฝ่าเท้าจนเธอเดินต่อไม่ได้ แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่อนาทรเขาออกแรงกระชากสไบ หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวก็ล้มลงไปที่พื้น จะหยัดกายยืนขึ้นก็ไม่ไหว เพราะมีหนามแหลมคมปักลงกลางเท้า หากเธอลงน้ำหนักขาข้างนั้นก็เท่ากับกดปลายหนามแหลมคมให้ฝังลึกลงไปกว่าเดิม
“เลิกสำออยเสียที ตกลงเธอจะให้ฉันลากเธอใช่มั้ย ได้!” อินทัชลากหญิงสาว แรงดึงสไบทำให้ยิ่งรัดข้อมือเล็กจนปวดแปลบ
“ฉันไม่ได้สำออย แต่หนามตำเท้าฉัน จนฉันเดินไม่ได้จริงๆ”
หญิงสาวโอดครวญเสียงสั่น เธอปวดและมีแผลเต็มไปหมดทั้งตัว ตาพร่าจากหยาดน้ำตาที่ไหลกบดวงตาคู่สวย แม้เธอจะพยายามสั่งตัวเองมาตลอดว่าเธอต้องเป็นคนเข้มแข็ง ต้องอดทน แต่เมื่ออะไรหลายๆ อย่างประดังเข้ามาจนเธอตั้งรับไม่ทันเช่นนี้ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับสติแตก จู่ๆ ก็ปล่อยโฮจนคนตัวโตถึงกับไปไม่เป็น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะแก้วมุกดา ฉันสั่งให้เธอหยุด!”
ชายหนุ่มตวาดหวังจะให้หญิงสาวหยุดร้องไห้ แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เมื่อหญิงสาวโก่งคอร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลพรากๆ อาบแก้มอิ่มที่บัดนี้เปื้อนดินขะมุกขะมอมจนไม่น่าดู
“ฉันไม่หยุด ฉันจะร้อง ฮือ...” หญิงสาวยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น อินทัชเห็นดังนั้นก็ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรให้เธอหยุดร้องไห้
“โธ่โว้ย!”
พ่อเลี้ยงอินทัชสบถอย่างหัวเสีย เขาโมโหจนอยากจะเขย่าผู้หญิงตรงหน้าให้หยุดร้อง เขาไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง มันทำให้เขาอึดอัดพานคิดอะไรไม่ออก เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างแก้วมุกดา ผู้หญิงที่กล้ากระโดดถีบพ่อเลี้ยงอินทัช กล้าต่อปากต่อคำชนิดไม่กลัวเกรง แล้วก็กล้าร้องไห้โฮเหมือนคนเสียสติแบบนี้ เคยมีคนนิยามผู้หญิงว่า ‘อาร์ตตัวแม่’ เขาไม่เคยเข้าใจคำนี้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้นี่เอง...
เสียงร้องไห้เงียบลงเมื่อจู่ๆ เจ้าของร่างสูงก็จับเท้าของเธอยกขึ้น แล้วค่อยๆ ดึงหนามที่ตำเท้าหญิงสาวออกอย่างเบามือ ทว่าการเงียบเสียงร้องไห้ไม่ใช่เพราะหญิงสาวซาบซึ้งกับการกระทำของเขาแม้แต่น้อย กลับกัน...หญิงสาวเห็นว่าเขาเผลอปล่อยสไบ สองมือที่มัดติดกันไว้จึงคว้าท่อนไม้ไม่ไกลแล้วฟาดลงบนท้ายทอยของชายหนุ่มเต็มแรง
“โอ๊ย!”
พ่อเลี้ยงอินทัชฟุบล้มลงไปกับพื้น แก้วมุกดาได้ทีก็รีบลุกขึ้นเตะเข้าที่ชายโครงของพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที “จำไว้นะพ่อเลี้ยงอินทัช ว่าอย่าโง่ไว้ใจมารยาหญิง แบร่!” หญิงสาวแลบลิ้นใส่ชายหนุ่มแล้วโกยแน่บวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“หน็อย นังตัวแสบ!!!”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด มึนศีรษะจนแทบลุกไม่ขึ้น เมื่อเขาตั้งหลักได้ก็วิ่งตามแม่เสือสาวไปทันที คิดหรือว่านายพรานอย่างเขาจะปล่อยให้เธอทำร้ายได้ถึงสองครั้ง คอยดูเถอะ! จับได้เมื่อไหร่ จะทรมานให้แสบสันถึงทรวง ให้เจ็บเจียนตายราวกับตายทั้งเป็น
หัวใจเต้นรัวเร็ว เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงวิ่งตามมาด้านหลัง แม้จะทิ้งห่างพอสมควร แต่หัวใจของหญิงสาวก็หล่นฮวบลงไปกองที่ปลายเท้า “ทำไมมันไม่สลบ อึดเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวกัดฟันกรอด คว้าท่อนไม้ข้างทางมากำไว้ หมายใจว่าหากเขาจับเธอได้เมื่อไหร่ เธอจะสู้จนถึงที่สุด
รู้จักคนอย่างแก้วมุกดาน้อยไปเสียแล้ว!
พ่อเลี้ยงอินทัชหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นว่าหญิงสาววิ่งหนีเข้าไปติดกับดักจนได้ เขาจึงชะลอฝีเท้าอย่างใจเย็น ไม่ได้วิ่งตามอย่างกระชั้นชิดเหมือนในตอนแรก ด้วยรู้ดีว่านับจากนี้หมากเกมนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร
พระอาทิตย์ทิ้งตัวลงกลางหุบเขาไม่นาน ความมืดมิดก็ค่อยๆ แผ่อาณาเขตปกคลุมน่านฟ้าจนดำสนิท แก้วมุกดาหายใจหอบ เหนื่อยจนแทบขาดใจ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหนีการตามล่าของฆาตกรโรคจิตที่เดินตามเธออย่างใจเย็น ในขณะที่เธอวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวหันมองไปยังด้านหลัง เห็นชายหนุ่มยังคงเดินตามมาอย่างไม่ลดละ หญิงสาวหันรีหันขวางเมื่อเห็นแสงไฟลิบๆ อยู่ตรงเนินเขา หัวใจของเธอก็ลิงโลด
แก้วมุกดาถลกผ้าถุงขึ้นแล้วออกวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้
“รอดแล้ว!”
กระท่อมหลังเล็กเปิดไฟสว่างจ้า ด้านหลังกระท่อมมีควันสีขาวลอยกรุ่นจากการก่อไฟหุงหาอาหาร เสียงรายการละครเย็นจากโทรทัศน์ดังเจื้อยแจ้ว แก้วมุกดามองเห็นหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน กำลังก้มลงเก็บที่เชี่ยนหมากลงตะกร้าเพื่อกลับเข้าไปในบ้าน เธอไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาหญิงชราทันที
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยหนูด้วยค่ะยาย”
หญิงสาวร้องไห้โฮ วิ่งกระเซอะกระเซิงมาหาหญิงชรา หน้าตาซีดเซียวมอมแมมเต็มไปด้วยดินโคลนและบาดแผลทำให้หญิงชราตกอกตกใจ