ก็แค่ไปดูดอกบัว

1130 Words
Love's so hot รักรสเผ็ดร้อน บทที่ 7 กลับจากงานมาสวรสได้มีการติดต่อพูดคุยกับเฉินหมิงจินทางแชทไลน์ที่เคยแลกกันไว้ หลักๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรมากมายนักเพียงแค่แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป "ไง อรุณสวัสดิ์" "คุณ!!" ขณะที่สวรสกำลังใจลอยอยู่กับอาหารเช้า ในหัวก็คิดวนไปถึงเรื่องบนสะพาน ทำไมถึงได้หลวมตัวไปขนาดนั้น เกิดไม่มีลายไทยไม่รู้จะไปถึงไหนต่อไหน ร่างนะหงสะดุ้งตตัวโยน ตกใจกับเสียงทักทายของแขกประจำ เขาเข้าออกบ้านนี้ราวกับบ้านตัวเอง "ทำไม กำลังนึกเสียดายที่ไม่ได้จูบกับไอ้เฉินหมิงเหรอ ขอโทษละกันที่ไปขัดจังหวะ ไม่ได้คิดว่าคุณอยากจะจูบกับมัน" คำพูดเสียดแทงจิตใจของอีกฝ่ายสร้างความโมโหให้กับคนฟังอย่างมาก หน้าขาวนวลพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดสูบฉีดตามอารมณ์ที่กำลังปะทุ มือบางกำเข้าหากันแน่น ต่อให้เธอคิดถึงเรื่องนั้นจริงแจ่ก็ไม่ได้ริดไปในทางที่เขากล่าวหาสักนิด "พูดให้มันดีดีนะคุณ ที่ฉันทำไปก็เพราะคุณมาขอให้ช่วยไม่ใช่หรือไง" "ผมรู้ แต่ผมไม่ได้บอกให้คุณถลำตัวไปขนาดนั้นนี่" "ฉันถลำอะไร ก็แค่ไปดูดอกบัว..." "คุณเกือบจะจูบกับมันแล้ว ถ้าผมไม่โทรไป ไม่รู้ตัวเลยหรอ" ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายสวรสนั้นก็เถียงเพื่อความจริงของตัวเอง เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่ลายไทยกล่าวหา แต่ลายไทยสิที่มาโวยวายโมโหเรื่องนี้มันเพราะอะไรกันแน่ ถึงสวรสจะจูบกับเฉินหมิงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย "ฉัน..." "ผมแค่อยากเตือนคุณ ด้วยความเป็นห่วง ในฐานะเพื่อนคนนึง" "เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่" สวรสย้อนถามอย่างทันที "ตั้งแต่ตอนคุณตกลงช่วยผมไง" "ฉันบอกจะช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นเพื่อนกับคุณ" "ถ้างั้น...แล้วคุณอยากเป็นอะไรกับผม" คนถามเอ่ยถามพร้อมขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้ใกล้กันจนชิดแต่สายตาก็ประสานจนเหมือนเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ "หยุดเลยนะ!! ออกไปห่างๆ ด้วย" เมื่อรู้สึกตัว ร่างบางรีบถอยหนีอย่างทันที เธอจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบเมื่อคืนเกิดขึ้นอีกแน่ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม "ผมแค่อยากจะดูพัฒนาการคุณว่ามันจะทันเล่ห์ทันเหลี่ยมของไอ้เฉินหมิงหรือเปล่า" "ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกห่วงตัวเองดีกว่า งานการไม่มีทำหรือไงมาตามติดชีวิตฉันแบบนี้" "ก็นี่ไง งานผม ตามดูแลคุณ เพราะคุณถือเป็นหนึ่งในทีมของผมแล้ว" "โอ้ยฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจะได้..." "ชู่ววว" สวรสพูดไม่ทันจบอยู่ๆ ลายไทยก็ยกนิ้วขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากเรียวบางของคนพูดพร้อมส่งสัญญาณให้เงียบ "แล้วเจอกันนะ" "อ้าว จะไปไหน เฮ้!!?" พูดจบร่างกายกำยำก็หลบหนีออกไปทางประตูด้านหลัง ทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนงง อยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมาก็มาจะไปก็ไป อะไรของเขาเนี่ย "แกคุยกับใคร ยัยรส" พอได้ยินเสียงเอ่ยถาม บวกกับการปรากฏตัวของพี่สาว คนที่ยืนงุนงงอยู่ก็กระจ่างทันที ลายไทยมีความว่องไวและไหวพริบตามแบบของสายลับมือต้นๆ ของกรม ประสาทสัมผัสทุกอย่างเร็วกว่าคนทั่วไป การได้ยิน รับกลิ่น หรือมองเห็นเขาต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา "รส...คือรส....ซ้อม..คุยกับคนที่จะมาบำบัดค่ะ พอดีว่า..วันนี้อ่านประวัติแล้วรู้สึกว่าอาการค่อนข้างรุนแรง ก็เลย...ซ้อมไปก่อน" สวรสพยายามแก้ตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่เพราะพี่สาวไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำตอบจึงไม่ได้พิจารณาความน่าเชื่อถือ ศิริลักษณ์แค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว "ฉันว่าแกก็ควรเข้าบำบัดบ้างนะ บ้าขึ้นทุกวัน" "แขนพี่ไปโดนอะไรมา ทำไมเป็นรอยแบบนี้" ยังหวะที่เอื้อมไปหยิบขนมปังบนจานที่ตั้งไว้กลางโต๊ะ ทำให้เสื้อคลุมแขนยาวที่ศิริลักษณ์ตั้งใจมาปกปิดรอบช้ำบนตัวเลื่อนขึ้นและไม่สามารถปิดบังรอยจากสายตาอันว่องไวของน้องสาวได้ เจ้าตัวรีบดึงแขนเข้าไปเก็บทันทีเพราะกลัวแม่น้องสาวจอมจุ้นจะดึงออกไปดู "ฉันแค่...มีอุบัติเหตุนิดหน่อย" "อุบัติเหตุอะไร ทำไมเป็นรอยเหมือนโดนมัดแบบนี้" "นี่รส ฉันเป็นพี่สาวแกนะไม่ได้เป็นคนป่วยของแก" "แต่พี่ยังอยู่ในเคสบำบัดของรสนะ" "อยู่บ้านฉันเป็นพี่แก อยู่ที่ทำงานแกถึงจะเรียกฉันว่าโรคจิตได้" "พี่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วใช่มั้ย ไหนพี่บอกว่าดีขึ้นแล้วไง" "นี่ ฉันจะทำอะไรบนตัวฉันมันเรื่องของฉัน อย่ามาสาระแนจะได้มั้ย" คำพูดทิ่มแทงใจจากปากคนเป็นพี่สาว หวังแค่อยากให้น้องเลิกมาเซ้าซี้เรื่องแผลไม่ได้มีเจตนาทำร้ายจิตใจแม้แต่น้อย แต่คนฟังถามด้วยความห่วงใยและใจที่รักพี่ มันก็เป็นธรรมดาหากจะรู้สึกน้อยใจ "พี่ลักษณ์ เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะ ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรขึ้นมา รสจะอยู่ยังไง" ศิริลักษณ์แม้จะทำทีไม่สนใจ แต่คำพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจของน้องสาวก็ทำให้คนฟังใจบางไปไม่น้อย "ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก ฉันจะรอดูว่าใครมันจะมาเอาคนเจ้าบงการแบบแก" "รสไม่แต่งงานหรอกจะอยู่แบบนี้แหละตลอดชีวิต" "ได้ไงยะ ฉันตั้งใจจะแต่งทีหลังแก รอดูงานแกก่อนแล้วฉันจะจัดให้ใหญ่กว่าแกสักสิบเท่า" จากการโต้เถียงกันเรื่องแผล ศิริลักษณ์ก็เปลี่ยนสถานการณ์ตรึงเครียดให้มาเป็นสนุกสนาน สองสาวพากันหัวเราะร่าไปกับสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างมโนขึ้นมาเย้าหยอกกัน ลายไทยที่แอบมองดูอยู่นอกหน้าต่างก็พลอยยิ้มไปตามรอยยิ้มอันสดใสของสวรสด้วย ปกติแล้วสาวคนนี้ไม่ค่อยชอบยิ้มนัก แต่เมื่อเธอยิ้มก็พาให้โลกดูมีสีสันขึ้นมา เขาเข้าใจคำว่าคนหน้านิ่งที่ยิ้มแล้วโลกละลายก็ตอนได้เจอกับสวรสคนนี้นี่เอง ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD