Love's so hot รักรสเผ็ดร้อน
บทที่ 7
กลับจากงานมาสวรสได้มีการติดต่อพูดคุยกับเฉินหมิงจินทางแชทไลน์ที่เคยแลกกันไว้ หลักๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรมากมายนักเพียงแค่แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป
"ไง อรุณสวัสดิ์" "คุณ!!"
ขณะที่สวรสกำลังใจลอยอยู่กับอาหารเช้า ในหัวก็คิดวนไปถึงเรื่องบนสะพาน ทำไมถึงได้หลวมตัวไปขนาดนั้น เกิดไม่มีลายไทยไม่รู้จะไปถึงไหนต่อไหน ร่างนะหงสะดุ้งตตัวโยน ตกใจกับเสียงทักทายของแขกประจำ เขาเข้าออกบ้านนี้ราวกับบ้านตัวเอง
"ทำไม กำลังนึกเสียดายที่ไม่ได้จูบกับไอ้เฉินหมิงเหรอ ขอโทษละกันที่ไปขัดจังหวะ ไม่ได้คิดว่าคุณอยากจะจูบกับมัน"
คำพูดเสียดแทงจิตใจของอีกฝ่ายสร้างความโมโหให้กับคนฟังอย่างมาก หน้าขาวนวลพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดสูบฉีดตามอารมณ์ที่กำลังปะทุ มือบางกำเข้าหากันแน่น ต่อให้เธอคิดถึงเรื่องนั้นจริงแจ่ก็ไม่ได้ริดไปในทางที่เขากล่าวหาสักนิด
"พูดให้มันดีดีนะคุณ ที่ฉันทำไปก็เพราะคุณมาขอให้ช่วยไม่ใช่หรือไง"
"ผมรู้ แต่ผมไม่ได้บอกให้คุณถลำตัวไปขนาดนั้นนี่"
"ฉันถลำอะไร ก็แค่ไปดูดอกบัว..."
"คุณเกือบจะจูบกับมันแล้ว ถ้าผมไม่โทรไป ไม่รู้ตัวเลยหรอ"
ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายสวรสนั้นก็เถียงเพื่อความจริงของตัวเอง เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่ลายไทยกล่าวหา แต่ลายไทยสิที่มาโวยวายโมโหเรื่องนี้มันเพราะอะไรกันแน่ ถึงสวรสจะจูบกับเฉินหมิงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
"ฉัน..."
"ผมแค่อยากเตือนคุณ ด้วยความเป็นห่วง ในฐานะเพื่อนคนนึง"
"เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่"
สวรสย้อนถามอย่างทันที
"ตั้งแต่ตอนคุณตกลงช่วยผมไง"
"ฉันบอกจะช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นเพื่อนกับคุณ"
"ถ้างั้น...แล้วคุณอยากเป็นอะไรกับผม"
คนถามเอ่ยถามพร้อมขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายแม้จะไม่ได้ใกล้กันจนชิดแต่สายตาก็ประสานจนเหมือนเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ
"หยุดเลยนะ!! ออกไปห่างๆ ด้วย"
เมื่อรู้สึกตัว ร่างบางรีบถอยหนีอย่างทันที เธอจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบเมื่อคืนเกิดขึ้นอีกแน่ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
"ผมแค่อยากจะดูพัฒนาการคุณว่ามันจะทันเล่ห์ทันเหลี่ยมของไอ้เฉินหมิงหรือเปล่า"
"ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกห่วงตัวเองดีกว่า งานการไม่มีทำหรือไงมาตามติดชีวิตฉันแบบนี้"
"ก็นี่ไง งานผม ตามดูแลคุณ เพราะคุณถือเป็นหนึ่งในทีมของผมแล้ว"
"โอ้ยฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจะได้..."
"ชู่ววว"
สวรสพูดไม่ทันจบอยู่ๆ ลายไทยก็ยกนิ้วขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากเรียวบางของคนพูดพร้อมส่งสัญญาณให้เงียบ
"แล้วเจอกันนะ"
"อ้าว จะไปไหน เฮ้!!?"
พูดจบร่างกายกำยำก็หลบหนีออกไปทางประตูด้านหลัง ทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนงง อยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมาก็มาจะไปก็ไป อะไรของเขาเนี่ย
"แกคุยกับใคร ยัยรส"
พอได้ยินเสียงเอ่ยถาม บวกกับการปรากฏตัวของพี่สาว คนที่ยืนงุนงงอยู่ก็กระจ่างทันที ลายไทยมีความว่องไวและไหวพริบตามแบบของสายลับมือต้นๆ ของกรม ประสาทสัมผัสทุกอย่างเร็วกว่าคนทั่วไป การได้ยิน รับกลิ่น หรือมองเห็นเขาต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
"รส...คือรส....ซ้อม..คุยกับคนที่จะมาบำบัดค่ะ พอดีว่า..วันนี้อ่านประวัติแล้วรู้สึกว่าอาการค่อนข้างรุนแรง ก็เลย...ซ้อมไปก่อน"
สวรสพยายามแก้ตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่เพราะพี่สาวไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำตอบจึงไม่ได้พิจารณาความน่าเชื่อถือ ศิริลักษณ์แค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว
"ฉันว่าแกก็ควรเข้าบำบัดบ้างนะ บ้าขึ้นทุกวัน"
"แขนพี่ไปโดนอะไรมา ทำไมเป็นรอยแบบนี้"
ยังหวะที่เอื้อมไปหยิบขนมปังบนจานที่ตั้งไว้กลางโต๊ะ ทำให้เสื้อคลุมแขนยาวที่ศิริลักษณ์ตั้งใจมาปกปิดรอบช้ำบนตัวเลื่อนขึ้นและไม่สามารถปิดบังรอยจากสายตาอันว่องไวของน้องสาวได้ เจ้าตัวรีบดึงแขนเข้าไปเก็บทันทีเพราะกลัวแม่น้องสาวจอมจุ้นจะดึงออกไปดู
"ฉันแค่...มีอุบัติเหตุนิดหน่อย"
"อุบัติเหตุอะไร ทำไมเป็นรอยเหมือนโดนมัดแบบนี้"
"นี่รส ฉันเป็นพี่สาวแกนะไม่ได้เป็นคนป่วยของแก"
"แต่พี่ยังอยู่ในเคสบำบัดของรสนะ"
"อยู่บ้านฉันเป็นพี่แก อยู่ที่ทำงานแกถึงจะเรียกฉันว่าโรคจิตได้"
"พี่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วใช่มั้ย ไหนพี่บอกว่าดีขึ้นแล้วไง"
"นี่ ฉันจะทำอะไรบนตัวฉันมันเรื่องของฉัน อย่ามาสาระแนจะได้มั้ย"
คำพูดทิ่มแทงใจจากปากคนเป็นพี่สาว หวังแค่อยากให้น้องเลิกมาเซ้าซี้เรื่องแผลไม่ได้มีเจตนาทำร้ายจิตใจแม้แต่น้อย แต่คนฟังถามด้วยความห่วงใยและใจที่รักพี่ มันก็เป็นธรรมดาหากจะรู้สึกน้อยใจ
"พี่ลักษณ์ เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะ ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรขึ้นมา รสจะอยู่ยังไง"
ศิริลักษณ์แม้จะทำทีไม่สนใจ แต่คำพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจของน้องสาวก็ทำให้คนฟังใจบางไปไม่น้อย
"ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก ฉันจะรอดูว่าใครมันจะมาเอาคนเจ้าบงการแบบแก"
"รสไม่แต่งงานหรอกจะอยู่แบบนี้แหละตลอดชีวิต"
"ได้ไงยะ ฉันตั้งใจจะแต่งทีหลังแก รอดูงานแกก่อนแล้วฉันจะจัดให้ใหญ่กว่าแกสักสิบเท่า"
จากการโต้เถียงกันเรื่องแผล ศิริลักษณ์ก็เปลี่ยนสถานการณ์ตรึงเครียดให้มาเป็นสนุกสนาน สองสาวพากันหัวเราะร่าไปกับสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างมโนขึ้นมาเย้าหยอกกัน ลายไทยที่แอบมองดูอยู่นอกหน้าต่างก็พลอยยิ้มไปตามรอยยิ้มอันสดใสของสวรสด้วย ปกติแล้วสาวคนนี้ไม่ค่อยชอบยิ้มนัก แต่เมื่อเธอยิ้มก็พาให้โลกดูมีสีสันขึ้นมา เขาเข้าใจคำว่าคนหน้านิ่งที่ยิ้มแล้วโลกละลายก็ตอนได้เจอกับสวรสคนนี้นี่เอง